“FANTOPIA” มหกรรมความฟินที่มาพร้อมดนตรีอัศจรรย์เกินคาดหวัง (วันที่สอง)
2 เดือนที่ผ่านมา ข่าวการจัดคอนเสิร์ตและเทศกาลที่ใช้ชื่อว่า ไทยประกันชีวิต Presents FANTOPIA ของ GMM Show ได้สร้างความตื่นเต้นครั้งใหญ่ให้กับแฟนๆ เพราะมันคือการจัดเฟสติวัลที่มีศิลปินนักร้องนักแสดงคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานจำนวนมาก และมีทั้งการแสดงไปจนถึงนิทรรศการกิจกรรมย่อมๆ อีกเพียบ
เพียงแค่เปิดไลน์อัพศิลปินนักแสดงและไอดอลที่ขึ้นแสดงบนเวทีนี้ หลายๆ คนก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะหลายๆ คนนั้นมีแฟนคลับจำนวนมากในโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์, สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์, คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์, ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี, วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร, BILLKIN (บิ้วกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล), พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร, นนท์-ธนนท์ จำเริญ, ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร, กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์, JAYLERR (เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม), PARIS (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต), ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ, ไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์, ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา, เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล, เพิร์ธ-ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร, เต-ตะวัน วิหครัตน์, นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์, CAPTAIN (กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง), บาส-สุรเดช พินิวัตร์, คิมม่อน-วโรดม เข็มมณฑา, คอปเตอร์-ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี SBFIVE รวมไปถึงวง The Grandsons Band ที่มีสมาชิกอย่าง ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ, ซิง-หฤษฎ์ ชีวการุณ, กาย-ศิวกร เลิศชูโชติ, ท็อปแท็ป-จิรกิตติ์ คูอาริยะกุล และ กันสมาย-ชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์ รวมถึงอีกหลายคนที่ร่วมกิจกรรมในพาร์ท EXPO จนทำให้เราอยากรู้ว่างานครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เพราะมีทั้งศิลปินอาชีพ นักแสดงดังที่เพิ่งเริ่มเส้นทางดนตรีมาไม่นาน ไปจนถึงกลุ่มนักแสดงที่เราแทบไม่เคยได้ฟังพวกเขาร้องเพลงมาก่อน ซึ่งตอนแรกเราก็แอบคิดว่างานนี้น่าจะเป็นอารมณ์แฟนมีตติ้งที่พูดคุยสลับร้องเพลงที่มีงานออกร้าน ก่อนที่เราจะพบว่ามันมีมากกว่านั้นเยอะ
เมื่อผ่านการคัดกรองที่เข้มข้นในช่วงสายของวันที่ 22 พฤศจิกายน เราก็ได้เข้าสู่งานซึ่งเริ่มต้นด้วยการแสดงของ 4 หนุ่มนักแสดงช่อง One อย่าง ไบร์ท นรภัทร, ฟิล์ม ธนภัทร, ตรี ภรภัทร์ และ เน๋ง ศรัณย์ ที่เปิดตัวด้วยเพลง “รู้ดีว่าไม่ดี” ของ getsunova ก่อนที่พวกเขาจะร้องเพลงเดี่ยวที่แต่ละคนเลือก ไม่ว่าจะเป็นเน๋ง ที่ร้องเพลง “ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน” ของ ดา Endorphine, ฟิล์ม ที่เลือกร้องเพลง “ลึกสุดใจ” ของ Nuvo ตรีที่ร้องเพลง “เลือกได้ไหม” ของ Zaza ในขณะที่ไบร์ทร้องเพลง “คิด(แต่ไม่)ถึง” ของ Tilly Birds โดยถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงครั้งแรกๆ ของพวกเขาในฐานะนักร้อง และซาวด์ช่วงนี้มีความแห้งไปบ้าง แต่พวกเขาก็พยายามกันเต็มที่ในการร้องและเต้นก่อนเรียกเสียงกรี๊ดด้วยการโชว์กล้ามท้องปิดท้ายโชว์ ซึ่งเรามองว่าทั้ง 4 หนุ่มถ้ามีประสบการณ์มากขึ้น พวกเขาน่าจะมีอะไรพิเศษๆ มาโชว์
พอผ่านการแสดงของ 4 หนุ่มช่อง One ก็เป็นคิวของนักแสดงหนุ่มและศิลปินน้องใหม่วัย 19 ปี อย่าง เพิร์ธ ธนพนธ์ ที่เผยเสน่ห์ผ่านเพลง “ช่วงนี้” ของ อะตอม ชนกันต์ ก่อนตามด้วยเพลง “ยิ่งรักยิ่งเจ็บ” ของ กอล์ฟ-ไมค์ ที่ถูกเรียบเรียงใหม่จนมีความสมัยใหม่ทั้งซาวด์และท่อนแร็ป และหลังจากนั้นก็แจมกับ ริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ที่มาร่วมร้องเพลง “อาการงี้” กับ “ชอบก็จีบ” และพอหลังจากที่ริทโชว์เสร็จ เพิร์ธที่วาดลวดลายร้องเต้นและแร็ปบนเวทีมาตั้งแต่เพลงแรก ก็โชว์ความร็อคปิดท้ายช่วงด้วยการร้องเพลง “แสงสุดท้าย” ของ Bodyslam พร้อมโชว์ลีลาเล่นกีตาร์ไฟฟ้าไม่ยั้งก่อนลาเวที ซึ่งเราเองที่เห็นการแสดงทั้งหมดของเพิร์ธก็ได้อุทานในใจขึ้นมาว่า “เด็กคนนี้มันเก่งหวะ!” และคิดว่าเมื่อก้าวสู่ช่วงวัย 20 ปีและมีประสบการณ์บนเวทีหลากหลาย เขาน่าจะดึงศักยภาพในตัวออกมาได้อีกเยอะ
นอกจากเพิร์ธแล้ว อีกหนึ่งไอดอลคนรุ่นใหม่ที่ขึ้นเวทีตามต่อจากเขาก็คือ SBFIVE ที่ส่ง บาส, คิมม่อน และ คอปเตอร์ มาเป็นตัวแทนโชว์เพลงแดนซ์ของวงแบบฟาดรัวๆ และนำบทเพลงดังของ GMM Grammy อย่าง “แค่คนโทรผิด” ของ เป๊ก-อ๊อฟ-ไอซ์, “จังหวะหัวใจ” ของ บี้ สุกฤษฎิ์ ไปจนถึงเพลง “ยกมือขึ้น” ของ โจอี้ บอย และเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” ของ หญิงลี ศรีจุมพล ซึ่งทุกเพลงทางวงได้มีการดีไซน์ใหม่ให้เข้ากับพวกเขา และมีทางวงก็มีการแต่งท่อนแร็ปใหม่ให้กับเพลง “ยกมือขึ้น” เพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดตัวเอง ซึ่งเราประทับใจการแสดงที่มาในคอนเซ็ปต์พูดน้อยแต่ต่อยหนักผ่านการแสดง จนเราก็แอบรู้สึกเสียดายตอนที่บาสอิมโพรไวส์เพลง “แค่คนโทรผิด” นั้นเสียงออกไมค์น้อยไปหน่อยเพราะเขาเป็นอีกศิลปินที่เสียงดีอีกคนในงานนี้ แต่โดยรวมเราก็ประทับใจที่พวกเขาพยายามนำแนวเพลงหลากหลายมานำเสนอด้วยการร้องและเต้นที่พัฒนาไม่หยุดภายในเวลา 30 นาที
ช่วงกลางของโชว์ก็ถึงคิวของพี่ใหญ่อย่างคชา ที่มากับเพลงตัวเองอย่าง “นับแกะ”, “ผิดจังหวะ”, “ภาพเก่า”, “แค่ของเลียนแบบ” ที่เปิดโอกาสให้เขาได้โชว์ความป็อปร็อคในสไตล์ตัวเองและพลังบนเวทีที่ต่างจากเวลาพูดคุยของเขา ซึ่งการที่คชามีประสบการณ์มานานในฐานะศิลปิน ทำให้การร้องเพลงของเขาเป็นธรรมชาติและลื่นไหลชัดเจน และในขณะเดียวกันคชาก็เผยว่าเขารู้สึกขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจ และมอบความสุขกับประสบการณ์ที่ดีบนเวทีอิมแพ็ค อารีน่าให้เขา เพราะเขาเคยคิดว่าการจะมายืนบนเวทีนี้ของเขาเป็นเรื่องไม่ง่าย
ในรอบแรกของงาน FANTOPIA วันที่ 2 โชว์ที่แตกต่างจากเพื่อนมากที่สุดก็คือการแสดงของออฟ-กัน คู่จิ้นขวัญใจชาวด้อมเบบี้ ที่ตัดสินใจทำโชว์ออกมาโดยเน้นความสดใสราวกับว่าพวกเขาคือไอศกรีมสุดหวานท่ามกลางอาหารจานหลักรสจัด โดยทั้งสองเลือกร้องเพลง “ไม่รักไม่ลง” ของตัวเอง และเพลง “เรื่องเล็กของเธอ” ของ กอล์ฟ-ไมค์ เพลง “นอนไม่หลับ” ของ Zaza และก่อนจะพาทุกคนเต้นกับเมดเล่ย์เพลงดังแนวแดนซ์ที่มีแขกรับเชิญอย่าง เจนนี่ ปาหนัน มาเป็นไพ่ลับสุดเปรี้ยว โดยถึงแม้การแสดงของออฟ-กันจะแตกต่างจากศิลปินคนอื่น แต่เรามองว่ามันน่ารักในแบบฉบับของพวกเขา และเราขอชื่นชมรสนิยมการเลือกเพลงที่เหมาะสมกับพวกเขาและขณะเดียวกันก็เป็นผลงานที่ผู้ชมรู้จักด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หลายๆ คนอินไปกับโชว์และน่าจะเริ่มตกหลุมรักพวกเขาเหมือนเบบี้ที่เป็นลมใต้ปีกของออฟ-กันเสมอมา
เมื่อความน่ารักของ ออฟ-กันผ่านไป ก็ถึงเวลาของคู่จิ้นสายที่ร้อนแรงสุดในเวลานี้อย่างไบร์ท-วิน ที่ขอโชว์จุดแข็งของพวกเขาอย่างเช่นการร้องเพลง “Sticker” ของ Bodyslam และเพลง “ทนพิษบาดแผลไม่ไหว” ของ Potato “เกิดมาเพื่อยอมเธอ” ของวง Instinct และเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยเพลง “โรคประจำตัว” ของ Clash ที่มาพร้อมท่อนแร็ป และพอผ่านช่วงเพลงร็อคพวกเขาจะหันมาร้องเพลงตัวเองอย่าง “ตกลงฉันคิดไปเอง”, “คนนั้นต้องเป็นเธอ”, “ยังคู่กัน” และ “คั่นกู” ที่มาพร้อมโมเมนต์วินซับหน้าไบร์ทที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ ซึ่งการที่ไบร์ท-วิน เลือกเน้นการร้องเพลงป็อปร็อค ทำให้เราได้เห็นเลยว่าพวกเขามีเสียงที่ค่อนข้างมีพลัง และน่าจะร้องเพลงได้หลากหลายแนวในอนาคต ถ้าพวกเขาไม่หยุดฝึกฝนร้องเพลง
ด้วยความที่เป็นงานที่มีหลายศิลปิน ดังนั้นงานครั้งนี้ก็จะมีโชว์พิเศษด้วย ซึ่งการแสดงรอบแรกแฟนๆ ก็ได้ดูฟิล์ม และ ออฟ ร้องเพลง “ระวัง..คนกำลังเหงา” ของบี้ ได้ดูเพิร์ธและบาสร้องเพลง “Fire” ของ Buddha Bless รวมไปถึงตอนที่คชาร้องเพลง “สลัดสะบัด” ของ มอส ปฏิภาณ และตอนที่ทั้ง 4 ร้องเพลง “เช้าไม่กลัว” ของ ลีโอ พุฒ ซึ่งถือเป็นภาพหาดูได้ยาก โดยใจนึงเราก็หวังว่าให้การแสดงช่วงนี้มีความมากกว่าแค่ 4 ศิลปิน แต่อีกใจมองว่าจุดนี้อาจเป็นข้อจำกัดจากการที่หลายๆ ศิลปินมาจากต่างค่ายและล้วนแล้วแต่มีหน้าที่การรับผิดชอบต่างกัน และทำให้การมาเจอกันเพื่อทำโชว์พิเศษไม่ใช่เรื่องง่าย
ก่อนการแสดงรอบแรกจะจบ ก็ถึงคิวของ JAYLERR และ PARIS ที่มาพร้อมการเต้นและร้องสุดเท่ร่วมกับทีมแดนเซอร์ที่มีท่าเต้นสุดเป๊ะ โดยนอกจากเพลงของตัวเองอย่าง “Very Very Sorry”, “Nude”, “รักติดไซเรน”, “ดี๊ดี” ที่มาพร้อมซาวด์ดนตรีจัดจ้านทำให้หลายคนได้เห็นการแสดงของพวกเขาผ่านการเทรนมาอย่างดีตั้งแต่ตอนเข้าโปรเจกต์ 9x9 (ไนน์บายนาย) แต่ในขณะเดียวกันก็มีช่วงที่เซอร์ไพรส์ทุกคนอย่างการที่ PARIS ร้องเพลง “ซ่อนกลิ่น” ของ ปาล์มมี่ และเล่นกีตาร์ และตอนที่พวกเขาทักทายกับ เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ สมาชิกวง TRINITY ที่มาร่วมชมในกลุ่มคนดู และหลังจากผ่านช่วงนี้การแสดงทั้งหมดก็จบลงเมื่อทุกศิลปินได้ขึ้นมาร้องเพลง “ขอบคุณที่รักกัน” เพื่อส่งทุกคนไปพักและชมงานส่วน Expo ก่อนการแสดงรอบ 6 โมง
พอถึงเวลา 6 โมงเย็น การแสดงแรกได้เริ่มขึ้นเมื่อ ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร ได้แนะนำวง The Grandsons ก่อนที่เมมเบอร์อย่าง กันสมาย, ซิง, ท็อปแท็ป, ลี และ กาย จะเรียกเสียงกรี๊ดและพาทุกคนกระโดดไปกับเพลง “แรงโน้มถ่วง” ของ 25Hours และเพลง “เล่นเข้มแข็ง” ของพวกเขา และระหว่างที่โชว์ก็มีแขกรับเชิญอย่าง มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ มาแจมเพลง “มาทันเวลาพอดี”, “มาทำไม” และ “โอ๊ะ โอ๊ย” ก่อนที่พวกเขาจะลาเวทีด้วยการ “คุกเข่า” ของ Cocktail โดยการแสดงของวงนั้นถือว่าโอเคเลยสำหรับศิลปินกลุ่มที่เพิ่งฟอร์มจริงจังเพียงแค่ 2 ปี และสมาชิกทุกคนต่างมีหน้าที่การทำงานรับผิดชอบมากมาย เพราะพวกเขารู้วิธีการถ่ายทอดส่งต่อความสนุกและมีความเจนเวทีระดับนึง และคิดว่าถ้าพวกเขาทำเพลงไปเรื่อยๆ พวกเขาน่าจะเป็นอีกศิลปินกลุ่มที่น่าจับตา
ช่วงที่ 2 และ 3 ของการแสดงช่วงค่ำได้กลายเป็นการแสดงของ 2 กลุ่มศิลปินนาดาว โดยเริ่มจากแบงค์, โอบ และ CAPTAIN ที่เปิดตัวด้วยเพลง “ฝนตกไหม” ของ Three Man Down และตามด้วยโชว์เดี่ยวของแต่ละคนโดยแบงค์ได้ร้องเพลง “คนไม่มีแฟน” ของ เบิร์ด ธงไชย พร้อมจีบทุกคน ส่วนโอบได้ร้องเพลง “Miss Call” ของ Senorita และ CAPTAIN ได้ร้องเพลง “คุยไปก่อน” ของตัวเอง ซึ่งมาพร้อมปัญหาเมื่อเขาพบว่าขาไมค์ตัวเองใช้การไม่ได้แบบที่คิด แต่ถึงแม้จะร้องเพลงเศร้าทั้ง 3 คนโดยเฉพาะแบงค์ได้มอบพลังบวกให้กับทุกคน รวมไปถึงความรู้สึกเซอร์ไพรส์ในแง่ความสามารถ เพราะทั้ง แบงค์, โอบ และ CAPTAIN มักจะถูกจดจำในฐานะนักแสดงมากกว่านักร้อง
ศิลปินคู่สุดท้ายของนาดาวที่ขึ้นแสดงในวันที่ 22 ก็คือคู่จิ้นจากซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ อย่างพีพี และ BILLKIN ที่เปิดตัวบนเวทีด้วยเพลง “กีดกัน” และ “แปลไม่ออก” ที่เผยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของทั้งสอง พร้อมพาแขกรับเชิญอย่างนักแสดงที่ร่วมงานด้วยอย่าง ขุนพล-ปองพล ปัญญามิตร มาแจมบนเวทีกับเพลง "โลมาไม่ใช่ปลา" ของ NANA ซึ่งพอขุนพลได้ลงจากเวที BILLKIN และ พีพี ก็ทำบรรยากาศในฮอลล์อบอวลด้วยความรักเมื่อพวกเขาร้องเพลงหวานๆ อย่าง “เพียงแค่ใจเรารักกัน” และ “หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ” ที่พวกเขาได้ร่วมประสานเสียงและโชว์โมเมนต์ใกล้ชิดสุดหวานจนทุกคน (รวมถึงเรา) กรี๊ด และระหว่างนั้นพวกเขาขึ้นไปเอนเตอร์เทนคนดูชั้นสอง ก่อนปิดท้ายโชว์ด้วยเพลง “โคตรพิเศษ” ที่จบลงด้วยน้ำตาเมื่อทั้งสองได้ขอบคุณโอกาสทีมงานรวมถึงกันและกัน
พอคิวศิลปินนาดาวจบ ก็ถึงคิวของพี่ชายใจดีจากค่าย GMMTV อย่างเตและนิว ที่เปิดตัวอย่างสนุกสนานกับเพลง “บอกว่าอย่าน่ารัก” และ “พริกขี้หนู” ของ เบิร์ด ธงไชย ที่มีวงโยธวาทิตมาร่วมแสดง ก่อนที่ทั้งสองจะเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการร้องเพลง “ลัก” ของ The Mousses ส่วนเต ตะวัน ก็ได้โชว์ฝีมือการร้องเพลง “คู่ชีวิต” ของ Cocktail และทำให้ทุกคนเห็นว่านอกจากจะเป็นนักแสดงหนุ่มที่มักจะถูกเพื่อนๆ พูดถึงจากและมีการใช้ศัพท์ภาษาไทยแบบไม่เหมือนใครแล้ว เขาก็ยังร้องเพลงได้ดีด้วย ซึ่งช่วงท้ายนอกจากการร้องเพลงของตัวเองอย่าง “เสื้อกันหนาว” แล้ว ทั้งเตและนิวได้มอบพื้นที่ของตัวเองให้เกิร์ลกรุ๊ป Sizzy และ นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์ ได้โชว์เพลง “เปลี่ยนคะแนนเป็นแฟน” ในเวอร์ชั่นพิเศษกับพวกเขาด้วย ซึ่งนนนเองก็ได้โชว์การร้องและแร็ปที่ทำให้เรามองว่าถ้างาน FANTOPIA มีจัดอีก เขาก็ควรจะได้ขึ้นมาโชว์ความสามารถบนเวทีเพื่อนๆ พี่ๆ ในสังกัด
ทางด้านศิลปินที่มีประสบการณ์มากสุดบนเวทีรอบค่ำอย่าง นนท์ ธนนท์ นั้นก็ได้ขึ้นแสดงต่อจากเตนิว และนำเพลงฮิตของตัวเองอย่าง “มีผลต่อหัวใจ”, “คำถามจากคนเก่า” “ฝืนตัวเองไม่เป็น” รวมถึงเพลง “ยังคงคอย” ของวง Hers และเพลง “Ooh” กับ “อยากร้องดังดัง” ของปาล์มมี่ ที่มาเพิ่มความสนุกให้กับเซ็ทลิสต์ โดยนอกจากการแสดงที่คุณภาพและแฝงลูกล่อลูกชนรวมถึงการเอนเตอร์เทนตามมาตรฐานที่สูงของเขาแล้ว นนท์ยังได้ทิ้งท้ายบนเวทีด้วยการบอกเล่าถึงการทำงานของศิลปินคนอื่นๆ ในงาน FANTOPIA ที่ทุ่มเทกับการฝึกซ้อมอย่างหนักตั้งแต่เวลาเช้ามืดและลงทุนเรียนร้องเพลงเพื่อแฟนๆ ก่อนจะเปิดใจขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเขาแม้จะอยู่คนละสังกัดกับศิลปินหลายๆ คนในงาน ซึ่งทำให้เรามองว่าเขาคือจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่งานนี้ขาดไม่ได้
ก่อนจะถึงโชว์สุดท้ายของงาน ก็เป็นช่วงการแสดงพิเศษอีกครั้ง และคราวนี้ โอบ นิธิ และเต ตะวัน ได้เลือกร้องเพลง “อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร” ส่วน BILLKIN และ นนท์ ธนนท์ ได้โชว์เสียงเพราะของพวกเขาผ่านเพลง “ทางของฝุ่น” จนเราอยากให้ทั้งสองมาทำซิงเกิลด้วยกันสักครั้ง ก่อนปิดท้ายด้วยเพลง “ไกลแค่ไหนคือใกล้” ที่ทั้ง 4 มาร่วมร้องด้วยกัน
ถึงแม้ว่าตลอดงานเราจะเจอเซอร์ไพรส์ต่อเนื่อง แต่สุดท้าย คริส พีรวัส และ สิงโต ปราชญา ก็ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจส่งท้ายงาน เมื่อคริส-สิงโตได้โชว์เพลง “คำถามที่ต้องตอบ” และ “เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย” ของ อ๊อฟ ปองศักดิ์ ที่ทำให้ทุกคนได้เห็นสกิลล์การร้องเพลงที่พัฒนาไปมากของพวกเขา และหลังจากนั้นคริสก็เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการแร็ปในขณะที่สิงโตร้องเพลง “ผิดที่ไว้ใจ” ของ Silly Fools แบบประสานกัน ซึ่งคนที่ร้องแบบนี้ได้นั้นต้องผ่านการฝึกมาระดับหนึ่ง และนอกจากการร้องเพลงเศร้าที่เลือกมาแล้ว ทั้งสองก็ร้องเพลงแนวฟีลกู้ดอย่าง “You’re So Beautiful” ของคริส และปิดท้ายช่วงตัวเองด้วยเพลง “ที่เดิม” ที่พวกเขานอกจากจะสนุกกับคนดูแล้ว ยังไปพาเพื่อนนักแสดงที่นั่งในกลุ่มผู้ชมอย่าง เฟี๊ยต-พัทธดนย์ จันทร์เงิน และ น้ำมนต์-กฤตนัย อาสาฬห์ประกิต มาร่วมแจมบนเวที ก่อนที่ทุกศิลปินจะขึ้นมาอำลาทุกคนตอนใกล้เวลา 5 ทุ่มด้วยการร้องเพลง “สิ่งสำคัญ” ของ ดา Endorphine
สิ่งที่เราประทับใจมากสุดของงาน FANTOPIA ก็คือการที่ศิลปินทุกคนได้ร้องเพลงกันเต็มที่ และนำเพลงดังของ GMM Grammy มาทำใหม่ในสไตล์ตัวเอง จนเราอยากให้ทางค่ายนำศิลปินจากงานนี้มาทำอัลบั้มพิเศษ ซึ่งโดยรวมแล้วถึงแม้หลายๆ ศิลปินที่ขึ้นแสดงหลายคนจะยังมีประสบการณ์บนเวทีกันไม่มาก จนอาจจะมีบางช่วงที่เกร็งและไม่ได้โชว์เทคนิคการร้องและเต้นหรือสื่อสารคนดูระหว่างร้องเพลงมากนัก แต่เรามองว่าถ้าพวกเขายังคงเดินหน้าร้องเพลงและขึ้นเวทีมอบความสุขต่อไป เราอาจจะได้เห็นพัฒนาการพวกเขา และนอกจากการฟังเพลงแล้ว อีกสิ่งที่เราชอบคือการที่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์ว่านักแสดงที่เราเคยดูซีรีส์และภาพยนตร์ของเขา สามารถทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายบนเวที จนเราเกิดความคิดทำนอง "เฮ้ยคนนั้นทำสิ่งนั้นได้ด้วย" หรือ "เฮ้ยทำไมคนนี้เสียงดีจัง" ระหว่างที่ดูโชว์ไปเรื่อยๆ
นอกจากพาร์ทเพลงที่ค่อนข้างเต็มอิ่ม แล้วเราก็ชอบการจัดงานของ GMM Show ที่จัดกราฟฟิกและแสงสีได้อย่างเหมาะสมให้กับงาน อย่างเช่นการใช้ภาพเคลื่อนไหวตู้สล็อตในการแนะนำศิลปิน และในขณะเดียวกันก็ไกล่เกลี่ยเวลาทั้งหมดได้เท่ากัน ส่วนการแสดงโดยรวมก็มีความบาลานซ์ทั้งในส่วนของดนตรีและการพูดคุยที่ดี ไปจนถึงการเต้นของเหล่าแดนเซอร์มืออาชีพรวมถึงมีโมเมนต์ฟินๆ แบบธรรมชาติที่เรียกเสียงกรี๊ดเรื่อยๆ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็มองว่าถ้าสามารถปรับซาวด์บางช่วงให้สมบูรณ์ขึ้น เพราะมีหลายพาร์ทเพลงเร็วที่เสียงนักร้องโดนกลบ และแก้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการที่กราฟฟิก Special Show หายในโชว์พาร์ทแรกของวันอาทิตย์ งานครั้งนี้จะสมบูรณ์ขึ้น
สำหรับเราแล้ว FANTOPIA ได้กลายเป็นคอนเสิร์ตที่ไม่ได้เสิร์ฟแค่ความฟิน แต่มันเป็นความบันเทิงที่ครบรสชาติและแปลกใหม่สำหรับวงการเพลงไทย และเราเองก็ขอเอาใจช่วยให้ทุกศิลปินที่ขึ่้นบนเวทีได้เติบโตและมีโชว์เดี่ยวของตัวเองภายใต้ฮอลล์ที่มีชื่อ อิมแพ็ค อารีน่า ในเร็ววัน
อัลบั้มภาพ 59 ภาพ