"เอ๊ะ จิรากร" เล่าความลำบากในฐานะศิลปิน ก่อนพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการขายกุ้งเผา

ในช่วงสถานการณ์โรค โควิด-19 ระบาด ธุรกิจหลายธุรกิจต้องปิดตัวลงหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นการขายออนไลน์ ให้เข้ากับสถานการณ์ โดย เอ๊ะ-จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินรองแชมป์รายการ The Mask Singer ก็เป็นอีกคนที่หยิบจับทุกโอกาสด้วยการทำร้านซีฟู้ด Prawn Hub By กินกับกา และล่าสุดเขาได้มาร่วมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ที่ผลิตโดย CHANGE2561 เพื่อเล่าถึงธุรกิจใหม่พร้อมกับเล่าชีวิตที่ต้องสู้ในวงการเพลงถึง 11 ปี กว่าจะมีเพลงดัง

โดยเอ๊ะได้เล่าถึงความลำบากในเส้นทางการเป็นศิลปินว่า "ผมทำวงอยู่ใต้ดินนานกว่า 10 ปีเลยครับกว่าจะมีเพลงดัง ผมเคยทำงานเพลงกับ ปิ๊ด Bodyslam (ธนดล ช้างเสวก) ด้วยแต่ก็แยกย้ายกันไปตอนที่แยกย้ายเพื่อนแต่ละคนก็ได้ดีกันไปหมดยกเว้นแค่เราคือเป็นนักร้องนำมาตลอดครับ ร้องแนวร็อคมาตลอดเลยครับ ร็อคแบบว๊ากๆ แต่พอเราร้องแบบว๊ากได้สักพักหนึ่งเราก็ไปเล่นดนตรีในผับที่เจอ ปิ๊ดเราก็เริ่มร้องแบบเบาลงๆ แล้วเราก็มาทำเพลงแบบป็อปร็อคไปอยู่ค่ายลาดพร้าว แต่ตอนนั้นไม่ได้ออกเพลงนะครับ แล้วเราก็มาเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ที่ GMM Grammy เราก็ร้องไกด์อยู่ 5 ปี แล้วมันจะมีช่วงฟองสบู่ทางด้านวงการเพลงแตกค่ายเล็กๆ ย่อยๆ เลยต้องปิดตัวลง"

แต่ถึงแม้จะเจออุปสรรคมากมาย เอ๊ะ จิรากรก็มีผลงานที่เปลี่ยนชีวิต โดยเขาได้เล่าเกี่ยวกับผลงานดังกล่าวว่า "เพลงแรกคือ "ไม่มีตรงกลาง" เพราะตอนนั้นเป็นโปรเจคที่ทางคุณ ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม เขาทำอยู่เขาก็บอกให้เราเอามาร้อง เราก็เอามาร้อง แล้วทีนี้มันก็มีเหตุคือ โปรดิวเซอร์ที่เขาทำให้วง Potato กับเราคือคนเดียวกันแล้วบังเอิญเขาไรท์เพลงที่เราร้องกับวง Potato ลงในแผ่นเดียวกัน ทีนี่เขาจะเอาเพลงวง Potato ไปเปิดให้ กู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ฟัง แต่เพลงที่เขาเปิดมาเป็นเสียงเราร้องขึ้นมาว่า "ใครจะพยายาม….." (หัวเราะ) พออากู๋ ได้ยินเสียงเราเขาก็ถามว่าเสียงใครและให้โอกาสเรามาทำเพลงตอนนั้นเราก็ได้ทำอัลบั้มเลยครับ รู้สึกดีใจ ซึ่งในอัลบั้มก็มีเพลงที่ดังอีก "ใจกลางความรู้สึกดีๆ", "ระหว่างเราสองคน" ฯลฯ แต่กว่าเราจะโชคดี กว่าเราจะดังเราอยู่ในวงการนานมากเพราะคนอื่นเขาดังอายุยี่สิบกว่า แต่เรามาดังตอนสามสิบห้า"

หลังจากเล่าถึงการปล่อยเพลงแล้ว เอ๊ะ จิรากรก็ได้เล่าถึงความโด่งดังของรายการ The Mask Singer ที่เปลี่ยนชีวิตเขาว่า "ช่วงที่เราประกวดเวทีหน้ากาก เปลี่ยนชีวิตเลยครับตอนนั้น เพราะเป็นซีซั่นแรกด้วยเราเลยให้ความสนใจมาก ซึ่งเรากับทีมงานไม่คิดว่าจะดัง ช่วงนั้นที่มีงานทุกวันเรียกว่าเยอะมากจริงๆ ผมเข้าโรงพยาบาลไปสองรอบตอนนั้น อดหลับอดนอนเพราะงานเยอะ"

นอกจากการเป็นศิลปินแล้ว เอ๊ะ จิรากร ก็ได้เล่าถึงธุรกิจอาหารของตัวเองว่า "เพราะเราชอบกินอาหารทะเลเลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทำน้ำจิ้มครับ ที่ร้านเราก็จะมี กุ้งเผา, กุ้งแช่น้ำปลา เราเป็นคนเผากุ้งเอง ทำเองหมดเลยทุกอย่างจะมีพริกขี้หนู แล้วมันจะมีส่วนผสมพิเศษที่บอกไม่ได้ครับ อันนี้ที่เป็นทีเด็ดที่ผสมอยู่ในน้ำจิ้มเลย อีกอย่างน้ำจิ้มของเราจะไม่ทำเผ็ดรสโดนเพราะถ้าเผ็ดมากๆ กว่าจะกินกุ้งหมดกล่อง ก็จะกลายเป็นทานไม่หมดเพราะอิ่มน้ำ โดยสูตรที่นำมา คือ สูตรของคุณแม่ของเพื่อนครับ เราก็ไปให้น้องๆช่วยสอนเรา เพราะเราชอบทำอาหาร เราเลยเรียนรู้ที่จะทำ ถามว่าอร่อยไหม อร่อยในแบบของเราแล้วกัน ส่วนชื่อร้าน Prawn Hub มาทีหลังเลยครับ เพราะตอนแรกผมมีเพจ กินกับกา อยุ่แล้ว เรามาได้กุ้งเพิ่มขึ้นมาเลยเป็นที่มาของ Prawn Hub แต่จริงๆ กินกับกา ก็จะมีหอยนางรม ลูกชิ้นปลาครับ เราไม่มีหน้าร้านครับ ของทางร้านเราต้องสั่งข้ามวันครับ เพราะเราอยากให้ทุกคนทานของสดๆ ต้องโทรสั่งล่วงหน้า 1 วัน สามารถสั่งได้ที่เพจ กินกับกา ได้เลยครับ 

การมารายการ ต้มยำอัมรินทร์ ครั้งนี้เอ๊ะ จิรากรเองก็ได้พูดถึงการถูกตั้งฉายา "นักร้องจังหวะนรก" ที่มักจะปล่อยเพลงมาเจอกับข่าวดังที่เป็นประเด็นสังคม รวมถึงผลงานใหม่อย่างเพลง "โลกอิจฉา" ด้วย โดยแฟนๆ สามารถติดตามชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ที่ YouTube CHANGE2561