อุปกรณ์น่าสนใจของนักฟังเพลง ค.ศ. นี้ โดย โดย อนุสรณ์ สถิรรัตน์

ขณะที่โควิด-19 ยังคงระบาดและทำให้อุตสาหกรรมโลกต้องสะดุด และหยุดในหลายๆ วงการ แต่อุตสาหกรรมเพลงยังคงเดินหน้าไปอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะธุรกิจดาวน์โหลดและสตรีมมิง แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจเพลงยังคงมีฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา เหมือนอย่างเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่จะแนะนำต่อไปนี้ครับ

 

เครื่องเล่นแผ่นเสียงแนวตั้ง

เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบตั้งอย่างในภาพ เพิ่งออกจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่่ผ่าน บริษัท Gloture เปิดจำหน่ายเครื่องเล่นแผ่นเสียง รุ่น "MORE" ผ่านทางเว็บไซต์ของตนเอง มีลำโพงคู่ที่ดีไซน์ให้เข้ากับรุ่น อีกทั้งแยกออกไปวางตามตำแหน่งที่เหมาะสมได้อีกด้วย รวมทั้งรองรับ Bluetooth ราคา 86,900 เยน หรือประมาณ 26,000 บาท มี 2 สีให้เลือกคือ เขียวแก่ กับสีวอลนัต ซึ่งเป็นสีที่เข้ากับรสนิยมของชาวอนาล็อกเป็นอย่างยิ่ง

ปกติจะไม่ค่อยเห็นเครื่องแผ่นเสียงแนวตั้งมากนัก แต่จากการทดสอบหลายต่อหลายครั้ง ปรากฏว่า "มันให้สุ้มเสียงที่สดใหม่ แตกต่างจากที่เคยฟังจากเครื่องเล่นแนวนอน"

โทนอาร์มก็ได้ลิขสิทธิ์พิเศษจาก Jasmine ซึ่งตัวอาร์มทำจากคาร์บอน ไฟเบอร์ น้ำหนักเบามาก ส่วนคาร์ทริดจ์เป็นแบบ AT3600L MM Moving Magnet ภายในเป็นโฟโนแอมป์ MM ต่อกับสาย RCA ได้ เล่นได้ทั้งสปีด 33 1/3 และ 45 rpm รองรับสัญญาณบลูทูธด้วย

ขนาด 680x195x320 มม. หนักประมาณ 7.35 กก.

อยากตั้งข้อสังเกตสักนิดครับ โดยปกติเราเล่นแผ่นเสียงโดยประคองแผ่นวางลงบนจานของเครื่องเล่นในแนวนอน ซึ่งง่ายและสะดวก แต่ทีนี้พอเปลี่ยนเป็นแนวตั้งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องปรับตัวมากน้อยเพียงใด เพื่อนๆ คนไหนซื้อมาเล่นแล้ว หรือเคยมีประสบการณ์ ก็มาแชร์กันเป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ

 

ฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ตต์ผ่านสมาร์ทโฟน

พูดถึงเครื่องเล่นแผ่นเสียงแล้ว แวะมาดูอุปกรณ์ที่ทำให้ฟังเพลงจากเทปคาสเซตต์ผ่านสมาร์ตโฟนบ้าง

เดี๋ยวนี้เป็นยุคที่อุปกรณ์ฟังเพลงพัฒนาไปมากกว่าก่อน การจะฟังเพลงจึงไม่ได้จำกัดว่าต้องฟังจากสมาร์ตโฟนหรือ PC อีกต่อไป แต่เน้นฮาร์ดแวร์ที่ทำให้สามารถฟังเพลงที่ใด เมื่อไหร่ในทันทีเป็นหลัก แต่เมื่อเอ่ยถึงจุดเริ่มต้นที่แท้จริงก็คือ แผ่นเสียง ตามด้วยเทป ซีดี ไปมินิ ดิสก์ และเครื่องเล่นออดิโอแบบดิจิทัลอย่าง iPod ส่วนสมาร์ตโฟนก็เริ่มจาก iPhone เมื่อเวลาเดินหน้า พัฒนาการของอุปกรณ์ฟังเพลงก็ก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง

สมัยที่ผมยังเรียนหนังสือ ต่อเนื่องไปถึงเข้าวัยทำงานใหม่ๆ ซึ่งก็ราวๆ 40 ปีก่อน สิ่งเดียวที่ช่วยได้ก็คือ ซาวนด์อะเบาต์ เพราะทั้งสะดวก เบา พกพาง่าย ตะลุยไปได้ทุกที่ ขอแค่มีถ่าน AA หรือเครื่องชาร์จไฟเท่านั้น ส่วนที่บ้านก็มินิคอมโปที่ฟังได้ทั้งวิทยุ เทป ก่อนจะพัฒนาไปอีกขั้นโดยพ่วงซีดีเพลเยอร์เข้าไปด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ของคนชอบฟังเพลงยุคนั้นก็คือ บันทึกเพลงลงเทปเป็นของตัวเองครับ เรียกว่าทำ Play List กันสนุกสนานเลยละ ส่วนใหญ่จะบันทึกจากรายการวิทยุ ซึ่งรอเพลงที่ชอบจากรายการเพลงที่ฟังประจำ แต่จังหวะต้องแม่น เพราะอาจได้เสียงดีเจหรือเสียงโฆษณาในรายการเป็นของแถม หรือถ้าเล่นเป็นซิสเต็ม การบันทึกเสียงจากแผ่นเสียงลงเทปก็ท้าทายนะครับ ไหนจะต้องปล่อยเข็มให้ลงพอดีกับช่วงก่อนขึ้นเพลงใหม่ ไหนต้องคำนวณความยาวเพลงให้พอดีกับความยาวของเทป ซึ่งส่วนใหญ่เป็น C60 แบ่งเป็นด้านละ 30 นาที

คนรุ่นที่อายุต่ำกว่า 30 ปีนับว่าโชคดีครับ เพราะเกิดในยุคที่โลกเป็นดิจิทัลเกือบเบ็ดเสร็จ มี PC ใช้ อุปกรณ์ฟังเพลงก็หลายหลากขึ้น จนกระทั่งมีอุปกรณ์ที่เปลี่ยนเสียงที่บันทึกลงเทปให้เป็นดิจิทัลได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในเว็บขายของอย่าง Amazon เคยมีอุปกรณ์ที่ว่านี้ขายในราคาราว 2,000 เยน (ประมาณ 600 บาท) รูปร่างของมันคล้ายกับเครื่องเล่นเทปประเภทซาวน์ดอะเบาต์ มีช่องเสียงหูฟัง และยังทำหน้าที่บันทึกเสียงลงเทปได้ด้วย เมื่อเสียบสาย USB เข้ากับ PC มันมีฟังชั่นทำงานเพิ่มขึ้น โดยแปลงเพลงเป็นไฟล์ดิจิทัล

ผมอ่านจากข่าวคราวของญ๊่ปุ่น เห็นยูสเซอร์คนหนึ่งวิจารณ์เกี่ยวกับเครื่องเล่นที่ออกมานานหลายปีแล้วอย่าง 400-MEDI002 ที่ผลิตโดยบริษัท Sanwa Direct เป็นตัวเล่นเทปที่เปลี่ยนเพลงในเทปเป็นไฟล์ MP3 ใน Amezon สนนราคาอยู่ 3,480 เยน (ประมาณ 1,100 บาท) ใน eBay ราคาประมาณ 70 ยูเอสดอลลาร์ หรือสูงกว่านั้น (ประมาณ 2,200 บาท) เรียกว่าราคาห่างกันเท่าตัว และอาจสูงกว่านั้นเพราะเป็นเว็บประมูล รู้สึกว่าน่าสนใจ เลยอยากแนะนำเพื่อนๆ กันครับ

400-MEDI002 มีขนาดเท่าซาวน์ดอะเบาต์ (ตามภาพประกอบ) จึงจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องเล่นเทปแบบพกพา ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน หรือใช้ที่ชาร์จไฟก็ได้ มันจึงเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะอย่างยิ่งกับการนำเทปที่เราเก็บเข้ากรุนอนนิ่งอยู่ในชั้นหรือลังมาปัดฝุ่นใหม่ แล้วแปลงไฟล์เป็น MP3 เพื่อใช้ฟังกับสมาร์ตโฟนของเราเอง แต่อาจมีจุดเล็กๆ ในการทำงานของมันที่คนใจร้อนคงไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะมันใช้เวลาในการแปลงไฟล์นาน พูดง่ายๆ ก็คือ มันแปลงไฟล์จากการเล่นแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่ไฮสปีด ดังนั้นเพลงยาว 5 นาที กว่าจะแปลงไฟล์ได้ ก็ต้องเปิดฟังจนครบ 5 นาทีนั่นแหละครับ

เพลงที่แปลงไฟล์แล้ว เมื่อนำไปฝากไว้ที่ iCloud Music Library โดยใช้ ID เดียวกับ Apple ID นอกจากฟังจาก iPhone แล้ว ยังสามารถฟังจาก iPad ได้อีกด้วย ถ้าคุณมีเทปเก็บไว้มาก ไม่ทราบจะเอามาฟังได้อีกเมื่อไหร่ เครื่องเล่นเทปแบบเก่าก็ไม่มี วิธีนี้ช่วยได้แน่นอนครับ แถมต้นทุนต่ำอีกด้วย