เงินเก็บจะหมดแล้ว "ปอยฝ้าย" กลุ้มใจ ล้มละลายก็ต้องยอม

ปอยฝ้าย มาลัยพร นักร้องลูกทุ่งหมอลำคนดัง เปิดเผยกับ Sanook.com บอกเล่าชีวิตช่วงเวลานี้ดำเนินไปอย่างยากลำบากสาหัสสากรรจ์ หลังจากตกงานมากกว่า 2 ปี สืบเนื่องจากงานร้องเพลง งานละคร ซึ่งเป็นช่องทางสร้างรายได้หลัก ถูกยกเลิก และเลื่อนออกไปอยากไม่มีกำหนด ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ไม่ได้ร้องเพลงมาเกือบ 2 ปี แย่ๆ ครับ" ปอยฝ้ายบ่น

นับตั้งแต่ขาดรายได้หลักไป แม้มีรายได้สำรองจากการทำช่องการทำยูทูบ แต่ก็เป็นรายได้เพียงเล็กน้อย ไม่เพียงพอนำไปชำระค่าบ้าน ค่ารถ ซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ทำให้ต้องชักเงินเก็บที่สะสมไว้ออกมาใช้จ่ายต่อเนื่อง มาถึงตอนนี้มีใช้อีกแค่ 1-2 เดือนก็หมดแล้ว

"อีกเดือนสองเดือนไม่รอดแน่ ทั้งค่ารถ ค่าบ้าน ตอนนี้เหลือเงินเก็บไม่ถึงแสน ทำงานไม่ได้เลย หารายได้ไม่ได้เลยจะไปเอาเงินที่ไหนมาเติม หายใจแต่ละวันกังวลไปหมด พยายามคิดว่ายังมีอีกหลายชีวิตนะที่ลำบากกว่าเรา แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าถึงวันที่เข้าตาจนจริงๆ เราจะเอาอะไรกิน"

เจ้าของเสียงร้องเพลงมันต้องถอน บอกต่อว่า ที่ผ่านมาพยายามปรับตัวด้วยการสตรีมไลฟ์แล้ว แต่ไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับนักร้องรุ่นใหม่ที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก

"นักร้องเนี่ยไม่ใช่ว่าจะมีคนกรี๊ดตลอด เด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาไม่รู้จักปอยฝ้ายเลย อาจจะมีบ้างที่พ่อแม่พาชมในยูทูบ แฟนคลับที่ติดตาผมช่วงที่เพลงตลกอกหักได้รับความนิยม ตอนนี้ก็น่าจะอายุ 27-30 ปีแล้ว เพลงเราตั้งใจอัดไปเถอะอัดแล้วก็เอาลงยูทูบ ได้พันกว่าวิว สองพันวิว ต่างกันกับนักร้องรุ่นใหม่ แค่นั่งกินข้าวเฉยๆ เอามาลงเป็นแสนเป็นล้านวิว นี่คือสิ่งที่เจอด้วยตนเอง รู้อยู่ว่าต้องหาอาชีพอื่นทำ แต่มันก็ไม่ง่าย มีหัวคิดไม่พอยังไงมันก็ต้องมีเงินมีต้นทุน"

ไวรัสแพร่ระบาดไร้วี่แววจะคลี่คลายในเร็ววัน เริ่มพยายามทำใจบ้างแล้ว "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" หากในอนาคตจะถูกเจ้าหนี้ฟ้องดำเนินคดี จนทำให้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย ตราบใดที่ยังไม่สามารถออกไปร้องเพลงได้ตามปกติ จำเป็นต้องกันเงินที่เหลืออยู่เอาไว้ หากับข้าวกับปลามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก

"เรื่องหนี้สินถ้าถึงจุดที่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลก็ต้องยอมรับสภาพแล้วครับ ที่ผ่านมามีโครงการพักชำระหนี้ ได้แค่ช่วยบรรเทา สุดท้ายก็ต้องหามาจ่ายให้ได้อยู่ดี แล้วไม่ได้ทำงานจะเอาที่ไหนมาจ่าย ที่ผ่านมาก็กินอยู่แบบประหยัดอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องประหยัดแบบสุดๆ บางวันก็ออกไปทอดแห ใส่เบ็ด หาปลา ตามคูคลองแถวบ้าน เป็นการหากับข้าว และช่วยให้รู้สึกรีแลกซ์ไปในตัว ตอนนี้ที่บ้านก็ปลูกพืชผักสวนครัวไว้เต็มเลย"

"มีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี ประกาศขายก็ขายไม่ได้ เดือนร้อนกันหมดทุกคน จะมีใครกล้าเอาเงินก้อนใหญ่ออกมาใช้จ่าย ที่เห็นๆ ก็มีแต่ลูกหนี้เหมือนกันหมด จะสตรีมไลฟ์ร้องเพลงแลกมาลัยออนไลน์ก็รู้สึกเกรงใจแฟนคลับ ถามว่าเงินอยากได้ไหม ใจหนึ่งก็อยากได้ ใจหนึ่งก็สงสาร แต่นาทีนี้ทุกคนเดือดร้อน เคยสตรีมไลฟ์แล้ว คิดดูมีบางคนนอนอยู่กลางทุ่งนาโอนมาลัยออนไลน์มาให้ ผมว่าแบบนี้มันก็ไม่ใช่"

เป็นนักร้องมีชื่อเสียงมานาน แต่ทำไมมีสายป่านประคองชีวิตในสถานการณ์คับขันสั้นเหลือเกิน ปอยฝ้าย เชื่อว่า มีหลายคนคิดแบบนี้ แต่อยากให้ทำความเข้าใจใหม่ ศิลปินแต่ละคน แต่ละยุค ได้ผลตอบแทนที่ต่างกัน นักร้องที่มีชื่อเสียงมิได้มีรายได้มากเสมอไป ระหว่างทางก็มีภาระต้องใช้จ่ายเหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่ว่าได้มาแล้วออมไว้ทั้งหมดได้

"ทำไมช่วงที่มีชื่อเสียงเก็บไม่กำ ศิลปินแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยุคผมก็ไม่มีเหมือนยุคที่ยูทูบทำรายได้ ของผมมันระบบมีค่าย ระบบสมัยก่อน ระบบแผ่นเสียง ยุคยูทูบดัง 1-2 เพลง จากไม่มีบ้าน แป๊บเดียวมีบ้านมีรถ ที่เขาเรียกกันว่าเพลงเดียวเปลี่ยนชีวิต"

"แต่ละระบบยุคผมมันผ่านค่าย ผ่านอะไรหลายๆ อย่าง แล้วแต่ข้อตกลงระหว่างนักร้องกับค่ายอีก จะต้องลงรับผลตอบแทนกันแบบไหน มันไม่ใช่ว่ามีชื่อเสียงแล้วจะมีเงินกันทุกคน อีกอย่างนักร้องก็เหมือนคนปกติ ระหว่างที่ทำงานมีรายได้เข้ามา ก็เอามาผ่อนบ้านผ่อนรถ ระหว่างทางมีการสร้างเนื้อสร้างตัวไปด้วย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย"

ในการพูดคุยครั้งนี้ ปอยฝ้าย ทิ้งทายด้วยการแสดงความเห็นที่มีต่อบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื่อว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาเต็มที่ แต่ทำได้เท่านี้ เท่าที่เห็นๆ กันอยู่