"วี วิโอเลต" กับ "คุณแม่" เผยความสัมพันธ์ใกล้ชิด แม้มีเส้นทางอาชีพต่างกันสุดขั้ว | Sanook Music

"วี วิโอเลต" กับ "คุณแม่" เผยความสัมพันธ์ใกล้ชิด แม้มีเส้นทางอาชีพต่างกันสุดขั้ว

"วี วิโอเลต" กับ "คุณแม่" เผยความสัมพันธ์ใกล้ชิด แม้มีเส้นทางอาชีพต่างกันสุดขั้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนที่รู้จัก วี-วิโอเลต วอเทียร์ จะจดจำภาพเธอในฐานะศิลปินและนักแสดงหญิงที่มีฝีมือการแต่งและร้องเพลงจนมีผลงานต่อเนื่องทั้งอัลบั้มสากล เพลงไทย ไปจนถึงงานแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เธอก้าวขึ้นเวที The Voice Thailand ซีซั่น 2

แต่อีกมุมหนึ่งหลายคนอาจแปลกใจเมื่อทราบว่า วี วิโอเลต เติบโตมากับคุณแม่ รองศาสตราจารย์ ดร.รุจิรา ตาปราบ อาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร แห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้วีได้เติบโตและมีประสบการณ์ชีวิตที่เป็นไปด้วยพลังบวกและหลักดำเนินชีวิตที่มั่นคง

เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติปีนี้ทาง Sanook ได้มีโอกาสพูดคุยกับทั้งวี และคุณแม่ถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ที่อาจทำให้หลายคนประหลาดใจและอมยิ้มไปตามๆ กัน  ของแม่ลูกที่เต็มไปด้วยพลังบวกและความสนิทเปลี่ยนไปตามวัย

คลิกชมสัมภาษณ์ของวี วิโอเลต และ คุณแม่ได้ที่นี่

วีกับคุณแม่สนิทกันขนาดไหน ให้คะแนน 1-10 กันและกัน พร้อมเหตุผล?

คุณแม่รุจิรา : แม่ให้คะแนน 8 เต็ม 10 

วี วิโอเลต : ทำไมแม่ให้ 8 เองอะ หนูเข้าใจว่า 10 มากเลยอะ หนูเข้าใจว่าเราสนิทเต็ม 10

คุณแม่รุจิรา : แต่หนูยังมีบางเรื่องที่คุยกันได้ไม่หมดนะ เพราะฉะนั้นแม่ให้ 8 เต็ม 10 วีให้ 10 เต็ม 10

วี วิโอเลต : ก็ดูว่าคุยได้ทุกเรื่องแล้ว ถ้าเป็นตอนวัยรุ่นคงไม่ให้ 10 เต็ม 10 เพราะมันก็จะมีความลับกับพ่อแม่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความลับ ความลับตอนเด็กก็แอบหนีเที่ยวแอบมีแฟนแล้วแม่ไม่รู้ ก็เป็นฟีลนั้นมากกว่า แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรปิดบังแล้ว 

คุณแม่รุจิรา : งั้นแม่เขยิบขึ้นมา 9 เต็ม 10 ก็ได้ (หัวเราะ) 

วันที่รู้ว่าตัวเองเป็นคุณแม่ รู้สึกอย่างไร มีเหตุการณ์ที่ประทับใจระหว่างตั้งท้องวีบ้างไหม?

คุณแม่รุจิรา : ต้องเล่าก่อนว่าวันที่คุณแม่ตั้งท้องน้องวี มันอยู่ในช่วงที่แม่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกปี 2 ซึ่งไม่ได้วางแผนเลยว่าจะมีน้อง ก็เลยประมาณว่า พอรู้ว่ามีน้องแล้วก็คิดว่าเอะจะทำยังไง มีน้องไปด้วย เรียนไปด้วย สาหัสสากรรจ์มากเลยนะคะ ในขณะที่ท้องก็ไปมหาลัย ไปแล็บ ท้องก็โย้ไปทุกวันๆ เรื่องยาวเลยค่ะตอนท้องวี แต่ก็ดีใจที่มีเขาค่ะ เป็นช่วงชีวิตที่แม่จดจำมากเลยตอนที่มีเขา และเขาก็อยู่กับแม่ที่ญี่ปุ่นถึง 2 ขวบพอดีค่ะ เป็นช่วงชีวิตแม่ที่น่าจดจำจริงๆ 

ตอนแม่ท้องอะคะ อาจารย์ที่ปรึกษาแม่เขาช็อก เขาก็ทำใจไม่ได้ที่แม่จะเรียนไปด้วยและท้องไปด้วย เขาก็เหมือนตัดหางแม่เลยว่าเขาจะไม่ Advice เธอแล้ว แม่ก็ดื้อตาใส แบบฉันก็ยังไปห้องแล็บ ฉันก็ไปทำงานทุกวันๆ จนกระทั่งท้องโตถึงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ แล้วอันนี้ประทับใจมาก Professor ก็บอกว่าหยุดมาห้องแล็บได้แล้ว ฉันกลัวเธอจะท้องแตกที่ห้องแล็บฉัน แม่ก็ไปเข้าคลาส ของทางเขตของญี่ปุ่น คือจะมีรวมกลุ่มคนท้อง และทางเขตจะสอนวิธีการดูลูก การอาบน้ำลูก ไปเข้าคอร์สคะ แม่ก็ไปเข้าคอร์สทุกวันช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งท้องก็ประทับใจมาก คือสวัสดิการของทางญี่ปุ่นเขาดูแลดี พอแม่คลอดวิโอเลตทางเขตก็ยังมาดูว่าเลี้ยงลูกเป็นอย่างไร แล้วค่าคลอดไม่ใช่ถูกๆ คะ ค่าคลอดแพง แต่ว่าทุนที่แม่ไปเรียนปริญญาเอกทุนฮิตาชิเขาจ่ายให้ด้วย มีเรื่องประทับใจหลายอย่างมากค่ะ  

มีวิธีการเลี้ยงน้องวีอย่างไรบ้าง วีมีแววจะมาสายศิลปินนักแสดงตั้งแต่ตอนไหน?

คุณแม่รุจิรา : น่าจะใช่นะคะ พอในฐานะที่เลี้ยงเขา ก็อยู่กัน 3 คนมีคุณแม่คุณพ่อและวี และพ่อเขาจะเปิดการ์ตูนดิสนี่ย์ไว้เรื่อยๆ ร้องเพลงดิสนี่ย์ได้ตั้งแต่พูดยังไม่เป็นคำ แต่ร้องเพลงได้ โน้ตถูกเป๊ะเลย อันนี้พ่อว่าแม่ไม่รู้หรอก แม่ยังร้องเพลงไม่ถูกโน้ต (หัวเราะ) เลี้ยงง่ายมากค่ะ พอดีสภาพที่เราอยู่ตอนที่เขาเด็กๆ มันอยู่กัน 3 คน เพราะฉะนั้นการดูแลเลี้ยงลูกก็จะเป็นคุณพ่อคุณแม่จัดการ ก็สามัคคีไม่ทะเลาะกันเลย สามัคคีกันดีเลี้ยงง่าย 

ตอนเด็กวีเป็นเด็กแบบไหน?

คุณแม่รุจิรา : ตอนเด็กๆ ก็สไตล์เด็กปกตินะคะ เหมือนไม่ทำอะไรให้รำคาญ ต้องกังวล แต่พอเป็นวัยรุ่นก็คุยกันคนละภาษาอยู่ช่วงนึง แต่พอโตขึ้นตอนนี้ก็คุยภาษาเดียวกันแล้ว (หัวเราะ)

วี วิโอเลต : คือหนูเข้าใจเลยว่าถ้าเป็นแม่คน แล้วลูกหนูเป็นแบบหนู หนูคงปวดหัวน่าดู 

คุณแม่รุจิรา : ไม่หรอกๆ 

ความทรงจำที่ชัดเจนมากๆ เกี่ยวกับแม่ตอนเด็กๆ คือเรื่องอะไร เล่าให้ฟังหน่อย?

วี วิโอเลต : หนูว่าแม่หนูเป็นคน Positive มาก มองโลกในแง่บวกมากๆ จนหนูซึมซับสิ่งนี้มา หนูเห็นอะไรก็ว้าวไปหมด หนู Appriciate (ประทับใจ) อะไรเล็กๆ น้อยๆ เยอะมาก เพราะแม่หนูเป็นคนแบบเจอนู่น “โห ว้าว!” เจอปลากระเบนก็ “ว้าว ปลากระเบนตัวใหญ่มาก!” เหมือนหลอกให้หนูว้าวแต่เด็ก หลอกให้หนูชอบแต่เด็ก หนูก็เลยเป็นแบบนั้นมาด้วย อย่างล่าสุดหนูไปทัวร์ที่ภูเก็ต และหนูไปเจอปลาโลมา เสียงหนูแหลมยิ่งกว่าปลาโลมาไปอีก เพราะหนูติดมาจากแม่ แม่หนูเป็นคนแบบว่าว้าวกับอะไรแบบนั้นแบบนี้ Appreciate อะไรเล็กๆ น้อยๆ และอย่างแม่หนูเป็นคน Positive เป็นคนชมตัวเองสมมุติเสื้อผ้าหนูตรงนี้ขาดหรือไซส์ใหญ่ แม่ก็จะเย็บและเก็บให้ เวลาเสร็จแม่ก็จะแบบ “เก่งมากรุจิรา เธอเก่งมาก” ชมเองและเรียกมา “นี่แม่ทำ แม่เก่งมาก” และหนูก็เป็นแบบนั้นเวลาทำเพลง ก็จะแบบ “เพราะมาก เพลงหนูเพราะมาก” ก็สไตล์เดียวกัน ซึมซับมาเยอะ (หัวเราะ)  

ชอบเมนูอาหารอะไรที่คุณแม่ทำมากที่สุด?

วี วิโอเลต : พะแนงค่ะ หนูชอบแม่ทำพะแนง เป็นพะแนงประยุกต์ ไม่ใช่พะแนงแบบแท้จริง แบบแม่ทำสูตรนี้ตอนอยู่ญี่ปุ่น และต้องหาวิธีทำอาหารไทยเอาและประยุกต์ๆ มา ก็เป็นพะแนงฟิวชั่นที่อร่อยดีค่ะ

ชอบผลงานการแสดง และเพลงไหนของวีที่สุด เพราะอะไร?

คุณแม่รุจิรา : ชอบทุกอัน แม่เป็น FC วีตัวยง

วี วิโอเลต : แต่มีเพลงนึงที่แม่ไม่ชอบ เพลง “We Own This World” เพราะแม่บอกมีคำหยาบอยู่ และแม่ไม่ชอบเพราะมีคำหยาบอยู่

คุณแม่รุจิรา : มันมีคำหยาบอยู่ลองฟังดีๆ 

ร้องให้ฟังสั้นๆ ได้ไหม? 

คุณแม่รุจิรา : ร้องเพลงไหนได้บ้างเหรอ? แม่ฮัมไม่ถูกทำนอง เป็นคนร้องเพี้ยน แต่ชอบเพลง “I'd Do It Again” 

รู้สึกอย่างไรในวันที่วีเข้ามาในวงการบันเทิง และมีอาชีพเป็นศิลปินนักแสดง?

คุณแม่รุจิรา : So proud of her! ภูมิใจในเขามาก มันว้าวไม่ได้เพราะเขาค่อยๆ เข้ามา ค่อยๆ เติบโต ในวงการอะคะ ไม่ได้ปึ้ง! แล้วว้าว ได้เห็นการเจริญเติบโต ก็ Proud in what you are doing 

วี วิโอเลต : แต่ว่าพอหนูเริ่มเข้าวงการแม่หนูตัดหางเลย ตอนแรกเรียนมหาลัยอยู่ก็อยู่หอ พอเข้าวงการก็มีงานรับร้องเพลงบ้างเล็กน้อย แม่ก็แบบ “แม่ไม่ให้ตังค์แล้วนะ” แม่ก็หยุดให้ตังค์หนูเลย หนูก็เลยต้องรับงานเพื่อหาเงินมาใช้เอง

คุณแม่รุจิรา : มีรายได้บ้างแม่ก็ไม่ให้สิ แต่แม่จ่ายค่าเทอมให้อยู่นะ แม่จ่ายค่าเทอมให้เพราะแม่ยังเบิกได้ (หัวเราะ)

วี วิโอเลต : แม่ก็ไม่ได้จ่ายอะไรให้เลย ก็ยังมีพ่อที่จ่ายค่าหอให้แต่ไม่ได้ให้เงินเดือนค่ะ เงินเดือนหาเองค่ะ (หัวเราะ)  

วีได้คำสอนอะไรจากคุณแม่ ระหว่างที่ทำงานในวงการบันเทิงบ้างไหม?

วี วิโอเลต : ได้เยอะมากค่ะ ได้เรื่อยๆ ด้วย ได้เป็นเรื่องๆ ไป อย่างเรื่องแบบนี้ก็จะพูดแบบนี้ๆ บางเรื่องเขาก็ไม่รู้ว่าประโยคเขามันช่างกระแทกจิตใจเราเหลือเกิน อย่างหนูนึกถึงเรื่องนึงชัดๆ ที่แม่พูดว่า “อย่าให้ใครมาสั่นขาเรา เรายืนอยู่ตรงไหนเราอยู่ตรงนั้นและต้องมั่นใจกับความคิดของเรา ถ้าเกิดเราไม่มั่นใจ ใครมาสั่นขาเราเราก็โอนเอนไปมา ไม่ว่าเขาจะอยู่ฝั่งไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นถึงจะยืนคนละฝั่ง หรือฝั่งเดียวกัน เธอต้องยืนให้มั่น จุดยืนเธอต้องแข็งแรง อย่างนั้นอะคะ” แม่เขาก็พูดไว้อย่างนั้นเลย 

มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตแล้วหันไปเล่า ขอคำปรึกษาจากแม่บ้างไหม คือเรื่องอะไร และแม่ให้คำปรึกษามาว่าอย่างไร?

วี วิโอเลต : น่าจะเป็นเหมือนความกังวลใจมากกว่า ยังไม่เคยเจออะไรที่ยากลำบากและผ่านมาได้ ก็มีตอนผ่าตัดแต่ก็ไม่ถือว่ายากลำบาก ก็คือมีผ่าตัดใหญ่ ตอนนั้นหนูอายุ 14 หนูผ่าตัดกระดูกสันหลัง แล้วก็ผ่าตัด 7-8 ชั่วโมง ก็เลือดเกือบหมดตัว ต้องใช้เลือดหลายถุงเพราะหนูเป็นกระดูกสันหลังคด เขาก็เอาเหล็กมาขันให้หลังตรง แต่ตอนที่ผ่าตัดก็เป็นการตัดสินใจของหนูด้วยว่าหนูจะผ่า เพราะเหมือนพ่อกับแม่เขาก็ซัพพอร์ทหนู แต่เขาก็ซัพพอร์ทหนู แต่เขาแล้วแต่ว่าหนูจะผ่าหรือไม่ผ่า แต่หนูตัดสินใจผ่า 

วันนี้ทั้งสองประทับใจและภูมิใจอะไรในตัวของกันและกันมากที่สุด?

คุณแม่รุจิรา : แม่รักเขามากอะ จนกระทั่งแม่พูดกับเขาว่า “หนูไม่รู้หรอกว่าความรักที่แม่มีต่อลูกมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไว้ให้หนูมีลูกของตัวเองก่อน และหนูจะรู้ว่าแม่รักหนูขนาดไหน” มันบรรยายไม่ถูกอะความรักลูก 

 วี วิโอเลต : หนูก็รักแม่มากเหมือนกัน หนูก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน จนบอกไม่ถูก มันยิ่งใหญ่มากเหมือนกัน ก็ภูมิใจค่ะ ตอนเด็กๆ ก็รู้สึกว่าแบบ “แม่ฉันอะไรไม่คูลเลย” แต่พอโตขึ้นมาก็รู้สึกว่าแม่หนูคูลมากๆ เป็นคนที่ Open Mind มากๆ อย่างที่บอกว่าถ้าหนูมีลูกแบบหนูคงปวดหัว ก็เลยรู้สึกขอบคุณที่ทำให้หนูเป็นคนแบบนี้

อยากฝากอะไรถึงคุณแม่ในยุคปัจจุบัน ทั้งคนที่มีลูกเล็กๆ จนถึงวัยรุ่น?

คุณแม่รุจิรา : ก็ให้ทำหน้าที่คุณแม่เต็มที่อะคะ เวลาที่เราทำอะไรด้วยความรัก เราจะทำมันอย่างเต็มที่ มันจะไม่รู้สึกลำบาก ลำเค็ญใจในการเลี้ยงลูกเลยคะ เพราะถ้าเราทำแล้วและรู้สึกว่าเป็นความรัก มันจะหล่อเลี้ยงลูกเราเป็นต้นไม้ที่เติบโตแข็งแรงเลยค่ะประมาณนั้น 

 วี วิโอเลต : แม่หนูชอบพูดกับหนูว่า โยนข้าวโยนน้ำให้หนูมันก็โตเว้ยเฮ้ย คือเหมือนแม่ไม่ได้คอยประเคนนู่นนี่ให้ แต่หลักๆ เลี้ยงด้วยความรัก

 คุณแม่รุจิรา : แม่เลี้ยงลูกตามอัตภาพ ตามสถานภาพความเป็นอยู่เลย บางวันยังกินข้าวกับไข่ต้มอยู่เลย แม่ทำกับข้าวไม่เป็น “แม่ก็บอกกินข้าวกับไข่ต้ม” (หัวเราะ)  

วันแม่ในความรู้สึกของวีและคุณแม่เป็นอย่างไร?

วี วิโอเลต : หนูรู้สึกว่ามันไม่ได้อะไรขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของหนูมันไม่ได้แบบมาฟิกอยู่แค่วันเดียวขนาดนั้นอะคะ ก็แค่อยู่เฉยๆ แต่อาจจะมีแบบเป็นพิธีแบบ “อ๊ะๆๆ ทำการ์ดให้หน่อย” หรือ “อ๊ะๆๆ Happy วันแม่นะ” แต่ยังไม่ถึงขั้นทำอะไรยิ่งใหญ่ แบบปกติถ้าไม่มีโควิดก็อาจจะนัดทานข้าวกันหน่อย อะไรอย่างนี้ พอเป็นข้ออ้างที่จะเป็น Festive ด้วยกันแต่จริงๆ แล้ววีรู้สึกว่า มันไม่ได้อยู่แค่วันๆ เดียวอยู่แล้ว

คุณแม่รุจิรา : เธอไม่เคยเอาพวงมาลัยมาไหว้ฉันเลย (หัวเราะ) 

วี วิโอเลต : หนูรู้สึกว่ามัน So Traditional (ตามธรรมเนียม) ถ้าแม่อยากได้หนูซื้อให้ก็ได้ แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่มี Point ขนาดนั้น หลักๆ หนูรู้สึกแค่ว่าเป็น Traditional เป็นข้ออ้างที่เราได้ Spend Time (ใช้เวลาด้วยกัน) หนูก็เลยคิดว่า กินข้าว That is enough (พอแล้ว) สำหรับหนูไม่ได้มองโน่นนี่ ก็เอาแค่ของขวัญวันเกิดกับคริสมาสต์ก็ได้แล้ว

คุณแม่รุจิรา : ของขวัญได้เยอะแล้ว หลายโอกาสเหลือเกิน แต่แม่ว่ามันก็ดีอย่างนึงมันทำให้เราๆ หลายคนไม่ลืมแม่ ให้ลูกนึกถึงแม่ วันแม่ก็ระลึกถึงคุณแม่ค่ะ

ในวันแม่ปีนี้มีอะไรอยากบอกกันและกันไหม?

คุณแม่รุจิรา : ในวันแม่ปีนี้ขอให้สุขภาพแข็งแรง อีก 10 ปีแม่ก็ 70 กว่าแล้ว จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงค่ะ

วี วิโอเลต : เหมือนกันขอให้สุขภาพแข็งแรง ตอนนี้ยายยังอยู่ แม่ก็ต้องอยู่จนลูกหนูอายุเท่าหนูในตอนนี้นะ   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook