“มิว ศุภศิษฏ์” ขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทนายนิด้าย้ำ “ไม่ผิดลิขสิทธิ์”
จากกรณีของ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ ปล่อยมิวสิควิดีโอที่หนุ่มมิวคัฟเวอร์เพลง “Afterglow” ของ Ed Sheeran แต่ชาวเน็ตโดยเฉพาะแฟนคลับของหนุ่ม แจฮยอน สมาชิกวง NCT แสดงความคิดเห็นว่ามีหลายช็อตหลายซีนที่คล้ายคลึงกันกับมิวสิควิดีโอเพลงคัฟเวอร์ “I Like Me Better” ของศิลปิน Lauv ในช่อง YouTube NCT Music ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2019 นั้น
ทาง มิว ศุภศิษฏ์ ได้ออกมาจัดงานแถลงข่าวถึงประเด็นเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีทนายนิด้า หรือ นางศรันยา หวังสุขเจริญ เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายร่วมงานแถลงข่าวด้วย ในวันที่ 4 มีนาคม 2564 ที่โรงแรม Grande Centre Point Terminal 21
เนื้อหาโดยสรุปของการแถลงข่าวในครั้งนี้ มิว ศุภศิษฏ์ เริ่มต้นด้วยการขอโทษสื่อมวลชน แฟนคลับทั้งสองฝ่าย และทุกคนที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้จากใจจริง และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบกันมากขนาดนี้”
จุดเริ่มต้นของการทำมิวสิควิดีโอคัฟเวอร์เพลง “Afterglow” ของ Ed Sheeran
ทางมิวได้รับลิขสิทธิ์เพลงมาจาก Warner Music สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจตนาของตนคือมีแฟนคลับต่างชาติ อยากให้เค้าได้มาตามรอยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในกรุงเทพ เป็นการถ่ายทำรูปแบบ Street Vlog โดยตนได้มีโอกาสเข้าไปดูแล้วเห็นว่ามีส่วนคล้ายกันจริง พร้อมทั้งกล่าวขอโทษอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจริงๆ พร้อมทั้งให้ฝ่ายโปรดักชั่นดำเนินการทันที
ออกแถลงการณ์ทันทีในโซเชียลมีเดียของ มิว ศุภศิษฏ์ สตูดิโอ
ครั้งแรกที่ทราบเรื่อง ทางมิวคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน (ทีมงาน) จึงทำแถลงการณ์ออกมา 3 ฉบับ ดังที่เผยแพร่ออกไป
ผิด VS ไม่ผิดลิขสิทธิ์ โดยทนายนิด้า
ทนายนิด้ากล่าวว่า แม้ช็อตต่อช็อตจะมีความคล้ายกัน แต่ถ้ามองถึงภาพรวม ในความคล้ายคลึงมันเกิดขึ้นได้ สิ่งแรกที่ทางฝั่งมิวทำหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้คือ ลบคลิปออกและขอโทษทันที ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าพอแล้ว แต่ยังไม่พอ จึงเป็นที่มาของการแถลงข่าวในครั้งนี้
ทางมิวได้มีการปรึกษากับทนายมาตลอด ว่าสิ่งที่ตนทำมีตรงไหนพลาดมั้ย ซึ่งทางทนายยืนยันว่า สิ่งที่มิวทำ ไม่ได้มีการผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ข้อไหนเลย
ทนายนิด้ายืนยันว่า ในเรื่องของกฎหมายลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ต่างประเทศก็ใช้กฎหมายนี้ อะไรที่เป็น normal (ธรรมดา) ทุกอย่าง กฎหมายไม่คุ้มครองให้ การเทียบช็อตแบบนั้นมองยังไงก็ว่าเหมือน แต่ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ช่องว่างทางกฎหมาย เพราะเป็นสิ่งที่ธรรมดาใครๆ ก็ทำได้ ไม่ถือเป็นการทำซ้ำที่ผิดกฎหมาย
“หากมีการทำซ้ำหรือดัดแปลงในงานนั้นจะผิด ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เอ็มวีหรือหนังที่พล็อตเป็น street vlog กฎหมายไม่คุ้มครองให้ สิ่งที่ normal ใครๆ ก็ทำกันได้ กฎหมายไม่คุ้มครองให้”
ตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ?
มิว ศุภศิษฏ์ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะลอกผลงานเลย “เราเพิ่งมาได้ดูของเขาหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ครับ” ในเรื่องสีผมของมิว เป็นสีนี้มาตั้งแต่ออกซิงเกิลล่าสุดแล้ว ส่วนเรื่องการแต่งกายต่างๆ ด้วยแนว Street Vlog ก็อยากให้ออกมาสบายๆ ที่สุด ส่วนสตอรี่บอร์ด มิวให้เรฟ (reference) เพลง “I Love You 3000” (ของ Stephanie Poetri) และ (เพลง “Torn”) ของวง Boyce Avenue ไป แล้วทีมงานไปหาเพิ่มมาอีกสามเพลง
ความรู้สึกหลังได้ชมมิวสิควิดีโอของแจฮยอน
มิวกล่าวว่า ความรู้สึกหลังดูเอ็มวี (ของแจฮยอน) รู้สึกว่า common practice มากๆ ท่าโพสก็มีหลายท่ามากๆ มุมกล้องเป็นมุมปกติของช่างภาพ ทางด้านของทนายนิด้าเสริมว่า มุมถ่ายเอียงหัวเอียงคอ แลบลิ้นชูสองนิ้วกันก็ก็อปปี้กันมาไม่รู้กี่ร้อยคน ถือว่าเป็นมุมกล้องแบบธรรมดาที่ใครๆ ก็ถ่ายกัน
ขอให้เห็นใจมิว เพราะได้รับผลกระทบมากพอแล้ว
ทางทนายนิด้า กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้านี่คือบทลงโทษ นี่ก็น่าจะพอเหมาะ พอสมแล้ว” นอกจากนี้ การออกมาเรียกร้อง ติดแฮชแท็ก อยากถามกลับว่า เราเข้าใจคำว่าก็อปปี้และละเมิดลิขสิทธิ์ถ่องแท้แค่ไหน อะไรที่กฎหมายคุ้มครอง
นอกจากนี้ ทนายนิด้ายังเพิ่มเติมว่า “กฎหมาย พูดวันนี้หรือพูดวันหน้าก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องทบทวนคือ น้องไตร่ตรองคำพูดมาโดยตลอด การที่น้องบอกว่าก็อปปี้งาน คนอย่างน้องมิวที่อยู่ในสื่อ ในแสงสว่าง ไม่ควรละเมิดลิขสิทธิ์ของคนอื่น วันนี้เลยอยากถามว่าเราเข้าใจคำว่าลิขสิทธิ์กันมากแค่ไหน”
นอกจากนี้ทนายนิด้ายังกล่าวว่า หากได้ชมมิวสิควิดีโอตัวนี้ก่อนอัปโหลดว่าผิดส่วนไหนหรือไม่ ทางทนายนิด้ายืนยันว่า ในวันนั้นคงอนุญาตให้โพสต์ และก็ยังเกิดเหตุการณ์นี้อยู่ดี
“นักโซเชียลทุกคนบัญญัติกฎหมายว่า ไม่พอใจแปลว่าผิด ในขณะที่เราเรียกร้องกฎหมาย ก็อยากให้ทุกคนเคารพกฎหมายว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้”
“ไม่อยากให้ใช้อคติว่า ไม่พอใจก็ทำลาย พอใจก็สนับสนุน นี่คือการละเมิด นี่ไม่ผิดกฎหมายเลย นี่คือความไม่พอใจ”
“วันหนึ่งคนที่คุณสนับสนุนอาจจะได้รับผลแบบนี้ เพราะคุณสร้างวัฒนธรรมแบบนี้แล้ว”
จรรยาบรรณ จริยธรรม VS กฎหมาย
ทนายนิด้ากล่าวว่า จรรยาบรรณ และจริยธรรม อะไรคือบรรทัดฐาน ถ้ายึดกฎหมาย กฎหมายไม่ห้าม ให้ทำได้ หากมีปัญหาแล้วไปต่อว่าคนที่สร้างสรรค์ผลงานนั้นก็อาจจะโหดร้ายเกินไป
“อยากให้ทุกคนเข้าใจจริงๆ คุณยังไม่เข้าใจเลยว่าอะไรคือลิขสิทธิ์ เรายังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องร้องฟ้อง แต่ฝากไว้ว่าถ้าฝากคำวิจารณ์ไว้ให้น้องมิวก็ได้ แต่ถ้าไปด่าพ่อล่อแม่ ใส่ร้าย sexual harrassment ปรักปรำน้องรุนแรง ก็ไม่อยากให้ทำ”
ประเด็นเรื่องอาร์ตที่ถูกมองว่าเป็นการ Sexual Harassment
จากประเด็นที่มีการพูดถึงว่า อดีตนักแสดงที่เคยร่วมงานด้วยอย่าง อาร์ต-ภาคภูมิ จวนชัยนาท นักแสดงคู่ในซีรีส์ What The Duck รักแลนดิ้ง ที่เคยออกมาไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดียว่าถูกมิวจูบโดยไม่ยินยอม ทางมิวออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมกับอาร์ต เราจบกันได้ดี เจอกันตามงานเราคุยกันได้ปกติ ไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ผ่านมา เพราะตอนนี้ดีมากอยู่แล้ว”
“เหตุการณ์ในคลิป เรามีการปรับความเข้าใจกันแล้ว ตอนนั้นเราใช้อารมณ์กัน ใช้โซเชียลในทางที่ผิด”
เสียใจที่ทำให้เกิดความแตกแยก
มิว ศุภศิษฏ์ ย้ำอย่างชัดเจน “เราทำให้แฟนคลับเกิดความแตกแยก รู้สึกเสียใจมาก ต้องขอโทษด้วยจริงๆ คนเกิดความขัดแย้งแตกแยก รู้สึกดิ่งลงไปเรื่อยๆ เลยรู้สึกเสียใจ ออกมาขอโทษในวันนี้ครับ”
ขอบคุณแฟนๆ และจะระวังไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
จากข่าวในเรื่องนี้ มิวกล่าวว่า “ผมจะตั้งใจสร้างสรรค์ผมงานของตัวเอง ให้สังคมดีขึ้น เราทำ CSR เยอะมาก อยากให้ลูกหลานมีอนาคตที่ดี เลยคิดว่าเราไม่เอาเวลาไปจมปลักกับเรื่องแบบนี้ดีกว่า"
“ความรักจากแฟนๆ ทำให้ผมอยากสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้น”
นอกจากนี้ มิว ศุภศิษฏ์ ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “วันนี้ตั้งใจออกมาขอโทษทุกๆ คนจริงๆ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในภายภาคหน้าจะระวังมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“เสียใจมากจริงๆ ที่เราไปดึงเขา (แจฮยอน) มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ใครต้องมารู้สึกผิดอะไรเลย ต้องขอโทษเขาจริงๆ ที่เอาชื่อเขามาเกี่ยวข้องด้วย”
“อยากบอกถึงแฟนๆ ทุกคนว่า ผมเข้าใจทุกคนว่าทุกคนรักศิลปินตัวเอง คาดหวังให้ศิลปินทุกคนไปในทางที่ดี และขอบคุณแฟนของผมที่สนับสนุนผมมาโดยตลอด”
ชมวิดีโอการแถลงข่าวของ มิว ศุภศิษฏ์ และ ทนายนิด้า เต็มๆ ได้ที่นี่
อัลบั้มภาพ 35 ภาพ