เล่าอดีตทั้งน้ำตา พร จันทพร จาก "ปูหนีบอิปิ" ถึง "รักควรมีสองคน" แรงจัดแรงจริง
สายลูกทุ่งฉายแสงแรงจริง ชั่วโมงนี้ต้องยกให้ พร จันทพร นักร้องสาวชาววสกลนครจาก "ปูหนีบอิปิ" สู่ "นะจ๊ะพ่อมึ_สิ" เพลงฮิตติดเทรนด์ มีท่อนฮุคติดหูหนึบ สื่อถึงคนรักไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฟีทเจอริงกับ จุ๊บแจง เจนจิรา พีคสุดๆ กับเพลง "รักควรมีสองคน" นำทีมเมียโชว์ลูกคอเฉือดเฉือนอารมณ์กับ เนย ภัสวรรณ (ทีมชู้) ยอดวิวทะลุ 13 ล้าน หลังจากปล่อยออกมาไม่ถึงสัปดาห์ การันตีความแรงจัด จนโซเชียลแตก คนบันเทิงแห่คัฟเวอร์กันถ้วนหน้า แถมยังแบ่งทีมเมียทีมชู้ฟาดฟันกันสุดฤทธิ์สุดเดช
คลิกชมสัมภาษณ์ได้ที่นี่
- ทีมทำซิงเกิล "รักควรมีสองคน" ชี้แจง! หลังมีคนโยงว่าปล่อยเพลงรับข่าวดราม่า
- นุช วิลาวัลย์-ธัญญ่า ทำยอดวิวถล่มทลาย! คัฟเวอร์เพลงไวรัล "รักควรมีสองคน"
- "รักควรมีสองคน" มาแรง! พร จันทพร-เนย ภัสวรรณ พาเพลงใหม่ทำสถิติ 9 วัน 13 ล้านวิว
ในวัย 22 ปี พร จันทพร เปิดใจกับ Sanook.com รู้สึกปลื้มมากที่ผลงานได้รับความนิยมถล่มทลาย ขอยกเครดิตให้กับอาจารย์ นิค สเลอปี้ เจ้าของค่ายพอดีม่วน ซึ่งเป็นผู้ลงมือแต่งเพลง "นะจ๊ะพ่อมึ_สิ" และรักควรมีสองคน ให้ขับร้องร่วมกับ จุ๊บแจง เจนจิรา และเนย ภัสวรรณ
อีกคนที่มีส่วนสำคัญ คือ เปิ้ล นาแก นักปั้น โบรคเกอร์จัดหางานศิลปิน ชาวนครพนม ที่ให้ความเคารพเหมือนพ่อแท้ๆ เป็นผู้จุดประกายความฝัน ผลักดันจนมาถึงวันนี้ วันที่กล้าบอกใครต่อใครว่า "เป็นนักร้อง" ได้เต็มปาก
"เมื่อก่อนรู้สึกเขินที่จะบอกใครต่อใครว่าเป็นนักร้อง คิดว่าตัวเองเป็นแค่คนรับจ้างร้องเพลง" พร ย้อนความคิด
เส้นทางนักร้องลูกทุ่ง ร้อยทั้งร้อยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พรเองก็เช่นกัน กว่าจะได้ชื่นชมความสวยงาม ล้มลุกคลุกคลาน ผ่านด่านทดสอบสุดหินมากมาย
"เมื่อก่อนเคยลำบากสุดๆ นึกทีไรร้องไห้ทุกที"
ก่อนโควิด-19 ระบาดรุนแรง พรเคยเปิดใจทั้งน้ำตา เธอโตมาด้วยลำแข้งของตัวเอง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังไม่รู้เดียงสา มีชีวิตอยู่อย่างทุลักทุเลเงินจะกินข้าวยังไม่มี ต้องออกไปทำงานแลกเงินซื้อข้าวซื้อน้ำ ตั้งแต่ยังใส่คอซอง
พรไปเป็นแดนเซอร์ ไปร้องเพลง เลิกงาน ตี 2 ตี 3 บิดมอเตอร์ไซค์ ข้ามตำบล ข้ามอำเภอ ผจญภัยบนถนนเปล่าเปลี่ยวตามลำพังหลายสิบกิโลฯ กว่าจะถึงบ้าน แตกต่างจากเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้กินอิ่มนอนอุ่นในอ้อมกอดพ่อแม่ตั้งแต่หัวค่ำ
"พ่อแม่หย้าร้างกัน มีหนี้มีสินแยกย้ายกันไปทำงานกรุงเทพฯ ในชีวิตตอนนั้นไม่มีเงินติดตัวสักบาท ต้องสู้อยู่คนเดียวพ่อแม่ไม่มีให้ เมื่อก่อนไปงานเต้นหนูจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง กลับมาถึงบ้านตี 4 ตื่น 6 โมงอาบน้ำไปโรงเรียน เรียนได้ครึ่งวันก็ขอครูออกไปทำงาน เพราะว่ากว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปถึงที่เขาจัดงานใช้เวลาหลายชั่วโมง"
พรย้อนอดีตต่อ ตอน ม.3 เคยทำงานก่อสร้าง มัดลวด ผสมปูน ได้เงิน 5,000 บาท นำมาใช้หนี้ให้แม่ และใช้เป็นค่าเล่าเรียน อีกทั้งยังเคยทำงานที่โรงงานเกี่ยวกับชิ้นส่วนอุปกรณ์แอร์ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินเดือนก้อนแรก 2,700 บาท ตัดสินใจลาออกมาสานต่อกับการเป็นนักร้อง หลังจากเพลง "ปูหนีบอิปิ" ที่ปล่อยออกมาในปี พ.ศ.2562 กระแสตอบรับเริ่มมา
"หนูคิดว่าการที่มาทำงานด้านนี้ หนูว่ามันจะต้องมีรายได้มากขึ้น สามารถบริหารจัดการชีวิตตัวเอง และพ่อกับแม่ได้ดีขึ้นด้วย เพราะหนูต้องดูแลทั้งสองฝ่าย ดูแลยายด้วย"
"ที่สำคัญเป็นชอบทางนี้อยู่แล้ว ก็ให้พ่อเปิ้ลนี่แหละค่ะสอนทุกอย่าง สอนในเรื่องการร้องเพลงว่าทำตัวแบบนี้ ควรร้องแบบไหนควรแสดงแบบไหน คนถึงจะจ้างงานต่อ"
"ทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้นมาก คิดถึงอดีตคิดไปร้องไห้ไป เราลำบากขนาดนั้นเลยหรอ ทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้น ดูแลพ่อแม่ได้ด้วย ช่วงที่ยังไม่มีโควิด มีรายได้จากการร้องเพลงเดือนละ 50,000-100,000 บาท"
ชั่วโมงนี้มีแฟนเพลงตอบรับผลงานท่วมท้น ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ถามว่าแบบนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จหรือยัง พร ตอบกลับแบบถ่อมตัวว่า "เรียกว่าเริ่มมีกระแสดีกว่า"
พรอธิบายเพิ่มเติม ที่บอกแบบนี้ เพราะคิดว่า ส่วนตัวโชคดีมากกว่าที่มีเพลงดัง ทำให้คนให้ความสนใจมายังตัวนักร้อง แต่กับการเป็นนักร้องต้องพัฒนาตัวเองอีกหลายจุด เพื่อให้มีคุณภาพ และความสามารถมากพอที่จะแบกรับโอกาสได้ง่ายขึ้นก่อนจึงจะกล้าบอกว่า "ประสบความสำเร็จ"
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ