SAMMii กลับมาพร้อม "Plaster" บทเพลงรักสามเศร้าของคนปกปิดบาดแผลในใจ
“No baby no more plaster ไม่มีพลาสเตอร์ให้เธออีกแล้ว” หนึ่งท่อนร้องในเพลงใหม่อย่าง “Plaster” ผ่านปลายปากกาของศิลปิน GEN Z เสียงร้องเอกลักษณ์ที่น่าจับตามองอีกคนในวงการเพลง เธอคือ SAMMii หรือ ภัคธีมา ชิลเลอร์ ลูกสาวคนโตของนักแสดงรุ่นใหญ่มากความสามารถอย่าง “เกริก ชิลเลอร์” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมากมายในชีวิตของเธอ
ย้อนกลับไปช่วงปลายเมษายน 2564 ชื่อของ SAMMii เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นผ่านหน้าสื่อฯ เมื่อเธอเข้ามาเดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัวในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) เปิดตัวซิงเกิลแรกได้อย่างน่าจดจำกับเพลง “ทานตะวัน” แนวเพลงสไตล์อินดี้ ผสมกลิ่นไอ Bedroom Pop แม้อ่านชื่อเพลงอาจจะดูเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายที่น่าค้นหา พูดถึงอารมณ์ของคนแอบรักแต่ความรักกลับไม่สมหวังอย่างที่ตั้งใจ เป็นผลงานเพลงชิ้นแรกที่เธอใส่ความละเมียดละไมผ่านทุกตัวอักษรของบทเพลง
ถัดมาอีก 2 เดือน SAMMii ปล่อยซิงเกิลที่สองต่อเนื่องทันที เพลงนี้เธอนิยามให้ชื่อว่า “ปราสาทวังวน” ให้ความรู้สึกนึกคิดวนลูปไปมาไม่จบไม่สิ้น SAMMii ยังบอกอีกว่า “เธอเป็นคนคิดมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิมพอแต่งเพลงนี้เลยรู้สึกว่าความคิดก็เหมือนการเดินวนไป วนมา อยู่ในปราสาท หาทางออกไม่ได้” ฝีไม้ลายมือการแต่งเนื้อร้อง และท่วงทำนอง ของ SAMMii พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในซิงเกิลสไตล์ป็อปร็อคกลิ่นไอ 90 อย่าง “Plaster” เพลงที่เข้าใจได้ง่ายตั้งแต่ชื่อเพลง เพราะมันคือสัญลักษณ์ของ “พลาสเตอร์” รักษาแผลนั่นเอง
“แซม เปรียบตัวเองเป็นเสมือนพลาสเตอร์ ที่คอยรักษาแผลให้คน ๆ หนึ่ง ในวันที่เขาถูกทำร้ายจิตใจมา แต่เรารักษาแผลให้เขาไปเท่าไหร่ สุดท้ายเขาก็เลือกคนที่ทำให้เขาได้รับบาดแผลนี้อยู่ดี แซมใส่ท่อนร้องท่อนหนึ่งไว้ว่า ‘No baby no more plaster’ แฝงนัยยะว่าเราจะไม่เป็น Plaster ให้คุณอีกต่อไปแล้วนะ คุณรักษาตัวเองได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีเราแล้วหละ” ความพิเศษที่ให้อารมณ์เพลงยุคเก่าใน “Plaster” ยังได้ แทน Lipta หรือ ธารณ ลิปตพัลลภ คนดนตรีมากความสามารถอีกหนึ่งคน มานั่งแท่นคุมงานโปรดิวซ์เพลงนี้ให้ “SAMMii” ด้วยตัวเอง
อีกทั้งยังมีเนื้อหาใน MV ที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะไลน์การเล่าเรื่องราวถูกหยิบยกถึงมุมมองรักสามเศร้า สถานะคลุมเครือ ไร้ความชัดเจน ซึ่ง SAMMii ได้ทิ้งท้ายเกี่ยวกับผลงานนี้ว่า “คอนเซ็ปต์ MV เล่าเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของคนสามคน โดยตัวเอกทำหน้าที่เป็น ‘พลาสเตอร์’ คอยเยียวยารักษาบาดแผลของเพื่อนที่มักเกิดจากคนรัก แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่าต่อให้ตัวเองเป็น ‘พลาสเตอร์’ รักษาแผลให้ดีแค่ไหน แต่เมื่อแผลหายดี เพื่อนก็ยังเลือกคนรักของเธออยู่ดี”