"ฟิล์ม รัฐภูมิ" ย้อนชีวิตช่วงโดนแบน 2 ปี เผยเกือบได้กลายเป็นดาราฮอลลีวูด
ที่ผ่านมา ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เจอมรสุมรุมเร้าตลอดการทำงานในวงนับ 15 ปี โดยล่าสุดเขาได้มาร่วมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE 2561 เพื่อเล่าชีวิตช่วงที่ไปอยู่ต่างแดนเกือบจะได้เป็นดาราฮอลลีวูด ก่อนจะกลับมาทำผลงานในไทยภายใต้วง The Circus
โดยในรายการ ฟิล์ม ได้เล่าถึงการทำงานว่า "ผมถูกต้นสังกัดบอกไม่ให้งาน 2 ปี ช่วงที่ผมหายไปตอนนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่ ที่ไปตอนนั้นด้วยความที่ผมไปบวชมาแล้วไม่มีผม แล้วถูกพักงานด้วย จะไปแอบรับงานก็ไม่ดี เฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) เลยบอกว่าฟิล์มไปต่างประเทศไหมไปเรียนไหม เราก็โอเค เพราะเป็นอีกหนึ่งความฝันของเราด้วยที่เราอยากไปอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว เลยได้ไปอยู่พอไปอยู่แล้วก็คำนวณว่าเราจะอยู่กันยังไงเพราะ 2 ปีผมเอาแม่ไปด้วยเพราะ แม่ กับ ผมอยู่ด้วยกันตลอด เพราะปกติที่ผ่านมาผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัว แล้ว 2 ปีไม่มีเงินที่เราหามาได้เราต้องใช้เงินเก่าบวกกับเราต้องไปอยู่ เราเลยต้องจัดการเรื่องเงินให้ดี ตอนนั้นก็ไปสมัครเป็นคนล้างจานในร้านอาหารไทยครับ คือ 6 เดือนแรกผมล้างจานอย่างเดียวเพราะว่ายังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง จำเมนูไม่ได้ แต่พอเราได้ใช้เวลาเรียนรู้เราก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นพนักงานบริการ ตอนนั้นคนที่เห็นเราก็เริ่มตกใจ ร้านก็ขายดีมากขึ้นแฟนๆ จะคิดถึงเรา มาหาเราแล้วก็ถ่ายรูป ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ เงินมันหายากมากเลยนะ คือเมื่อก่อนตอนเป็นศิลปินไปยืนไม่นานก็ได้เป็นแสนๆ แล้ว
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ฟิล์มได้รับบทเรียน โดยเขาได้เล่าว่า "เราก็รู้สึกว่าต้องทำธุรกิจต่อยอดเราต้องทำนั้นทำนี่ต่อยอดนะ แล้วถ้ามันเกิดวิกฤตแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตผมจะได้ไม่ต้องไปกลัวอะไรที่คนข้างหลังจะลำบาก เพราะผมดันวางแผนชีวิตที่ผิดไปตอนแรกตอนที่เราเข้าวงการใหม่ให้ครอบครัวเราหยุดงานเดี๋ยวเลี้ยงเอง เพราะทั้งชีวิตที่เราเกิดมา เราเห็นแต่น้ำตาของพวกเขาเพราะไม่มีเงิน ทำให้เรารู้สึกว่าเราเห็นพวกเขาลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว พอเราทำงานแล้วมีเงินเราเลยบอกให้ทุกคนหยุดไม่ต้องทำอะไรแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ เขาแก่ เขาเบื่อ เพราะไม่ได้ทำอะไร แต่พอเราเจอช่วงวิกฤตในชีวิตเราแทบประคองพวกเขาแทบไม่ไหว เมื่อผ่านตอนนั้นมาได้ ผมเลยเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนี้ก็ให้เขาปลูกผัก หากิจกรรมทำกัน"
พอเล่าถึงชีวิตช่วงนั้น ฟิล์มก็ถูกถามว่ารู้สึกแย่ไหมที่ต้องทำงานล้างจาน ซึ่งเขาก็ตอบว่า "ไม่รู้สึกเลยครับ เพราะตอนที่อยู่ที่บ้านผมเป็นคนที่ล้างจานอยู่แล้ว แต่ผมจะรู้สึกอึดอัดกับคนที่มาดูถูกมากกว่าเพราะในบางครั้งมีผู้ชายมากับผู้หญิง แล้วผู้หญิงมากรี๊ดเราแล้วเราเสิร์ฟเขาก็จะพูดจากับเราไม่ดี อย่างเวลาผมไปร้องเพลงกลางคืน ตอนเสาร์ อาทิตย์ เพราะตอนนั้นเราต้องหารายได้ทุกช่องทางเท่าที่ทำได้ ตอนเช้าผมเรียนหนังสือ ตอนเย็นมาเสิร์ฟ ตอนกลางคืนไปร้องเพลง ก็ร้องเพลงไทยทั่วๆ ไป และบางทีผมก็ไปยืนขายตั๋วฟุตบอล เพราะร้านอาหารไทยที่ผมทำเขาอยู่ติดกับสนามฟุตบอลแล้วเขาก็ได้สปอนเซอร์ ได้บัตรฟรีมา (เขาบอกว่าเขาดูจนเบื่อแล้ว) ผมเลยขอบัตรเขามาแล้วเอาไปขายต่อ แล้วบางทีคนไทยเขาไม่เข้าใจไงครับว่าซุปตาร์ทำไมมายืนขายตั๋ว แต่เพราะความอยู่รอดของผม ผมเลยไปยืนขายและสิ่งที่ผมได้จากการขายบัตรที่สุด คือ จากคนไทยเพราะเวลาเขาไปแล้วเขาไม่มีตั๋ว ตอนไปยืนขายก็มีคนดูถูกเรานะครับ ว่าทำไมมายืนขายแบบนี้"
นอกจากเรื่องการใช้ชีวิตที่อังกฤษแล้ว ฟิล์มยังเล่าว่าเขาเกือบได้รับโอกาสโกอินเตอร์ โดยฟิล์มเล่าว่า "มันมีสิ่งหนึ่งถ้าเกิดว่าย้อนกลับไปได้ผมจะกลับไปทำ และ ไม่เคยเล่าที่ไหนด้วยผมไปแคส แล้วผมไปติดหนังโฆษณาหนังใหญ่ของฮอลลีวู้ด เรื่อง โรนินแฟลก (47 Ronin) ตอนนั้นเขาหาคนที่หน้าจีน ญี่ปุ่น ไปเป็น 1 ใน 47 โรนินแฟลกพอดี พี่สาวผมเป็นคนเห็นป้ายประกาศนี้เขาบอกผมว่าไปแคส เราก็จะบ้าเหรอ แต่ใจจริงคือ ไปอยู่แล้วเพราะเราไม่กลัวอยู่แล้วพวกแบบนี้เลย พอไปแคสเขาก็ให้เราขี่ม้า ร้องไห้ เราทำได้ทุกอย่างจนเขารู้สึกว่าทำไมเราเก่งแบบนี้เพราะเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แต่ในใจเราตอนนั้นไม่ได้หรอก เพราะภาษาเราก็ไม่ได้ พอเรากลับถึงบ้านก็มีอีเมล์มาทันทีเลยว่า โอเคนะ แล้วมาเป็นแพลนเลยว่า 4 ปีนี้ทำอะไรบ้าง คือ เรียนการแสดง 2 ปี ยิงธนูฟันดาบ 2 ปี ถ่ายอีก 2 ปี แต่เขาจะมาตารางมาให้ ปีแรกได้กี่บาท ปีที่สองได้กี่บาท ปีสามได้กี่บาท และปีสุดท้ายได้กี่บาท ทุกปีที่เราเรียน ฝึกคือ เราได้เงิน 4 ปี เป็นเงิน 2 ล้านบาท ก็ตกเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ใช้เวลาหนึ่งวัน 5-6 ชั่วโมง แต่มันก็ไม่ใช่ 3-4 หมื่นไปทุกเดือนนะครับ แต่มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ว่าผมมาวิเคราะห์แล้วก็โทรปรึกษาเฮีย ว่าเอาไงดี นี่คือฝันของเลยนะ ผมอยากคว้าสิ่งนี้มา เลยปรึกษากันไปมาเลยตกลงว่าไม่รับ เพราะว่าผมเลี้ยงชีวิตผมไม่ได้ แล้วผมยังมี คนที่ผมยังต้องดูแลอยู่ แล้วพอผมกลับมาประเทศไทย มีงานทำ แล้วผมมองย้อนกลับไปผมก็อยากทำตรงนั้นอยู่ แต่โอกาสนั้นมันไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว"
นอกจากเรื่องราวชีวิตตอนที่ไปอยู่อังกฤษแล้ว ฟิล์มยังพูดถึงผลงานเพลงใหม่ ไปจนถึงงานอดิเรกอย่างการสะสมรถและมุมมองความรัก โดยแฟนๆ สามารถติดตามรายการ ต้มยำอมรินทร์ ได้ที่ YouTube CHANGE2561
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ