สัมภาษณ์พิเศษ “พล-แฮ็ค-ยอด-หั่ง” สุภาพบุรุษนักกีตาร์ที่ได้การยอมรับจากการฝึกซ้อม
“กีตาร์” เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ สำหรับวัยรุ่นผู้ชายแทบทุกคน ต่างเคยฝึกซ้อมผ่านมือกันมาทั้งนั้น บางคนเลิกกลางคัน หันไปสนใจอย่างอื่นแทน หรือบางคนทำสำเร็จ ไม่ทิ้งความตั้งใจ ได้เป็นนักดนตรีสมใจ จนเดินทางอยู่ในเส้นทางนักดนตรีที่คนทั่วประเทศรู้จักดี อาทิ พล-คชภัค ผลธนโชติ และ แฮ็ค-ฐาปนา ณ บางช้าง มือกีตาร์วง Clash, ยอด-ธนชัย ตันตระกูล มือกีตาร์วง Bodyslam รวมไปถึง หั่ง-ทีฆทัศน์ ทวิอารยกุล มือกีตาร์วง Potato
และในอีกไม่ช้านี้ มือกีตาร์ที่ได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงทั้ง 4 คน จะโคจรมารวมกันในคอนเสิร์ต The Gentlemen Live คอนเสิร์ตครั้งสำคัญสุดท้าทาย ในการนำเพลงฮิตแต่ละวง ที่มีจังหวะโซโล่แน่นๆ มาเรียบเรียงไลน์ดนตรีขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด ให้เกิดความละมุนต่างจากสายร็อคเหมือนเคย ซึ่งแฟนเพลงสามารถเริ่มจับจองบัตรได้ตั้งแต่ วันพุธที่ 30 กันยายนนี้ โดยคอนเสิร์ต The Gentlemen Live จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม และวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
Sanook Music มีโอกาสได้สัมภาษณ์สุดพิเศษขุนพลกีตาร์ทั้ง 4 คน พล, แฮ็ค, ยอด, หั่ง ที่จะมาบอกต่อถึงประสบการณ์ มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับกีตาร์ ที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้มือกีตาร์รุ่นน้องได้เอาเป็นแบบอย่างตามไม่มากก็น้อย
เสน่ห์อะไรของ “กีตาร์” ที่ทำให้พวกคุณก้าวเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม?
พล : เคยเห็นพี่ชายที่เป็นญาติเล่น แล้วมันเท่ เล่นออกมาแล้วแบบมีจังหวะ มีคอร์ด มีโน้ตต่างๆ ที่มันสวยงาม แล้วร้องเพลงได้ มันเลยเป็นจุดที่เกิดแรงบันดาลใจว่า น่าลองฝึกเล่น ซึ่งเริ่มมาจากกีตาร์โปร่ง แกะเพลงของพี่ศักดา พัทธสีมา พี่บอย โกสิยพงษ์ รู้สึกว่าตอนเด็กๆ ต้องแกะเพลงเหล่านี้เล่นให้ได้ เวลาผ่านไปเห็นผู้ชายอย่าง John Mayer ยืนเล่นกีตาร์โปร่งเกาๆ สำหรับผม รู้สึกเลยว่าชอบฟังงานกีตาร์โปร่ง มันสัมผัสได้ ถึงใจเรามากกว่า
แฮ็ค : คือเริ่มจากเห็นคุณพ่อ (ช.อ้น ณ บางช้าง มือกีตาร์วง The Fox) เล่นก่อน ได้ดูเขาเล่นตั้งแต่เด็ก แล้วถึงรู้สึกว่าคนเล่นกีตาร์นี่มันมีเสน่ห์ แต่สำหรับตัวเองพอได้สัมผัสแล้ว รู้สึกว่าเวลาเศร้า มีความสุข โกรธ สนุกสนาน เราสามารถดีด หรือใส่ไปในกีตาร์ได้ นี่แหละเสน่ห์ที่เรารู้สึกได้ปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกไป เมื่อก่อนเคยจับเครื่องดนตรีอื่นด้วยนะ แต่เล่นแล้วมันไม่ใช่ เป็นกีตาร์นี่แหละ รู้สึกลงตัวที่สุด
ยอด : ลองเปิดเพลง “Sweet Child O' Mine” ของวง Guns N’ Roses ฟังซิครับ นั่นคือคำตอบครับ
หั่ง : ผมเริ่มหัดเล่นกีตาร์ครั้งแรก เพราะอยากมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน เวลาผมนั่งเล่นกีตาร์แล้วมีเพื่อนๆ มานั่งล้อมวงร้องเพลงกัน มันเป็นอะไรที่โคตรดี ถ้าให้มองย้อนกลับไปแล้วพูดถึงเสน่ห์ของมัน ผมว่ากีตาร์มันมีความเรียบง่าย แต่ใช้สื่อสารได้ดี อยู่ได้กับทุกแนวเพลง สามารถเล่นคนเดียวก็เพลินได้ กระโดดไปเล่นกับวงก็มันได้อีก ผมคงหลงรักเพราะความเรียบง่ายแต่ครบเครื่องของเขานี่แหละครับ
หลายคนพบเจออุปสรรคสำคัญ ณ จุดเริ่มต้นในการเล่นกีตาร์คือ “เจ็บนิ้ว” พวกคุณผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร?
หั่ง : ต้องเล่นบ่อยๆ ครับ ช่วงแรกอาจจะเจ็บ แต่ถ้าเราอดทนสักพัก มันก็ไม่เจ็บแล้วครับ นิ้วมันจะด้านขึ้นเอง เอาจริงๆ ทุกวันนี้ถ้าผมไม่ได้ซ้อมนาน พอมาเล่นก็ยังเจ็บเหมือนกันครับ เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้มันผ่านไปได้ก็คือจับมันขึ้นมาเล่นบ่อยๆ เท่านั้นเองครับ
พล : มันเป็นความรู้สึกที่นิ้วมันเอื้อมไม่ถึงคอสักที ด้วยความอยากเล่นก็ทำซ้ำๆ พยายามกด พยายามจับ จนกล้ามเนื้อมันคุ้นชินกับคอกีตาร์โปร่ง รูปมือเราก็จะปรับตาม มันเหมือนกับเราเล่นกีฬาหนึ่ง แต่ไม่เคยเล่นอีกกีฬาหนึ่ง กล้ามเนื้อมันคนละแบบ แน่นอนว่าเราเป็นเด็ก เราไม่เคยจับคอกีตาร์ ต้องแยกประสาทนิ้วอีก ต้องฝึกใหม่กล้ามเนื้อ ปลายนิ้ว ต้องเจ็บ สุดท้ายคือยาก แต่ด้วยความชอบ ต่อให้มันยากแค่ไหน พยายามทำวันละนิดวันละหน่อย จนทำให้ผ่านมาได้
ยอด : เจ็บนิ้วไม่ใช่อุปสรรคสำคัญของผมเลย ในตอนนั้นมีความคิดเดียวในหัวคือ ต้องเล่นให้ได้ ต้องเล่นให้ได้ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่น ผมเล่นกีตาร์วันละ 8-9 ชั่วโมงทุกวัน เริ่มจากกีตาร์โปร่งราคาไม่กี่ร้อยบาท ซึ่งเล่นค่อนข้างยาก ผมเล่นจนคอกีตาร์ลอกไปทั้งคอ นิ้วนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เล่นจนเลือดออก ช้ำไปหมด แต่ความรู้สึกที่ได้มันคือความสุขครับ อยากกลับไปรู้สึกแบบนั้นได้อีกเหมือนกัน
แฮ็ค : โชคดีที่เราฝึกกีตาร์ในช่วงวัยรุ่น มันมีความพยายาม ความอยากเอาชนะ เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ เจ็บแค่นี้เหรอ ทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องผ่านไปให้ได้ คิดแค่นั้นเลย จนมันก้าวข้ามความเจ็บไปได้ และสำหรับผม ถ้าตั้งใจจะเล่นกีตาร์แล้ว ต้องทำให้ได้ ผมว่าอุปสรรคนี้มันเล็กมากครับ
การเป็นมือกีตาร์ของวงดนตรีแถวหน้าของเมืองไทย มันสร้างความกดดันให้คุณไหม?
ยอด : ค่อนข้างไม่กดดันครับ เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าวงเราเป็นวงแถวหน้าหรืออะไร ผมเล่นในสิ่งที่เป็นตัวตนของผม เล่นในสิ่งที่ผมมั่นใจ สนุกและเต็มที่ไปกับการโชว์ทุกครั้ง แค่นี้ก็ไม่มีอะไรให้กดดันแล้วครับ
แฮ็ค : ในวัยเด็กกดดัน ตอนนั้นเพิ่งอายุยี่สิบกว่าเอง แล้ววงมันดัง เรารู้สึกกดดันมาก ภาวะที่ยังเด็ก แล้ววงเรามันดันพีค วงเราต่างหากที่ดัง ที่เป็นแถวหน้า เลยรู้สึกกดดัน เพราะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเก่งถึงขนาดนั้น เราเป็นแค่เด็กที่อยากเล่นดนตรี ไม่ได้เป็นเด็กที่อยากมาเป็นไอดอล หรือมือกีตาร์ที่เก่งจังเลยทุกคนนับถือ แต่เป็นมือกีตาร์ที่มีทางของเราเท่านั้นเองครับ
พล : โห อันนี้คนอื่นเขาพูดกัน เราไม่เคยคิดว่าเราเก่ง เราพยายามสร้างไลน์กีตาร์ให้มันโอเคที่สุด ก็เลยไม่ได้กดดัน และพร้อมพัฒนาเสมอ ทุกวันนี้เห็นเด็กรุ่นใหม่เล่นกีตาร์ ผมบอกได้เลยว่าเก่งกว่าผม ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ เทคโนโลยี การที่ได้เห็นในยูทูบ มีฝรั่งมาสอนเยอะแยะเลย เมื่อก่อนเราต้องแกะเทปเอง กรอไปมา ฝึกแบบตาบอด ใช้เดาเอา ก็คือไม่ได้กดดัน และไม่ได้คิดว่าอยู่ต้นๆ ของประเทศขนาดนั้น แบรนด์ของ Clash อาจจะเป็นที่รู้จัก แต่เราไม่คิดว่าเราเก่งกาจขนาดนั้น ไม่เคยเลยครับ
หั่ง : กดดันครับ ผมมีความกดดันเบาๆ อยู่กับผมเสมอ
การจะเป็นมือกีตาร์ที่ “ได้รับการยอมรับ” พวกคุณทำอย่างไร แล้วต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอะไรมาบ้าง?
หั่ง : จริงๆ แล้วทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้คิดว่า ผมเป็นมือกีตาร์ที่ได้รับการยอมรับเลยนะ เอาเป็นว่าแค่เล่นดนตรีให้มีความสุขผมว่าก็ดีที่สุดแล้วครับ
พล : ผมไม่รู้ว่ามีคนยอมรับหรือเปล่า (หัวเราะ) ซึ่งมีน้องๆ หลายคนบอกว่าชอบผมเล่นกีตาร์ เรากลับรู้สึกว่าเราไม่ได้เก่งนะ ไม่เคยคิดว่าเราเก่ง เราเล่นในแบบที่อยากเล่น แต่ถ้าแนะนำได้คือมาตรฐานในการเล่นดนตรี หรือเล่นกีตาร์ หลักๆ เล่นเป็นวง แล้วอยากเป็นศิลปิน ที่แน่ๆ คือเรื่องของไทม์มิ่ง การฝึกกับ Metronome อันนี้เป็นเบสิกของการเป็นมือกีตาร์ มือกีตาร์ที่ได้มาตรฐาน คือต้องตรงจังหวะ ไทม์มิ่งต้องดี ไดนามิก หนักเบา อัดเสียงได้ ต้องเข้าใจเพลง ต้องเริ่มจากประมาณนี้ก่อน ส่วนเทคนิคต่างๆ แล้วแต่คน เพราะแต่ละคนมีความชอบในการฝึกฝนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นมือกีตาร์ที่ดี แต่อัดเสียงไม่ได้ เล่นบนเวทีเก่งมากเลย พอมาเจอ Metronome ในห้องอัดเล่นไม่ได้เลย เพราะไม่เคยฝึก คนที่มาดีดครั้งแรกเหวอทุกคน ผมก็เป็น มันชัดมาก ดีดไปทีนี่รู้เลยว่าเราคุมจังหวะเล่นได้แค่ไหน ผมเรียกว่าสกปรก เราจะกำจัดความสกปรกออกได้มากแค่ไหน ผมเลยคิดว่าผมไม่ใช่มือกีตาร์ที่เก่ง แต่สามารถบันทึกเสียงได้อยู่ในมาตรฐานที่ควรจะเป็นในการทำเพลง และอีกอย่างเพลงที่เป็นมาสเตอร์ ถ้าเสียงมันแย่ เสียงมันสกปรก หรือไม่ดีพอ มันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ผู้ฟังก็จะไม่ฟังด้วย ทุกวันนี้ผู้ฟังก็หูเทพขึ้นเรื่อยๆ ฟังรู้ว่าอันนี้ซาวด์ดีไม่ดียังไง มองว่าเป็นตัวเราเองนี่แหละ ผ่านขีดจำกัดการฝึกฝนกับตัวเองแล้วสามารถมีวินัยแค่ไหน ส่วนการยอมรับ ถ้ามีคนชอบ ชื่นชม ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องย้อนกลับไปดูว่าเราฝึกฝนกับตัวเองพอหรือยัง อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องมี ก่อนที่ทุกคนจะยอมรับครับ
แฮ็ค : เราเป็นคนบอกไม่ได้ คนที่พูดได้คือคนฟัง ส่วนตัวผมไม่รู้หรอกว่าใครยอมรับผมหรือเปล่า แต่ก็มีคนที่เดินเข้ามาหา บอกว่าผมชอบการโซโล่กีตาร์ของพี่ อันนี้ทำให้รู้สึกดีสำหรับเรา ทุกวันนี้ผมเจอเยอะเลย เด็กรุ่นน้องที่เล่นกีตาร์เดินเข้ามาบอกว่า พี่ไอดอลผมเลย แต่พอผมดูแต่ละคนเล่นนะ โอ้โห เล่นเก่งกว่าผมอีกนะเด็กสมัยนี้ อาจคงเป็นเพราะผมไม่ค่อยคาดหวัง มองแค่ว่าเป็นคนเล่นกีตาร์ ไม่ต้องการให้ใครมามองว่าเป็นไอดอล หรือเป็นกีตาร์ฮีโร่ ส่วนตัวแค่อยากเล่นกีตาร์แล้ว มีคนดู มีคนรอฟังเราแค่นั้นเลย
ยอด : ฝึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ ผมฝึกกีตาร์ด้วยตัวเอง จากการอ่านหนังสือ ซึ่งต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ดังนั้นหลายๆ เทคนิค ผมก็ฝึกแบบผิดๆ มาตลอดจนผ่านมาหลายปี ผมเลือกจะเล่นแต่สิ่งที่ผมอยากเล่น จะข้ามอะไรที่ง่ายๆ นั่นก็คือเบสิกนั่นเอง ใช้เวลาอยู่หลายปีมากกว่าจะรู้ว่าที่สำคัญที่สุดมันคือเบสิก ตอนนี้ผมกลับมาฝึกเบสิกใหม่หมดอีกครั้ง จนรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาการเล่นได้ระดับหนึ่ง ดังนั้นเวลาเราเล่นอะไรออกไปจะค่อนข้างมั่นใจมากขึ้นครับ
“มือกีตาร์ที่เก่ง” กับ “มือกีตาร์ที่ดี” แตกต่างกันอย่างไรในมุมมองของพวกคุณ?
แฮ็ค : สำหรับผม มือกีตาร์ที่เก่ง เทคนิคเยอะๆ มีการเล่นหลายรูปแบบ มีไอเดียในการคิดงาน คิดสิ่งที่อยากจะเล่น ไม่ใช่มาโซโล่ ใส่ๆๆๆๆ อย่างเดียว แบบนั้นใครๆ ก็ฝึกได้ ใช้เวลาก็ไปถึงตรงนั้นได้ หรือต้องรู้ว่าเล่นประมาณไหนกับเพลงแบบนี้ และต้องเล่นกับ Metronome ให้ได้ นั่นคือพื้นฐานสำคัญ ส่วน มือกีตาร์ที่ดี คือรู้ที่จะเล่น เลือกที่จะเล่นเป็น เหมือนแบบวงนี้ต้องการแค่นี้พอแล้ว คือต้องเล่นแล้วเข้ากับเพื่อนได้ครับ
ยอด : ผมมองว่ามือกีตาร์ที่ดีก็คือมือกีตาร์ที่หมั่นฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เล่นได้หลายสไตล์หลายแนว นั่นมันก็คือคุณสมบัติของมือกีตาร์ที่เก่งนั่นเอง
หั่ง : สำหรับผมมันแตกต่าง แต่สองคนนี้สามารถรวมเป็นคนเดียวกันได้นะ อย่างที่บอกว่าพอกีตาร์มันเล่นคนเดียวก็ได้ เล่นเป็นวงก็ได้ ผมว่ามือกีตาร์ที่เก่งและเป็นมือกีตาร์ที่ดีด้วย เค้าจะรู้ว่าเขาควรโชว์เก่งในจังหวะไหนของเพลง แต่ที่กล่าวมาผมก็ไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างนะ ผมเป็นแค่มือกีตาร์ที่เล่นได้คนหนึ่งครับ
พล : จริงๆ แล้ว เป็นมือกีตาร์ที่เก่ง ก็จะเป็นมือกีตาร์ที่ดีด้วย ผมมองว่าทั้งสองอย่างเป็นองค์ประกอบที่ควรมีทั้งคู่ เก่งและดี มันครบ สามารถเล่นเพลงได้เหมาะกับอารมณ์นั้น บรรยากาศนั้น บางคนเล่นเร็ว เทคนิคเยอะมากเลย แต่เล่นกะใครไม่ได้เลย อันนี้คือเก่ง ถ้าเก่งแล้วเข้าใจ สามารถเล่นกับวงได้แบบรู้ว่าตรงนี้ควรเล่นอะไร อันนี้คือมือกีตาร์ที่ดี ทั้งสองอย่างต้องควบคู่กันไป
ใครก็ตามที่อยากก้าวมาเป็นมือกีตาร์ที่ดีและเก่ง พวกเขาต้องทำอย่างไร?
แฮ็ค : ผมไม่รู้ว่าตัวผมโตพอที่จะฝากหรือบอกใครหรือเปล่า (หัวเราะ) เรียกว่าแนะนำจากประสบการณ์แล้วกัน คือ เล่นยังไงก็ได้ให้มีสำเนียง คือผมสืบทอดมาอีกทีนะครับ จำคำที่คุณพ่อสอนว่า เราไม่จำเป็นต้องเล่นเร็วก็ได้ แต่เล่นให้คนจำ เล่นให้มีสำเนียงในการเขย่าสายของเรานี่แหละ การเล่นกีตาร์เปรียบเหมือนการพูดของเรา ถ้าพูดเร็วแล้วฟังไม่ทัน ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ถ้าเล่นช้า แบบคนสุภาพคุย มันน่าฟังกว่า หรือถ้าคุณพูดเร็วต้องพูดให้ชัดนะ ที่สำคัญฝึกซ้อมเยอะๆ และถ้าอยู่ในวงการดนตรีด้วย สิ่งสำคัญสุดคือการนอบน้อม เก่งอย่างเดียวอยู่ไม่ได้หรอกครับ
หั่ง : ดนตรีเหมือนกีฬาครับ อย่างเดียวที่จะทำให้เราเก่งขึ้นและเล่นได้ดีขึ้นคือ การฝึกซ้อมซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมอย่างต่อเนื่องครับ
พล : หลายคนคงมีความฝันที่อยากเป็นมือกีตาร์ที่ดีและเก่ง อันดับแรกคือต้องมีวินัยในการฝึกซ้อม อย่างผมเอง ช่วงนี้ลูกคลอด มันโหลดมากในการพักผ่อนน้อย ทำให้มีเวลาฝึกน้อยลง ทุกครั้งที่จับกีตาร์คือรู้เลยสกิลเราตก เหมือนกีฬาที่ไม่ได้ซ้อมสม่ำเสมอ มันทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เขาเรียกกันว่า นิ้วนิ่ม ผมจึงซ้อมตลอด ซ้อมเบสิก เก็บจุดบกพร่องของตัวเอง เราเล่นดนตรี เราจะรู้ว่าเราไม่ถนัดอะไร ต้องกลับไปซ้อมจุดนั้น ขยี้เยอะ ไม่ถนัด ต้องยิ่งฝึก นอกนั้นก็ไปแสวงหาความรู้เพิ่ม แนวคิดสำคัญ มีความสร้างสรรค์ มีโอกาสประสบความสำเร็จในการเล่นกีตาร์มากๆ ครับ
ยอด : ถ้าเราเลือกแล้วว่าเรารักที่จะเล่นกีตาร์ก็ขอให้ทุ่มเทกับมันให้เต็มที่ที่สุด ฟังเพลงเยอะๆ อย่าปิดกั้นตัวเอง ฟังและหัดเล่นในหลายๆ แนว อุปสรรคมันมีเยอะครับถ้าเหนื่อยหรือเบื่อก็พักครับ เวลาให้เรียนรู้มันมีทั้งชีวิต หาแรงบันดาลใจหรือเติมพลังให้กับตัวเองอยู่เสมอ มาทำมันไปให้ได้ด้วยกันนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ใช่มือกีตาร์ที่ดีและเก่ง มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะมาก สนุกไปกับมันนะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
ท้ายที่สุดพวกคุณคือมือกีตาร์ที่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ต The Gentlemen Live เราเลยอยากทราบว่า Gentlemen ในความหมายของพวกคุณคืออะไร?
หั่ง : เมื่อก่อนคำนี้เหมือนกับเป็นคำบอกอัตลักษณ์ภายนอกของผู้ชาย ว่าคนนี้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว มีอารยะ จนบางทีแค่แต่งตัวใส่สูทผูกไทก็ดูเป็นสุภาพบุรุษแล้ว พอมายุคนี้ผมว่าคำนี้มันเหมือนกับต้องลงลึกไปในความคิด อาจจะเป็นผู้ชายแต่งตัวธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่รู้จักให้เกียรติตัวเอง ให้เกียรติคนรอบข้าง หรือ ผมว่าคำนี้บางทีใช้กับผู้หญิงที่มีทัศนคติแบบนี้ก็ได้นะ มันไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกอีกแล้ว Gentlemen มันต้องมาจากข้างใน มาจากความคิดครับ
ยอด : ความหมายของคำนี้ก็คือ ความเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าในมุมมองของผม ผมจะนึกถึงท่อนโซโล่กีตาร์ของเพลง "The Best of Times" ของวง Dream Theater มันให้ความรู้สึก อบอุ่น มุ่งมั่น รู้สึกได้ถึงความเป็น Gentlemen ครับ
แฮ็ค : คำนี้ได้ยินนึกถึงสุภาพบุรุษ ที่มีความสุภาพ รู้จักมารยาท เป็นคนเนี้ยบ และดูดี ให้เกียรติผู้หญิง ทั้งหมดมันก็คือความสุภาพ ที่เอามารวมเป็น สุภาพบุรุษครับ
พล : สำหรับผมก็คือความนุ่มนวล ละมุน ความเป็นสุภาพบุรุษ สิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ผู้ชายเป็นเพศที่ต้องให้เกียรติผู้หญิง ทำสิ่งที่ดี กิริยาที่ดีครับ
คอนเสิร์ต The Gentlemen Live #มากกว่าร็อคด้วยเพลงรัก กับการรวบรวม 3 วงร็อคแถวหน้าของเมืองไทย Bodyslam, Clash และ Potato ร่วมด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา, โดม-ปกรณ์ ลัม และ ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ จะมีขึ้น 2 รอบการแสดงในวันที่ 31 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน 2563 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี บัตรจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ตั้งแต่ 30 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ราคา 1,500 / 2,000 / 2,500 / 3,000 / 3,500 บาท