Melanie C ในวันที่เธอเป็นทั้ง Sporty Spice และศิลปินเดี่ยวที่อยู่ในวงการมาเกือบ 3 ทศวรรษ | Sanook Music

Melanie C ในวันที่เธอเป็นทั้ง Sporty Spice และศิลปินเดี่ยวที่อยู่ในวงการมาเกือบ 3 ทศวรรษ

Melanie C ในวันที่เธอเป็นทั้ง Sporty Spice และศิลปินเดี่ยวที่อยู่ในวงการมาเกือบ 3 ทศวรรษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ว่าคุณจะรู้จักเธอในฐานะของ Mel C หรือ Sporty Spice ในวงเกิร์ลกรุ๊ปจากอังกฤษที่โด่งดังที่สุดในโลกในยุค ‘90s อย่าง Spice Girls หรือจะเป็น Melanie C ศิลปินเดี่ยวเจ้าของเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบ 3 ทศวรรษ เรียกได้ว่าทั้งชีวิตของเธอมีแต่เสียงดนตรีรายล้อมอยู่ตลอดเวลา 

อะไรที่ทำให้เธอยังคงยืนหยัดที่จะเป็นศิลปินได้อย่างยาวนาน จนมีอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 8 และยังคงแฟนๆ ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องได้ยาวนานขนาดนี้ Sanook Music มีโอกาสได้พูดคุยอย่างสบายๆ ผ่าน Zoom กับเธอที่อยู่ที่อังกฤษ Melanie C ปรากฏกายขึ้นมาบนจอพร้อมกับใบหน้าที่มีเพียงเมคอัพบางๆ และเสื้อฮู้ดสีส้มสด นั่งลงบนโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่ ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่หัวเราะเสียงใสเมื่อเราถามเธอว่า วันนี้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปเยอะ เหนื่อยไหม “รู้อะไรไหม การโปรโมทอัลบั้มนี้มันวุ่นวายสุดๆ ไปเลย แต่ฉันยังไหวค่ะ ไม่เป็นไรเลย”

Melanie C

ในช่วงเวลาที่ทั้งโลกกำลังประสบปัญหาโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ทำให้ทุกอย่างชะงัก และอาชีพศิลปินก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ในการปล่อยผลงานใหม่ โปรโมท รวมถึงคอนเสิร์ตที่ต้องยกเลิก หรือปรับเปลี่ยนกันยกใหญ่ ตัว Melanie C เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่เธอเลือกที่จะเดินหน้าปล่อยผลงานใหม่ให้แฟนๆ ได้ฟังตามแผนเดิมที่วางไว้

“ฉันเตรียมอัลบั้มนี้มาตั้งแต่ปี 2019 และตั้งใจจะปล่อยให้ได้ฟังกันในช่วงปี 2020 นี้แหละค่ะ ช่วงที่โปรโมทซิงเกิลแรกของอัลบั้มนี้ ‘Who I Am’ เป็นช่วงที่อังกฤษประกาศล็อกดาวน์พอดี ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่า ‘นี่มันจะใช่เวลาที่เราควรปล่อยผลงานใหม่หรือเปล่านะ?’ มันค่อนข้างท้าทายเลยทีเดียว แต่ที่สุดแล้วฉันก็คิดว่ามันต้องเป็นเวลานี้แหละ เพราะแฟนๆ ให้การตอบรับกับเพลงนี้ดีมาก และพวกเขาก็รู้สึกดีที่ได้มีเพลงใหม่ๆ ฟังในช่วงนี้ รวมถึงคอนเทนต์อื่นๆ ทั้งวิดีโอ และการสื่อสารอ่านออนไลน์อื่นๆ ที่ช่วยให้ดึงความสนใจพวกเขาออกจากเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้”

หากคุณคิดว่าการทำอัลบั้มเดี่ยวมาจนถึงอัลบั้มที่ 8 จะเป็นกระบวนการเดิมๆ กับคนเดิมๆ ซ้ำซากจำเจ สำหรับ Melanie C เลือกที่จะท้าทายตัวเองด้วยการออกจาก comfort zone แล้วร่วมงานกับทีมงานใหม่ๆ รวมถึงแนวดนตรีใหม่ๆ ด้วย 

“การทำอัลบั้มนี้เหมือนฉันได้เริ่มต้นใหม่เลยค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับคนใหม่ๆ เพียบ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ มิกเซอร์และกับศิลปินใหม่ๆ ฉันเลยตื่นเต้นมากที่ได้มีเหมือนกับพลังงานใหม่ๆ เข้ามาสร้างสีสันให้กับอัลบั้มใหม่ของฉันค่ะ”

“ฉันเป็น DJ มาได้สองปีครึ่งแล้วค่ะ คิดว่านี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนในรสนิยมทางดนตรีของฉัน ฉันสนใจเพลงแนว dance music มากขึ้น ฉันเลยอยากทำอัลบั้มที่คนฟังแล้วอยากลุกขึ้นมาเต้น แต่ก็ยังแฝงข้อความดีๆ เอาไว้ให้คนอื่นๆ รวมถึงตัวฉันอยากจะกลับมาฟังซ้ำๆ ด้วยเช่นกัน ฉันชอบเพลงป็อป เพลงแนวดิสโก้ เฮาส์ รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีแนว ‘90s ที่ฉันเติบโตมาด้วย ฉันเลยสนุกมากที่ได้ลงมือผสมผสานแนวดนตรีที่แตกต่างกันเหล่านี้เข้าด้วยกันในอัลบั้มนี้”

แม้ว่าอัลบั้มก่อนหน้านี้ของเธอจะใช้ชื่ออัลบั้มที่สื่อว่าเป็นอัลบั้มที่แสดงความเป็นตัวเธอเองอย่างแท้จริงแล้วอย่าง Version of Me แต่สำหรับอัลบั้มล่าสุดเธอเลือกใช้ชื่อ Melanie C เป็นชื่ออัลบั้มเลย และนั่นหมายความอัลบั้มนี้ต้องมีความพิเศษมากกว่าอัลบั้มที่ผ่านๆ มา “ฉันคิดว่าอัลบั้มนี้แสดงออกถึงตัวตนของฉันอย่างแท้จริง ฉันได้ไปเจอสาวๆ Spice Girls อีกครั้งเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา และนั่นทำให้ฉันค้นพบว่าตัวฉันเองยังคงเป็น Sporty Spice คนเดิมเหมือนเมื่อตอนที่พวกเราอยู่ในวงด้วยกันช่วงปี 1990s ฉันรู้สึกว่าเราควรยอมรับตัวเองในทุกแง่มุม ในทุกช่วงเวลา ทุกบทบาทของชีวิตตัวเองให้ได้ และมีความมั่นใจในตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง”

“‘Who I Am’ เป็นเพลงเปิดอัลบั้มที่สำคัญมาก เพราะสามารถเป็นตัวแทนของอัลบั้มนี้ได้ดีว่า อัลบั้มนี้จะบอกเล่าถึงการยอมรับตัวตนของตัวเอง หรืออย่างเพลงFearless ที่ฉันได้ร่วมงานกับ Nadia Rose ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่เราทั้งคู่ได้ร่วมบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการทำเพลงที่จะถ่ายทอดพลังให้กับผู้คนมีความกล้าที่จะออกไปผจญภัย เพื่อทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ แล้วยังมี ‘In and Out of Love’ ที่เป็นเพลงสนุกๆ ฟังแล้วอยากลุกขึ้นเต้น เห็นบรรยากาศที่ผู้คนออกมาเต้น มีความสุขไปกับเสียงดนตรี และมีความรักที่เกิดขึ้นระหว่างโมเมนต์นั้น ฉันเลยคิดว่าแฟนๆ น่าจะเลือกเพลงที่ชอบจากอัลบั้มนี้ได้ไม่ยาก เพราะมีหลากหลายอารมณ์ หลากหลาย messages ที่โดนใจพวกเขา ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีประสบการณ์ในชีวิตกันมาอย่างไร”

พูดถึง Nadia Rose ที่ได้ร่วมงานกับ Melanie C ในครั้งนี้ เป็นฝ่าย Melanie C เองที่สนใจจะร่วมงานกับเธอจากการได้ชมสารคดีของเธอ “ทุกครั้งที่เธอพูด เธอเหมือนจะส่งพลังด้านบวกให้กับทุกคน เธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้หญิงหลายๆ คน เป็นคนที่รู้ตัวเองดีว่าต้องการอะไร และฉันก็เริ่มชอบเธอมากขึ้นเมื่อได้ฟังเพลงของเธอ แล้วเธอก็สอดแทรกอารมณ์ขันลงในผลงานของเธอเองด้วย ซึ่งตรงกันกับเพลงของ Spice Girls ที่เรามักจะทำเพลงสนุกๆ อยู่ตลอด วันหนึ่งเราได้เจอกันที่โชว์หนึ่งในลอนดอน ได้ประชุมร่วมกัน พูดคุยกัน แล้วในท้ายที่สุดเราก็ได้มาร่วมงาน เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงร่วมแต่งเนื้อเพลงด้วยกัน เพื่อพูดถึงสิ่งที่เราสองคนอยากจะสื่อไปถึงคนฟัง เราอยากให้คนฟังเข้มแข็ง และมีความกล้าที่จะทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ สุดท้ายเลยได้ออกมาเป็นเพลงFearlessค่ะ”

แม้ว่าจะเดินทางอยู่ในถนนสายดนตรีมายาวนานเกือบ 3 ทศวรรษแล้ว แต่ Melanie C ยืนกรานว่าเธอไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่เธอเป็น Sporty Spice จนถึง Melanie C ในอายุ 46 ปีทุกวันนี้ “แทนที่จะคิดว่าฉันเปลี่ยนไปไหม ฉันว่าฉันเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้นมากกว่า”

การเป็นศิลปินมอบอภิสิทธิ์ให้กับศิลปินมากมาย ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอำนาจที่แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะเลือกใช้พลังที่มีให้เกิดประโยชน์กันอย่างไร เมื่อเราถามเธอถึงความคิดเห็นที่มีต่อการออกมาสนับสนุนหรือพูดถึงปัญหาสังคมของเหล่าคนดังที่มีพลังเสียงที่ดังกว่าคนปกติ เธอกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับแต่ละศิลปินนะคะ ในอดีตมีศิลปินที่ยอดเยี่ยมมากมายที่ใช้เสียงของพวกเขาในการออกมาขับเคลื่อนสังคม และส่วนตัวฉันเองก็ยังคิดว่าดนตรีสามารถเปลี่ยนโลกได้ บทเพลงต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมในชีวิตของผู้คนได้ แต่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้จำเป็นถึงขั้นว่าศิลปินทุกๆ คนบนโลกใบนี้จะต้องแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจนขนาดนั้น ใครที่มีความมั่นใจ และสะดวกใจมากพอที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ก็ควรแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่”

“สำหรับฉันเอง ฉันภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตร และเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่ม LGBTQ+ มาตลอดระยะเวลาหลายปี เพราะฉันค่อนข้างใกล้ชิดและรู้สึกเชื่อมโยงกับกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ แต่หากเป็นการพูดถึงในเรื่องของการเมืองจัดๆ ฉันอาจจะกังวลนิดหน่อย เพราะฉันไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ แต่กับปัญหาสังคมด้านอื่นๆ ที่ฉันได้ทำงานอย่างใกล้ชิดด้วย ฉันก็จะมีความมั่นใจที่จะใช้เสียงของฉันในการพูดถึง และสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ไปถึงคนหมู่มากได้อย่างเต็มที่มากกว่า”

“สำหรับปัญหาความเท่าเทียมของเพศทางเลือกในสังคม ฉันทราบมาว่าในเอเชีย และในยุโรปมันก็ค่อนข้างแตกต่างกัน ทุกวันนี้เป็นเรื่องที่ดีที่ผู้คนเริ่มได้รับข้อมูล และเริ่มเข้าใจในเพศอันหลากหลายของผู้คนบนโลกมากขึ้น ทำให้หลายๆ คนไม่กลัวที่จะเป็นตัวของตัวเองในที่สาธารณะมากขึ้น มีความสุขในการเป็นตัวเองมากขึ้น ฉันโชคดีมากที่เติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อม และสังคมที่ยอมรับในตัวตนของฉัน ฉันจึงอยากจะสนับสนุน และเป็นพลังให้กับทุกคนให้ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน”

ในช่วงเวลาที่ศิลปินยังไม่สามารถเดินทางมาโปรโมทผลงานอย่างใกล้ชิดกับแฟนต่างประเทศไทยได้ เราจึงสอบถามเธอถึงความทรงจำที่เธอมีต่อประเทศไทย ว่าเธอจำ หรือประทับใจอะไรบ้างในประเทศไทย

“ฉันเคยไปแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย แล้วฉันก็ได้ไปดูเขาแข่งมวยไทยกันด้วย (เธอขอให้เราสอนพูดคำว่า ‘มวยไทย’ เป็นภาษาไทย) ชอบมากเลยค่ะ แล้วฉันได้เที่ยวในไทยกับแฟนของฉันด้วย เขาเคยมาเที่ยวไทยเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขาเลยพาฉันไปเที่ยวหลายที่มากๆ ได้กินอาหารอร่อยๆ รสชาติที่มาจากเครื่องเทศต่างๆ อย่าง ตะไคร้ ข่า พริก อะไรพวกนี้มันดีมาก ดื่มเบียร์ไปก็เยอะ ได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัวเลยค่ะ (หัวเราะ) ฉันมีความทรงจำดีๆ ในกรุงเทพเยอะมาก ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสิ่งดีๆ ที่ฉันประทับใจเยอะมาก ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอนค่ะ”

“ฉันรู้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลายๆ คน แต่ฉันคิดถึงแฟนๆ ที่ประเทศไทยจริงๆ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสได้พบกันเมื่อทุกอย่างดีขึ้นนะคะ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook