Alexander 23 กับที่มาของเลข 23 และความสัมพันธ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายในอีพี "Oh No, Not Again!" | Sanook Music

Alexander 23 กับที่มาของเลข 23 และความสัมพันธ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายในอีพี "Oh No, Not Again!"

Alexander 23 กับที่มาของเลข 23 และความสัมพันธ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายในอีพี "Oh No, Not Again!"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Alexander 23 ศิลปินชื่อแปลกคนนี้เป็นหนุ่มอเมริกัน เจ้าของเพลงหม่นๆ “IDK You Yet” ที่พูดถึงความรักอันแท้จริงที่ยังคงตามหาและรอคอยอย่างมีความหวัง จนกลายเป็นเพลงโปรดของคอเพลงอินดี้ทั้งในไทยและทั่วโลกในเวลาไม่นาน วันนี้เขากลับมาพร้อมอัลบั้มอีพีเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนจนอยากจะบอกว่า “ไม่เอาอีกแล้วได้ไหม” จึงเป็นที่มาของชื่ออัลบั้มว่า Oh No, Not Again!

Sanook Music มีโอกาสได้สัมภาษณ์วิดีโอคอลกับเขาตัวเป็นๆ ถึงความสำเร็จของเพลง “IDK You Yet” ที่ส่งผลให้เขากลายเป็นที่รู้จักกับแฟนทั่วโลก ผลงานอีพีล่าสุดที่เต็มไปด้วยเพลงหลากหลายอารมณ์ และพร้อมที่จะให้ทุกคนได้ทำความรู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้น


Alexander 23Instagram @alexander23

เลข 23 เป็นเลขวันเกิดของคุณ ทำไมถึงใช้เลขนี้เป็นเลขต่อท้ายชื่อในการเป็นศิลปินของคุณ

Alexander 23: เลข 23 เป็นเลขที่บ่งบอกความเป็นตัวผมครับ นอกจากจะเป็นเลขวันเกิดแล้ว ผมมาจาก Chicago บ้านเกิด Michael Jordan (นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง) แล้ว Michael Jordan ใส่เสื้อเบอร์ 23 ด้วย และครั้งแรกที่ผมแต่งเพลง เป็นตอนที่ผมอายุ 23 ปีครับ ผมเลยรู้สึกว่าเลขนี้เป็นเลขประจำตัวผมไปโดยปริยาย


บ้านเกิดคุณอยู่ Chicago แล้วตอนนี้คุณย้ายมาอยู่ LA ตั้งแต่เมื่อไร

Alexander 23: จริงๆ ผมย้ายที่อยู่บ่อยเหมือนกันครับ ก่อนหน้าที่จะย้ายมาอยู่ที่ LA ผมก็ย้ายไป Philadelphia, New York แล้วค่อยมาเป็น LA เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว จริงๆ LA เป็นเมืองที่น่าอยู่ในช่วง lock down แบบนี้นะ เพราะตอนกลางคืนยังสว่างไสวกันอยู่เลย แต่จริงๆ แล้วถ้าถามว่าผมชอบเมืองไหนที่สุด ผมคงตอบว่าเป็น New York ครับ


ได้ยินมาว่าคุณได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินมาจากพ่อ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

Alexander 23: ผมเห็นพ่อผมเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ แล้วผมประทับใจมาก โตขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่า “โตไปผมต้องเล่นเจ้านี้ให้เป็นให้ได้” ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบกีตาร์มากขนาดนั้น จริงๆ พ่อผมไม่ได้แต่งเพลงหรอกนะครับ เขาแค่เล่นดนตรีสนุกๆ แต่พอพ่อแม่ผมเห็นว่าผมแต่งเพลงได้ พวกเขาก็สนับสนุนผมมากๆ เพราะพ่อแม่ผมอยู่เคียงข้าง คอยเชียร์ผมตลอดละมั้งครับ ผมเลยมีแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้


เพลง “IDK You Yet” ประสบความสำเร็จมาก และกลายเป็นเพลงฮิตในใจของคอเพลงอินดี้ทั้งในไทยและหลายๆ ประเทศไปเรียบร้อย รู้สึกอย่างไรบ้าง?

Alexander 23: มันน่าเหลือเชื่อมากๆ เลยครับ ผมยังไม่ชินเลยเวลาใครมาบอกผมแบบนี้ (ยิ้ม) ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ครับ จากเด็กคนหนึ่งที่โตมาจากเมืองเล็กๆ ใจกลางอเมริกา ตอนที่เพลงนี้เป็นที่รู้จัก หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครมาจากไหน เราเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยเสียงเพลงจริงๆ ซึ่งผมเองก็แต่งเพลงเพื่อให้หลุดพ้นจากความเหงา ความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายอยู่เหมือนกัน ดังนั้นการที่เพลงนี้ส่งไปถึงคนฟังทั่วโลก แล้วทำให้เรารู้จักกันผ่านบทเพลงได้ เป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยครับ

หลังจากปล่อยเพลงมาเยอะแล้ว ตอนนี้คุณมีอัลบั้มอีพี Oh No, Not Again! ออกมาแล้ว ช่วยเล่าให้ฟังถึงธีมของอัลบั้มนี้ และตอนที่ทำอัลบั้มนี้หน่อย

Alexander 23: ผมไม่ได้มีแผนตั้งใจว่าจะปล่อยอีพีตั้งแต่แรกหรอกนะครับ ผมแค่แต่งเพลงใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ผมเริ่มรู้สึกว่า เพลงนี้น่าจะจับมาอยู่กับเพลงนี้นะ เพราะฉะนั้นเพลงในอัลบั้มอีพีนี้เลยค่อนข้างจะแต่งออกมาค่อนข้างฟรีสไตล์หน่อย แต่ถ้าได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้จะเห็นว่ามันเป็นเพลงที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักทั่วๆ ไป ที่มีช่วงเจอกัน ตกหลุมรักกัน คบกัน มีช่วงขึ้นๆ ลงๆ ไปจนถึงช่วงที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร สับสนใจตัวเอง และพยายามจะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนั้นออกไปให้ได้ และมีความเป็นไปได้ว่าความรู้สึกเดี๋ยวสุขเดี๋ยวเศร้าแบบนี้มันจะวนลูปเกิดขึ้นได้ซ้ำๆ ในชีวิตของเรา ดังนั้นผมเลยตั้งชื่ออีพีนี้ว่า Oh No, Not Again! เหมือนจะบอกว่า ไม่อยากให้ความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว


มีเพลงโปรด หรือเพลงที่รู้สึกพิเศษกว่าเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มนี้ไหม?

Alexander 23: ผมว่าน่าจะเป็น “Track 9” นะครับ น่าจะเป็นเพลงที่อธิบายถึงสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้ได้ดีที่สุด และมันเป็นเพลงที่เมื่อไรก็ตามที่ผมฟังเพลงนี้ ผมจะจำความรู้สึกของตัวเองตอนที่แต่งเพลงนี้อยู่ได้ทันที ปกติแล้วกับบางเพลงเราอาจจะไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างตอนที่แต่งเพลงนั้นอยู่ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะถ้าเป็นเพลงเศร้า พูดถึงความเจ็บปวด การที่เราข้ามผ่านช่วงเวลานั้นไปได้แล้ว ตอนที่เราร้องเพลงนี้ในภายหลังเราจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับอดีตอีก แต่สำหรับ “Track 9” ยังเป็นเพลงที่ทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกในตอนที่แต่งเพลงนี้ได้เป็นอย่างดีอยู่ครับ


Come Here & Leave Me Alone” เป็นเพลงที่พูดถึงความขัดแย้งในใจของคุณว่า ใจหนึ่งก็อยากจะคบกับใครดีๆ สักคน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากอยู่คนเดียวจะโอเคกว่า ทำไมคุณถึงมีความรู้สึกอย่างนั้นตอนที่แต่งเพลงนี้ออกมา? ตอนนั้นคุณคิดอะไรอยู่?

Alexander 23: Come Here & Leave Me Alone” เป็นเพลงที่อธิบายถึงความรู้สึกของผมในตอนนั้นว่าผมมีความขัดแย้งในใจอยู่เหมือนกัน บางวันก็เป็นคนใส่ใจคนอื่น แต่บางวันก็อยากให้คนอื่นมาใส่ใจ บางวันอยากมีใครมาดูแล แต่บางวันก็อยากอยู่คนเดียว อยากมีพื้นที่ของตัวเอง แม้ว่าจะแต่งเพลงนี้ออกมาแล้ว ผมก็ยังค้นหาตัวเองอยู่ครับว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนแบบไหน ต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งผมคิดว่าคงต้องเป็นผมเองที่ให้เวลาเป็นตัวช่วยหาคำตอบให้ผมในวันข้างหน้า จนกว่าจะถึงตอนนั้น ต้องพยายามหาจุดสมดุลในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ให้ดีไปเรื่อยๆ ก่อนครับ ใครที่เป็นเหมือนผม ขอให้หาจุดสมดุลนั้นให้เจอ แล้วเรามาผ่านมันไปด้วยกันนะครับ


คุณได้แต่งเพลง “Nothing’s the Same” กับ Jeremy Zucker ด้วย เพลงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? ทำงานกับ Jeremy Zucker เป็นอย่างไรบ้าง?

Alexander 23: ทำงานกับ Jeremy สนุกมากครับ ผมชอบเขาทั้งในฐานะที่เป็นศิลปิน และเป็นตัว Jeremy เอง ผมว่าเราสองคนมีอะไรคล้ายๆ กันหลายอย่าง ตอนที่ทำงานกันในสตูดิโอ ทุกอย่างไหลลื่นดีมาก จริงๆ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำเพลงในห้องสตูดิโอด้วยกันจริงๆ จังๆ พอได้เจอเขาที่ทำงานได้เข้าขากันดีสุดๆ ก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เพลงนี้สามารถสื่อถึงสิ่งที่เราสองคนรู้สึกเหมือนกัน เป็นเพลงที่พูดถึงบางอย่างที่มันเกิดขึ้นมา เรามีความสุขกับมัน แต่สุดท้ายมันอาจจะไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด ซึ่งมันทำให้เรากลัวที่จะสูญเสียสิ่งๆ นั้นไป โดยเฉพาะเมื่อคนรอบตัวคุณก็รู้สึกแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ยิ่งทำให้เรากลัวที่จะสูญเสียสิ่งนั้นไปมากขึ้น


แฟนๆ ที่เมืองไทยคงอยากฟังเพลงจากอัลบั้มคุณสดๆ จากคอนเสิร์ตมากๆ คุณเคยมาประเทศไทยไหม? แล้วมีแผนว่าจะมาหาแฟนๆ ชาวไทยหลังหมดโควิด-19 บ้างหรือเปล่า?

Alexander 23: ผมยังไม่เคยไปประเทศไทยเลยครับ แล้วผมก็อยากไปมากๆ ด้วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในที่ประเทศที่ผมชอบมากที่สุดในโลกเลย เมื่อไรที่ปลอดภัยมาพอจะให้ไปได้ ผมไปจะไปทันที คนอเมริกันหลายคนรักประเทศไทย และคุยกันบ่อยๆ ว่าประเทศไทยสวยมาก คนที่นั่นก็ใจดี ผมชอบอาหารไทย และได้ยินมาว่าทะเลที่ไทยสวยมาก ถ้าผมไปได้ผมจะไม่พลาดแน่ๆ ครับ


ฟัง Alexander 23 อัลบั้ม Oh No, Not Again! ที่นี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook