"ชมพู ฟรุตตี้" เผยเส้นทางชีวิตจากศูนย์ จนมาเป็นนักปั้นมือทองของวงการเพลงไทย | Sanook Music

"ชมพู ฟรุตตี้" เผยเส้นทางชีวิตจากศูนย์ จนมาเป็นนักปั้นมือทองของวงการเพลงไทย

"ชมพู ฟรุตตี้" เผยเส้นทางชีวิตจากศูนย์ จนมาเป็นนักปั้นมือทองของวงการเพลงไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สั่งสมประสบการณ์ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังในวงการบันเทิงมานานหลายสิบปี แถมปั้นศิลปินมามากมายหลายคน  แต่ช่วงหลังๆ ชมพู ฟรุตตี้ หรือ สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หันมาทำงานหน้าจอทั้งในรายการ กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน และเป็นคอมเมนเตเตอร์ จนหลายคนอยากรู้ว่าไม่คิดจะปั้นนักร้องใหม่มาประดับวงการแล้วเหรอ โดยล่าสุดเขาได้มาเปิดใจประเด็นดังกล่าวในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 

โดยชมพู ฟรุตตี้ ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำเป็นศิลปินว่า "ตอนเด็กคุณพ่อเปิดร้านตัดสูทอยู่ที่สีลมครับ อยู่แถวสีลมเลย ก็ตอนเกิดมาก็ถือว่าทางบ้านก็มีฐานะใช้ได้นะครับ ปานกลาง แล้วก็เกิดมรสุม ประมาณ 4-5 ขวบเรียกว่าล้มละลายเลยแล้วกัน  ก็เลยย้ายบ้านย้ายไปย้ายไปย้ายไป 3-4 แห่ง จน 7 ขวบก็ย้ายไปอยู่แฟลตดินแดง ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตครับ เพราะว่าเป็นเด็กแฟลตเนี่ย 7 ขวบเนี่ย ต่อยกันแล้วนะ อะไรอย่างเงี้ย คือมันก็ต่อยแบบเด็กๆ นะ ต่อยผลักๆ กันไม่ได้อะไรรุนแรง เราไม่ได้เป็นเด็กไม่ดีนะครับเป็นเด็กเรียบร้อยเลย

แต่พอเริ่มเป็นวัยรุ่น มากขึ้นๆ จะมีชีวิตแบบว่าหลายเส้นทางในทางดนตรีเนี่ย ตอน 9 ขวบเนี่ยได้เจอกับพี่ห้องข้างๆ เขาอยู่ห้องตรงข้ามกันเลย เขาเล่นดนตรีครับ แล้วเขาก็ตั้งวง ซ้อมวงกันเอากีตาร์โปร่งมาซ้อม ก็แรกๆ รำคาญนะ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ แล้วมันไปสะดุดหู ชอบเพลงๆ หนึ่งที่มันเป็นเล่นเบส ชื่อ "For yasgur's farm" ครับ เป็นเพลงสมัยยุค Woodstock ของวง The Mountain แต่ตอนนั้นเราไม่รู้จักหรอก เราได้ยิน ตึ้ง ดึง ดึง ดึ้ง ดึ่ง ดึ้ง (เสียงเบส) เราก็อุ๊ยชอบหลงใหลในเสียงนี้ ก็เลยออกไปยืนดูเขาเล่น พอเขาขาซ้อมๆ อยู่เขาก็หันมาหา เห็นเรายืนมองสงสัย สนใจอะไรอย่างนี้ เขาถาม "อยากเล่นเปล่า" เราก็ "อยากอยาก" ตอนนั้น 9 ขวบครับ เขาก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะสอนให้ แต่ก่อนจะสอนไปซื้อโอเลี้ยงก่อน ซื้อข้าวผัด ไปซื้อบุหรี่ อะไรอย่างนี้ครับ ก็เป็นเด็กวงเขาไป เขาสอน พี่คนที่เล่นเบสก็คือพี่นะ เขาก็สอนเบสให้เราเพลงนี้ ส่วนพี่คนที่เล่นกีต้าร์ก็คือพี่เปี๊ยก เขาก็สอนกีต้าร์ให้เราอีกเพลงหนึ่งเพลง "Iron Horse" ครับ"

พอเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเล่นดนตรี ชมพูก็เล่าถึงการเล่นเบสครั้งแรก "มันตื่นเต้น มันคืออะไร? เสียงมันกริ๊งกริ๊ง มันคือแบบมีความสุข รู้สึกว่ามีความสุขได้ยินเสียงอันนี้แล้วมีความสุข แล้วก็เพราะเขาสอน เราก็หัดกับเขาตรงนั้น แต่ว่าเราไม่มีกีตาร์เองก็ต้องอาศัยออกมาเล่นของเขาหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็มี ก็เหมือนโชคชะตาฟ้าบันดาล มีลูกพี่ลูกน้องกันเอากีตาร์มาจำนำแม่ผม กีตาร์โปร่ง อยู่ดีๆ เขาก็มาเอากีตาร์บอก ว่าเอากีต้าร์จำนำไว้หน่อย จำได้ว่า 50 บาทตอนนั้น แม่ก็รับจำนำไว้ พอได้รับจำนำเรา ก็อ้าว เล่นทุกวันเลย

ทีนี้พอเราเริ่มเล่นปั๊บก็ชอบ ก็เล่นทุกวัน เลิกเรียนหนังสือวันจันทร์ถึงศุกร์ 3 โมงไม่ทำอะไรแล้วรีบกลับบ้าน แล้วคือชีวิตมันอย่างที่บอกคือ พอเราเลือกไปทางนี้เนี่ย มันก็เหมือนจะดึงดูดอะไรเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเดินเส้นทางนี้ไปเรื่อย พออายุสัก 12 ก็มีรุ่นพี่ที่เซนต์จอห์น เรียนเซนต์จอห์น รุ่นพี่ที่เขาจบไปแล้วเนี่ยเคยรู้จักกัน เขามีโอกาสไปอัลบั้มโฟล์คซองของวง นานา ตอนนั้นทำวงกัน เขาก็เลยมาชวนไป แล้วตอนที่เข้าไปร่วมกลุ่มเนี่ย พี่ใหญ่เลยที่คอยดูแลอยู่คือพี่ ธนิฐ ธนะโกเศศ เป็นนักแต่งเพลงรุ่นเก่านะครับ มือทองเลย เขาก็เป็นคนคอยดูแลให้ ดูแลเรื่องการอัดให้ แล้วก็บางทีเขาก็ดูเรื่องเพลงให้ด้วย พอเขาก็สอนเราก็เริ่มแต่งไปตามลักจำมาบ้าง เขาแนะนำมาบ้าง" 

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา เราจะเห็นชมพู ฟรุตตี้กลับมาทำงานในบทบาทคนเบื้องหน้าทั้งการร้องเพลงและออกรายการ แต่เร็วๆ นี้เขาก็เตรียมเปิดบริษัทปั้นศิลปินดาราใหม่ ซึ่งเขาได้เล่าว่า "มีไอเดียมาหลายปีแล้วหละ แต่ว่าเหมือนกับว่ามันยังไม่ได้จังหวะ ยังไม่ได้ช่วงเวลาที่เหมาะสม รับเฉพาะ 12-19 ปี นี่คือกลุ่มเป้าหมายเลย เพราะว่าเราอยากจะปั้นคนที่มีอายุการใช้งานนาน คืออยากจะบอกว่าอย่างนี้ไม่ได้เป็นค่ายเพลงด้วยคือเป็นค่ายคนค่ายคนก็เหมือนกับว่า เราจะรับสมัครน้องที่สนใจที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงในแขนงต่างๆ จะเป็นนักแสดงก็ได้ เป็นดารา เป็นนักร้อง นักดนตรีหรือว่าถ้าสนใจอยากจะแต่งเพลง อยากจะเป็นโปรดิวเซอร์อะไรอันนี้ก็เป็นอีกแขนงนึง แต่ว่าเราจะเอาฟรอนต์แมนก่อน คือศิลปินที่เป็นดารานักร้อง เอาเบื้องหน้าก่อน ส่วนทีมที่อยากจะอยู่เบื้องหลังเนี่ย ส่วนตัวพี่ก็สามารถที่จะแนะนำ พัฒนาช่วยเหลือเขาได้ คิดว่าความคิดของเด็กสมัยใหม่มันน่าจะเป็นประโยชน์ เพราะว่ามันจะมันจะอยู่ในสมัย ส่วนประสบการณ์ของเราน่าจะเข้าไปช่วยเขาตบแต่งอะไรให้มันเข้าที่เข้าทาง บอกชื่อบริษัทเลยก็ได้ แคสรูม ทาเลนท์ เมเนจเมนท์ ครับ"

และในช่วงท้ายรายการ ชมพู ฟรุตตี้ เองก็ได้เผยสาเหตุที่ลูกสาวทั้ง 2 ของเขาไม่เข้ามาเป็นศิลปินแบบคุณพ่อ ซึ่งหลายคนอาจคาดไม่ถึง โดยแฟนๆ สามารถติดตามรายการเต็มๆ ได้ที่ช่อง YouTube AmarinTV 

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ "ชมพู ฟรุตตี้" เผยเส้นทางชีวิตจากศูนย์ จนมาเป็นนักปั้นมือทองของวงการเพลงไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook