“เซียวจ้าน” กับความพยายามในการร้องและแสดง ที่หลายคนไม่เคยรู้
เซียวจ้าน พระเอกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร แฟนๆ รู้กันดีว่า เซียวจ้าน ไม่ได้มีแค่ความสามารถด้านการแสดง เขายังมีความสามารถด้านการร้องเพลง เซียวจ้าน ถือเป็นดาราดังของจีนอีกคน ที่เฉิดฉายในวงการบันเทิงทั้งทางด้านการแสดงและร้องเพลง เขาสามารถรับมือกับบทบาททั้งสองของเขาได้อย่างไร ไปดูกันเลย
นักร้อง VS นักแสดง
ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 หากนักแสดงชาวจีนคนไหนได้รับความนิยม พวกเขามักจะถูกถามถึงแผนการปล่อยอัลบั้ม เช่นเดียวกับนักร้องที่มีชื่อเสียงในช่วงนั้น ที่มักจะถูกถามถึงผลงานการแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ซึ่งคำถามเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติจากสื่อจีนในสมัยนั้น แต่ปัจจุบันวงการบันเทิงของจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นักร้องไอดอลแทบไม่มีโอกาสในการแสดงภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์เลย และนักแสดงส่วนใหญ่ก็ไม่เคยคิดถึงแผนการทำเพลง แม้บางครั้งพวกเขาจะนำเพลงไปร้องในรายการวาไรตี้ซึ่งทำให้แฟนๆ เซอร์ไพรส์ไปกับเสียงร้องของพวกเขา
ความแตกต่างระหว่างนักแสดง กับ นักร้อง เริ่มชัดเจนขึ้น หลายคนเริ่มกำกับบทบาทให้กับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ เซียวจ้าน กลับแตกต่าง เขาเป็นทั้งนักร้องและนักแสดง สื่อจีนเคยถาม เซียวจ้าน ว่า เขาคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงหรือนักร้อง แต่เขารู้สึกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือก ทำไมต้องแยกอาชีพนักร้อง กับ นักแสดงอย่างชัดเจน เป็นทั้งสองเลยไม่ได้เหรอ
เซียวจ้าน นึกย้อนไปถึงไอดอลที่เขาชื่นชอบตอนเด็ก อย่าง เฉิน คุน นักแสดงและนักร้องชายที่มีชื่อเสียงชาวจีน เคยฝากผลงานเพลงชื่อดังอย่าง "Yue Ban Wan" (เยี่ยว์ป้านวาน) และ โจว ซวิ่น นักแสดงและนักร้องหญิงชาวจีน ได้รับการขนานนามให้เป็น สี่นักแสดงหญิงรุ่นเยาว์แห่งจีนแห่งปี 2000 และเคยฝากผลงานเพลงสุดคลาสสิกอย่าง "Kan Hai" (คั่นไห่) เรียกได้ว่าพวกเขาคือไอดอลมากความสามารถ เซียวจ้าน ไม่เห็นด้วยกับความคิดในปัจจุบันว่า นักร้อง คือ นักร้อง และ นักแสดง คือ นักแสดง เขาเชื่อว่า ทุกคนก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้ทำก็พอแล้ว บทบาทไม่ใช่สิ่งสำคัญ
จดจำรายละเอียด เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เซียวจ้าน เผยให้เห็นถึงความพยายามของเขาในการทำในสิ่งที่เขารัก ทุกวันหลังจากจบการถ่ายทำละคร เขามักจะจดสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเรียนรู้ สิ่งที่ได้ทำกับไม่ได้ทำ และสิ่งที่เขาอยากจะทำในครั้งต่อไป จากบันทึกหลายหน้าที่เขาจดด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทำให้เขาสามารถนึกถึงรายละเอียดการแสดงที่ลืมไปได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเลิกทำไปแล้ว แต่เขายังคงติดนิสัยสรุปผลการแสดงที่ทำไว้ไม่ดี หากเขาไม่พอใจกับฉากที่เขาแสดง เขามักจะขอผู้กำกับถ่ายทำใหม่อีกครั้ง โดยหวังเสมอว่าเขาจะสามารถสวมบทบาทและส่งอารมณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
ทางด้านการร้องเพลง ช่วงแรก เซียวจ้าน มีประสบการณ์หวาดกลัวและวิตกกังวลทุกครั้งที่เขาร้องเพลง ครั้งแรกที่เขาร้องเพลงในรายการวาไรตี้ มือของเขาสั่นและขาแข็ง เซียวจ้าน พยายามสังเกตรายละเอียดต่างๆ ของนักร้องอย่าง โจว หัวเจี้ยน, น่าอิง และรุ่นพี่คนอื่นๆ พยายามหาแนวเพลงที่เขาถนัดและวิธีการสื่อสารบนเวทีกับผู้กำกับและนักออกแบบท่าเต้น สุดท้าย เซียวจ้าน ก็พบว่าเสียงของเขาเหมาะกับเพลงเเนวบัลลาดซาบซึ้งและธรรมชาติเรียบง่าย เขาจะมั่นใจมากขึ้นเมื่อร้องเพลงแนวดังกล่าวบนเวที และเขาจะหลีกเลี่ยงเพลงที่ต้องเปล่งเสียงด้วยแรง
นอกจากนี้ เซียวจ้าน เรียนรู้ทักษะการร้องเพลงมากมาย แฟนๆ มักจะเห็นรูป เซียวจ้าน ทำปากจู๋ ทุกครั้งก่อนขึ้นเวที หลายคนคิดว่าเขากำลังขายความน่ารักของตัวเอง แต่จริงๆ แล้ว เขากำลังคลายกล้ามเนื้อส่วนของปากอยู่ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยในการร้องเพลง เซียวจ้าน ยึดหลักในการเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่และร้องอย่างหิวโหย เขาเชื่อว่าการร้องเพลงแบบนี้จะทำให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น
เซียวจ้าน ประสบความสำเร็จด้านการแสดง กลายเป็นดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิงจีนจากซีรีส์เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่กระแสตอบรับถล่มทลายทั้งในและต่างประเทศ และด้านการร้องเพลงจากซิงเกิล "Spotlight" สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการดนตรีของประเทศจีน ทำยอดขายซิงเกิลบนดิจิตอลทะลุ 100 ล้านหยวน ภายใน 93 ชม. 35 นาที และเป็นอัลบั้มดิจิตอลแรกที่มียอดขายเกิน 100 ล้าน มียอดจำหน่ายมากกว่า 30 ล้านแผ่น ขณะที่เพลงถูกปล่อยออกมาเพียงแค่ 19 นาที ทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านแผ่น ทั้งนี้ Guinness World Records ได้บันทึกสถิติเพลง "Spotlight" ของ เซียวจ้าน เป็นซิงเกิลดิจิตอลที่มียอดขายขึ้นไวที่สุดในประเทศจีนด้วย เซียวจ้านประสบความสำเร็จทั้งฐานะนักแสดงและนักร้อง จากความพยายามของเขาที่สร้างสมดุลให้กับบทบาททั้งสอง
Story: Pornnapat W.
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ