เทรนด์ "เรโทร" ของวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีปี 2020 โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
เดือนสุดท้ายของปี 2020 มาถึงแล้ว ได้เวลาสรุปใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆ แต่อาจเร็วไปที่จะสรุปเพลงแห่งปีอัลบั้มแห่งปี ยังมีผลงานมากมายจ่อคิวออกในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ดี ผู้เขียนสังเกตได้ถึงเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจของวงการเคป็อปในช่วงไตรมาสสุดท้าย นั่นคือการที่วงเกิร์ลกรุ๊ปพร้อมใจกันทำเพลงในแนว ‘เรโทร’ (Retro)
คำว่าเรโทรอาจสรุปได้ย่นย่อว่า ‘การย้อนยุค’ ในวงการศิลปะ/บันเทิงคือการเอาเทรนด์ฮิตจากยุคก่อนมาทำซ้ำหรือดัดแปลง เช่นว่าอยู่ดีๆ แฟชั่นแบบโบฮีเมียนที่เคยฮิตในยุค 60 ก็กลับมาเป็นที่นิยม, ภาพยนตร์ในทศวรรษ 2010 หลายเรื่องกลับไปใช้อัตราส่วนภาพ 4:3 แบบยุคก่อนจะมีโทรทัศน์ หรือในวงการเพลงดิสโก้อัลบั้มล่าสุดของ Kylie Minogue ก็เป็นแนวดิสโก้ที่เฟื่องฟูในยุค 70
สำหรับเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่ออกผลงานเพลงในแนวเรโทรมีดังนี้
1. EVERGLOW - LA DI DA
ซิงเกิลของ 6 สาว EVERGLOW ที่ออกมาเมื่อเดือนกันยายน หลายคนฟังปุ๊บพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เฮ้ย ทำไมอินโทรเหมือนเพลง The Weeknd เลย” (ศิลปินที่เพิ่งมีดราม่าไม่ได้ชิงรางวัลแกรมมี่คนนั้นนั่นแหละ) เนื่องด้วยเพลงเป็นแนวอิเล็กโทรป็อปที่ฮิตในยุค 80 ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจหลักของ The Weeknd ซิงเกิลนี้ของ EVERGLOW ค่อนข้างติดหูและคงสไตล์เฟี้ยวฟ้าว แรงๆ เฟียร์สๆ เหมือนเดิม
เอาที่จริงแล้ว EP -77.82X-78.29 (นี่ชื่ออัลบั้มหรือรหัสลับ อ.อุบล...) ของ EVERGLOW มีคุณภาพใช้ได้ แต่น่าเสียดายว่าวงยังไม่ปังเท่าไร อาจเป็นเพราะสาวๆ วงนี้ไม่ได้สวยแบบพิมพ์นิยมเคป็อปสักเท่าไร อีกทั้งเพลงก็ไม่ใช่แนวแบ๊วๆ มีการคาดการณ์ว่าหลังจาก IZ*ONE หมดสัญญาแล้ว เยนา อาจจะเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 7 ของวง (อยู่ค่าย Yuehua Entertainment เหมือนกัน) ถึงเยนาจะมีภาพลักษณ์เป็นคนตลกรั่ว แต่จะให้เซ็กซี่นางก็ทำได้ เลยคิดว่าเยนาน่าจะช่วยเสริม EVERLOW ได้พอสมควร
2. TWICE - I CAN'T STOP ME
พูดกันตรงๆ เลยว่า ผู้เขียนไม่ใช่แฟนวง TWICE เท่าไร (ชาว ONCE อย่าเพิ่งโกรธกันน้า) ด้วยความที่เพลงช่วงหลังของวงนี้คล้ายกันไปเสียหมด แต่สำหรับ "I CAN'T STOP ME" นี่ถือว่าปังมากชอบมาก มีสิทธิติดอันดับเพลงแห่งปี ด้วยสไตล์เพลงแบบซินธ์ป็อป/ซินธ์เวฟที่ใช้ซาวด์จากเครื่องเสียงสังเคราะห์ (Synthesizer) เป็นแนวเพลงที่ฮิตช่วงต้นยุค 80 โดยเฉพาะในซาวด์แทร็กหนังไซไฟ หรือถ้าเป็นยุคนี้ก็คือซาวด์แทร็กแบบซีรีส์ Stranger Things นั่นเอง
นอกจากทำนองเพลงที่โดดเด้งแล้ว เนื้อหาก็น่าสนใจมาก ว่าด้วยคนที่รู้ว่าความสัมพันธ์ตรงหน้านั้นอันตราย แต่ไม่อาจห้ามตัวเองให้กระโจนเข้าไปได้ เหมือนที่ท่อนฮุคร้องว่ามันคือสปอตไลท์แสงจ้าที่นำพาไปสู่ความมืดมิด (โอ๊ย คิดได้ไง) ส่วน Eyes wide open อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของ TWICE มีเพลงจังหวะกลางๆ ค่อนข้างเยอะ อาจต้องฟังมากกว่าหนึ่งรอบถึงจะจำเพลงได้
3. GFRIEND - MAGO
จากที่เคยเป็นแฟนบอยตัวยงของ GFRIEND ช่วงปีสองปีมานี้ผู้เขียนห่างเหินกับวงนี้ไปพอสมควร เนื่องด้วยเพลงยุคหลังไม่ค่อยโดนใจนัก อย่างเพลงปีนี้ "Crossroads" ก็ออกจะซ้ำเดิม ส่วน "Apple" แม้จะมีแนวทางต่างออกไป แต่ติดหูยาก ทีนี้เหมือนค่ายจะรับรู้ถึงเสียงบ่นของเรา ซิงเกิลใหม่เลยเป็นดิสโก้สุดป็อป ชนิดว่าฟังครั้งเดียวก็จำเพลงได้เลย ชีวิตนี้ไม่ลืมแน่นอนถ้าหัวไม่ไปกระแทกกับอะไรเสียก่อน
ไม่ใช่แค่แนวเพลงที่เป็นยุค 70 แต่แฟชั่นของน้องๆ ในซิงเกิลนี้ก็ 70 ไปด้วย มาเต็มทั้งชุดรวมทุกเฉดสีบนโลก หรือชุดกลิตเตอร์เลื่อมๆ เงาๆ ดังนั้นความสนุกของเพลง "MAGO" ไม่ใช่แค่ตัวเพลงหรือมิวสิกวิดีโอ แต่ยังรวมไปถึงคอสตูมของ GFRIEND ที่ไปปรากฏตัวตามรายการเพลงหรือคลิปของชาแนลต่างๆ แม้บางชุดจะให้ความรู้สึกอิหยังวะพอสมควร แต่ที่ผู้เขียนปลื้มใจที่สุดคือน้องฮึนฮากลับมาไว้ผมยาวแล้วน่ารักมาก (อันนี้ส่วนตัว แหะๆ)
4. LOONA - Star
LOONA เป็นวงที่ผู้เขียนเข้าไม่ถึงสักเท่าไร นอกจากระบบจักรวาลดาราศาสตร์อะไรสักอย่างของวงนี้ที่เลิกพยายามทำความเข้าใจไปแล้ว แนวเพลงของวงนี้ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนงง อย่างเพลง "Butterfly" ที่เป็นแอมเบียนต์ป็อปลอยๆ สวยๆ อันนี้ชอบมาก แต่อยู่ดีๆ ก็มาทำเพลงแรงแบบ "So What" หรือเพลงล่าสุด "Why Not?" ก็กลายเป็นเพลงกลิ่นฟังก์เฉยเลย ข้อยสิตามไม่ทันเด้ออออ
อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนพฤศจิกายน LOONA ปล่อยเพลง "Star" ซึ่งเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษของเพลง "Voice" ถึงเพลงจะไม่ได้หวือหวา แต่ฟังแล้วชอบทันที ทำนองมีแนวทางเรโทรชัดเจน เน้นการใช้บีตต่ำแต่วนทำนองไปเรื่อยๆ ทั้งเพลง ไม่แปลกที่เราจะเสพติดเพลงนี้เหมือนโดนสะกดจิต (คนแต่งเพลงเขาคิดมาแล้ว) ถือว่าเป็นเพลงที่ทำให้ผู้เขียนคืนดีกับวง LOONA น้องๆ ได้กลับมา shining in my mind ตามเนื้อเพลงเลยจ้า
____________________
ผู้เขียน - คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
(Kanchat Rangseekansong)
เปิดโลกดนตรีและไอดอลกับคันฉัตร