Paul Klein จาก LANY พูดถึงอัลบั้ม mama’s boy, แต่งเพลงกับ keshi และพลังดีๆ จากแฟนชาวไทย
ต้อนรับอัลบั้มใหม่ของ LANY กันแบบอบอุ่น กับบทสัมภาษณ์ที่ Paul Klein นักร้องนำ LANY ที่วิดีโอคอลมาพูดคุยเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ mama’s boy ด้วยตัวเองกันสดๆ กับสื่อไทยกันแต่เช้าตรู่ (ของเมืองไทย) อย่างเป็นกันเอง Sanook Music มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับหนุ่ม Paul ด้วยตัวเองเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ LANY ได้ปล่อย 4 ซิงเกิลออกมา ได้แก่ “good guys”, “if this is the last time”, “you!” และ “cowboy in LA” โดยแต่ละเพลงล้วนแล้วแต่ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงอย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ทุกเพลงฮอตฮิตจนติดชาร์ตเพลงสากลในเมืองไทยมากมาย จนล่าสุด LANY ส่งต่อเพลงล่าสุดโดนใจคนที่มูฟออนจากความรักไม่ได้ในเพลง “heart won't let me” ที่ออกมาพร้อมอัลบั้มชุดที่ 3 mama’s boy ที่วันนี้เราจะได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทำอัลบั้มนี้จากปากของ Paul Klein กัน
อัลบั้ม mama’s boy มีขั้นตอนในการสร้างสรรค์ต่างจาก 2 อัลบั้มก่อนหน้านี้หรือไม่? อย่างไร?
Paul Klein: สำหรับอัลบั้ม Malibu Nights (อัลบั้มที่ 2) มีขั้นตอนในการทำแตกต่างจากอัลบั้มแรกพอสมควรนะครับ พอมาทำ mama’s boy (อัลบั้มที่ 3) พวกเราเลยเปลี่ยนมาใช้วิธีเดียวกันกับตอนทำอัลบั้ม 2 นี้เลย พวกเราเลือกที่จะแต่งเพลงตุนเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาเลือกเพลงที่จะเอามาใส่ในอัลบั้มทีหลัง เมื่อเลือกเพลงที่จะใส่ในอัลบั้มได้แล้ว เราค่อยไปทำเพลงนั้นในสตูดิโออีกที แม้ว่าวิธีการทำอัลบั้มนี้จะเหมือนกับอัลบั้มที่แล้ว แต่ mood & tone ของอัลบั้มนี้แตกต่างมากครับ ไม่ได้มีแต่เพลงอกหัก แต่ 14 เพลงในอัลบั้มพูดถึง 14 เรื่องราวต่างๆ ที่แตกต่างกันไปหมดเลย ผมเลยค่อนข้างตื่นเต้นที่จะให้ทุกคนได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้ครับ
แล้วความแตกต่างในด้านอื่นๆ เช่น เนื้อหาของเพลง mama’s boy แตกต่างอย่างไรบ้าง?
Paul Klein: อัลบั้ม Malibu Nights จะเป็นเพลง 9 เพลงที่พูดถึงเรื่องเดียว แต่สำหรับ mama’s boy จะเป็น 14 เพลงที่พูดถึงเรื่องที่แตกต่างกันไปอย่างชัดเจนในทุกเพลง ผมว่ามีบางเพลงที่ผมพูดถึงตัวเอง หรือผมพูดอยู่กับคนอื่น เช่น พูดกับพระเจ้า หรือพูดถึงหัวใจของตัวเองที่ไม่ยอมให้เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นในเพลง “heart won’t let me” และเพลงอื่นๆ ที่เป็นเหมือนผมคุยอยู่กับตัวเองว่า “นี่ใช่ความรักหรือเปล่า?” ทำให้ระหว่างที่ฟังอยู่คุณได้มองอะไรจากอีกมุมหนึ่ง ผมเลยตื่นเต้นมากๆ ที่จะให้พวกคุณได้ฟังไปด้วยกันครับ
เห็นว่าอัลบั้มนี้ Paul อยากพูดถึงบ้านเกิดตัวเองด้วย มีที่มาที่ไปยังไงบ้าง?
Paul Klein: ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีเพลงที่พูดถึงบ้านเกิดของผมสักเท่าไร แต่ผมอยากพูดถึงบ้านเกิดของผมในอัลบั้มนี้ในแบบที่เป็นรูปธรรม มองเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น หน้าปกอัลบั้มเลยเป็นภาพป้ายนีออนสีสดใส มีรูปคาวบอย มีสีของพระอาทิตย์ตก ในเพลง “cowboy in L.A.” ผมพูดถึงเมืองโอกลาโฮมา ในเพลง “good guy” พูดถึงสุภาพบุรุษทางตอนใต้ (southern gentleman) ปกติแล้วในเพลงก่อนๆ นี้จะไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้เท่าไร ผมเลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คราวนี้ผมจะใส่สิ่งเหล่านี้ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านเกิดของผมลงไปในเพลงด้วย เพื่อทำให้คนฟังนึกถึงชีวิตของตัวเองไปด้วย
ร่วมงานกับ keshi ในเพลง (what i wish just one person would say to me) ได้อย่างไร? เป็นอย่างไรบ้าง?
Paul Klein: ผมไปเจอเพลงของ keshi เมื่อช่วงฤดูร้อนที่แล้วครับ แล้วผมก็ชอบเพลงเขามากๆ ผมเลยตามไปฟอลไอจีเขา ปรากฏว่าเขาฟอลไอจีของผมอยู่แล้ว ผมเลยรู้สึก “ว้าว เจ๋งเลย” ผมเลยตัดสินใจส่ง DM ไปบอกว่าเขา “เฮ้ ผมชอบเพลงคุณมากเลย” เขาก็บอกว่า “ผมกำลังจะไป LA นะ” ผมคิดว่าเขาน่าจะเพิ่งมา LA ราวๆ ตุลาคมปีที่แล้ว (2019) แล้วพวกเราก็เริ่มออกปากนัดมาเจอกัน แล้วคิดว่าถ้าได้มานั่งแต่งเพลงด้วยกันก็คงดี ตอนนั้นผมเริ่มแต่งเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่นี้ไปได้เดือนครึ่งแล้ว ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะไปในทิศทางไหน เพราะผมก็ไม่ได้ออกไปเจอใครเหมือนกัน
ตอนที่เขาเข้ามาหาผมในห้อง ผมรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง เราทักทายแล้วก็พูดคุยกันนิดหน่อยว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง แล้วระหว่างที่เราคุยๆ กันอยู่ มือผมก็เริ่มพิมพ์ไปเรื่อยๆ ทุกอย่างพรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ จนกระทั่งเราแต่งเพลงกันจนเสร็จภายใน 2-3 ชั่วโมง ผมส่งเดโมที่เพิ่งเสร็จให้สมาชิกใน LANY ได้ฟัง แล้วทั้งสองคนก็ชอบเพลงนี้มาก พวกเราเลยตัดสินใจว่า โอเค เอาเพลงนี้ใส่ลงไปในอัลบั้มด้วยเลยแล้วกัน มันน่าจะเจ๋งดี เป็นการแต่งเพลงที่เจ๋งมากๆ แทบจะไม่มีอะไรอุปสรรคอะไรเลย น่าเสียดายที่หลังจากวันนั้นผมไม่ได้เจอเขาอีกเลย (หัวเราะ) เหมือนเรามาเจอกันวันหนึ่ง แต่งเพลงด้วยกัน แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย บ้ามากๆ (หัวเราะ)
เรามักเห็นคุณใส่ใจกับรายละเอียด และสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตอยู่เสมอ คุณเอาไอเดียนี้มาใส่ลงไปในอัลบั้มบ้างไหม?
Paul Klein: ผมมองว่าสิ่งสำคัญมันอยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตเหล่านี้นะ เพียงแค่คุณมองเห็นคุณค่าในทุกสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น คุณก็จะมีความสุขได้ แค่ใส่ใจกับการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างเหล่านี้ให้มันถูกต้องไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วจะทำให้ผลที่ออกมามันดีกว่าที่คิด แม้ว่าบางครั้งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะทำให้ผมตาสว่างทั้งคืนอยู่บ่อยๆ (หัวเราะ) แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเป็น ผมเลยพยายามใส่ใจกับทุกสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเหล่านี้อยู่เสมอ
ลองคิดดูเล่นๆ ว่าโลกนี้ไม่มีเสียงดนตรี จะเป็นอย่างไร?
Paul Klein: อืม ไม่ทราบเหมือนกันครับ (หัวเราะ) เป็นคำถามที่ยากนะ อย่างหนึ่งเลยคือมันคงเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่เหมือนโลกใบนี้ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงมันเคยมีเสียงดนตรีมาก่อนแล้วจู่ๆ มันก็หายไป หรือว่ามันไม่เคยมีมาตั้งแต่แรก แต่ผมก็ดีใจที่เรามีเสียงดนตรีนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมมีแพชชั่นด้วยมากที่สุดในชีวิต และผมใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะสร้างสรรค์เสียงดนตรีเหล่านี้ออกมาให้ดีที่สุด
พูดถึงแฟนๆ ที่เมืองไทยกันบ้าง มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับแฟนๆ ในไทยที่คุณจำได้บ้างไหม?
Paul Klein: อาหารไทยดีที่สุดเลยครับ! (ยิ้ม) แถวๆ ที่ผมอยู่มีร้านอาหารไทยด้วยนะ แต่รสชาติเทียบไม่ได้กับที่ผมไปกินที่เมืองไทยเลย เขาก็ทำดีนะ แต่ผมแค่ชอบไปกินเองที่เมืองไทยมากกว่า และแฟนๆ ชาวไทยก็ดีมาก ผมพบว่ามีแฟนเพลงเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมไปแสดงที่เมืองไทย ผมเลยตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปเมืองไทย แฟนๆ ช่วยร้องระหว่างแสดงกันดังมาก มีพลังงานล้นเหลือมากๆ ด้วย เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนดูที่ศิลปินอยากจะเห็นครับ