บทสรุปของ PRODUCE 999 เอ๊ย! GIRLS PLANET 999 โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
จบลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับรายการเซอร์ไววัล GIRLS PLANET 999 ของช่อง Mnet ที่ได้ผู้ชนะ 9 รายกลายเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อ Kep1er (งงชื่อวงล่ะสิ ไม่ต้องแปลกใจ งงกันทั้งโลกจ้ะ อ่านว่า ‘เคป-เลอร์’ นะ) ที่จั่วหัวบทความว่า PRODUCE 999 เหมือนจะหยอกเล่น แต่ก็แอบจริงอยู่ ใครได้ดูคงเห็นว่ามันช่างเหมือนรายการตระกูลโปรดิวซ์เสียเหลือเกิน ตั้งแต่โจทย์การแข่งแต่ละรอบ รูปแบบเวที ไปจนถึงมุกเรียกน้ำตาเดิมๆ ประเภทวิดีโอจากพ่อแม่ผู้แข่งขัน เรียกได้ว่า GIRLS PLANET มันคือ PRODUCE ที่เปลี่ยนธีมจากสีชมพูเป็นสีม่วง เปลี่ยนตัวเลข 101 เป็น 999 นั่นแหละ
สิ่งที่ต่างจากรายการโปรดิวซ์คือ GIRLS PLANET 999 จะมีผู้แข่งขันจาก 3 ชาติ เกาหลี, จีน, ญี่ปุ่น แบ่งเป็นกรุ๊ป K, C, J ตามลำดับ (แต่กรุ๊ป C นี่จะมัดรวมหมดทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ป้องกันดราม่า) แล้วก็มีระบบที่เรียกว่า ‘เซลล์’ (Cell) โดยในหนึ่งเซลล์จะต้องมีเด็กจากกลุ่ม K, C และ J อย่างละ 1 คน ถ้าคะแนนน้อย ต้องตกรอบทั้งเซลล์ กลับบ้านไปเลย 3 คน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเด็กฝึกบางคนที่มีสามารถต้องตกรอบไปเพราะเซลล์ที่ตัวเองอยู่ได้โหวตน้อย แถมช่วงครึ่งหลัง รายการก็ยกเลิกระบบเซลล์ซะงั้น เล่นเอาคนดูงงไปเลยจ้า
เรื่องวิธีโหวตก็ชวนถกเถียงพอสมควร เกือบตลอดรายการคนดูจะต้องโหวตเด็กฝึกจากทั้ง 3 กรุ๊ป K C J ดังนั้นเด็กฝึกที่ติดท็อป 9 หรือเก้าอันดับแรกเลยมีทั้งสามสัญชาติ แต่พอช่วงท้ายจะเป็น one pick หรือโหวตได้คนเดียว กลายเป็นว่าท็อป 9 มีแต่เด็กเกาหลี เพราะรายการให้สัดส่วนคะแนนมาจากคนดูเกาหลี 50% คนดูต่างชาติ 50% ซึ่งเดาว่าผู้ชมเกาหลีก็ต้องเน้นโหวตเด็กกลุ่ม K สุดท้ายแล้วหกอันดับแรกของวง Kep1er เลยเป็นเด็กเกาหลีล้วน มีเด็กญี่ปุ่น 2 คน จีน 1 คนห้อยท้าย จนคนอดแซะไมได้ว่านี่มันเรียกว่า global group ตรงไหนค้า
ดราม่ายังไม่จบเท่านั้น เรื่องที่คนไม่พอใจกันมากที่สุดน่าจะเป็นความรู้สึกว่าเด็กฝึกจีนโดนแกงมาออกรายการ ด้วยความว่าผู้แข่งชาวจีนจะค่อนข้างมั่นใจ พูดจาตรงไปตรงมา (ตรงข้ามกับเด็กญี่ปุ่นที่จะเงียบๆ ติ๋มๆ) ทำให้ผู้แข่งจีนได้รับซีนผีซีนแย่ไปเต็มๆ ทั้งเป็นลีดเดอร์บ้าอำนาจ, เซลฟ์จัดจนน่าหมั่นไส้, งอแงตอนซ้อม ฯลฯ แต่เวลาดูคลิปเบื้องหลังในยูทูบ พวกเด็ก K C J ก็รักกันดี เรียกได้ว่าเป็น ‘ความเอ็มเน็ต’ แบบที่เราคุ้นเคย อะไรดีๆ นี่ไม่ค่อยจะใส่มาในรายการหรอก มีแต่ซีนดราม่าที่ทำให้เรารู้สึกลบกับผู้แข่งขัน (ฉันดูรายการเธอมาหลายปี ฉันรู้ทัน!)
ถ้าว่าด้วยผลไฟนอล GIRLS PLANET 999 ก็มีเรื่องน่าช็อคพอสมควร อย่างแรกเลยคือการที่ คาวากุจิ ยูรินะ เด็กฝึกญี่ปุ่นไม่ติดเก้าคนสุดท้าย ทั้งที่เธอเคยขึ้นถึงอันดับหนึ่งมาแล้ว ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะนอกจากจะคาแรกเตอร์น่ารักแล้ว ทักษะความสามารถเธอก็อยู่ในเกณฑ์ดี (ผู้เขียนเชียร์ยูรินะ) แถมยังน่าขนลุกว่าสุดท้ายเธอได้อันดับ 14 ตำแหน่งอาถรรพ์เดียวกับ จงฮยอน, กาอึน, จินฮยอก ในโปรดิวซ์ซีซั่นก่อนๆ เหล่านี้ล้วนเป็นคนที่คนดูคิดว่าต้องติดไฟนอลไลน์อัพแน่ ทว่าดันหลุดไปอย่างน่าฉงน (แต่ต้องไม่ลืมว่า อันดับ 14 ของกาอึนกับจินฮยอก เป็นการ ‘เมค’ จากทีมงาน ศาลได้เปิดเผยภายหลังว่าที่จริงทั้งคู่ต้องได้เดบิวต์)
อีกประเด็นคือการที่ ฮยูหนิงบาฮี ได้อันดับสอง ทั้งที่เธอไม่เคยติด 9 อันดับแรกมาก่อนเลย ซึ่งผู้เขียนคาดการณ์อยู่แล้วว่าเธอน่าจะได้เดบิวต์ เพราะแฟนแคมของเธอมียอดวิวสูงกว่าคนอื่นมาตลอด แต่หลายคนกังขาในความสามารถของเธอ ผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าทักษะของเธอไม่ได้โดดเด่นนัก ซึ่งของแบบนี้มันพัฒนากันได้ ที่น่าเป็นห่วงคือกระแสในโลกโซเชียลต่อตัวบาฮีที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการวิจารณ์ แต่ล้ำเส้นไปเป็นความเกลียดชังแทน บอกตรงๆ ว่าผู้เขียนรู้สึกเห็นใจน้องเขาเลยทีเดียว
ทั้งนี้ผู้เขียนมองว่าคนดูมีสิทธิ์จะถูกใจหรือไม่ชอบใจกับไลน์อัพสุดท้ายได้ แต่อย่าไปอินอะไรจนเกินเหตุ ประสบการณ์ตรงจากตอนวง IZ*ONE ที่ช่วงแรกผู้เขียนเองไม่ชอบเมมเบอร์บางคนอย่างมาก แต่พอติดตามไปเรื่อยๆ ก็ทึ่งในพัฒนาการของเขา จนสุดท้ายกลายเป็นแฟนคลับไปเลย แม้รายการ GIRLS PLANET 999 จะมีสโลแกนเฉิ่มๆ ให้เราช่วยปกป้องความฝันของเหล่าเด็กสาว ถ้าไม่ชอบใคร เราอาจไม่ต้องช่วยให้ฝันของพวกเธอเป็นจริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปมอบฝันร้ายให้พวกเธอนะ
โอเค เดี๋ยวจะมีแต่เรื่องดราม่าชวนปวดหัว ผู้เขียนขอปิดท้ายด้วย 3 โชว์ประทับใจที่สุดของ GIRLS PLANET 999 แล้วกันจ้า
Fate
เพลงประกอบหนังดัง The King and the Clown (2005) ที่ฟังทีไรก็อยากจะร้องไห้ แต่แทนที่จะเอามาประกวดโวคอล รายการกลับให้เป็นการแดนซ์แทน ซึ่งผู้แข่งขันทีมนี้ตีโจทย์ออกมาเป็นการเต้นร่วมสมัยที่สวยงาม มีระดับ และดูขลังเอามากๆ โดยเฉพาะการแสดงทางสีหน้าของ คังเยซอ (ซึ่งน่าดีใจว่าน้องเขาติดทีมเดบิวต์ด้วย)
Snake
แม้ว่าจะไม่ใช่การแสดงที่สมบูรณ์แบบ ด้านการร้องยังมีข้อบกพร่อง แต่เพลงนี้ก็เต้นแรงเหลือเกิน จะร้องให้เพอร์เฟกต์เป็นไปได้ยาก แต่สิ่งที่ทุกคนน่าจะเห็นตรงกันคือมันเป็นเพลงที่ออร่าของเสี่ยวถิง เซ็นเตอร์ของเพลงนี้เปล่งประกายสุดๆ สารภาพว่าผู้เขียนดูแฟนแคมของเสี่ยวถิงไปราวยี่สิบรอบ (แหะๆ)
U+Me=LOVE
การรวมตัวกันของสมาชิกที่ถูกดันมาจากทีมอื่น จนบรรยากาศการซ้อมช่วงแรกอึมครึมสุดๆ แต่สุดท้ายทุกคนก็ลุกขึ้นสู้จนทำให้โชว์ออกมามีชีวิตชีวา ส่วนตัวแล้วมองว่านี่น่าจะเป็นโชว์ที่ดีที่สุดของรายการ ในแง่ความลงตัวและการตอบโจทย์เพลง และที่ต้องพูดถึงก็คือ คิมซูยอน เซ็นเตอร์ของเพลง บอกได้เลยว่าน้องเขาเกิดมาเพื่อเป็นวิชวล ถึงจะไม่ได้เดบิวต์รายการนี้ แต่เชื่อว่าอนาคตที่สดใสรออยู่ไม่ไกล
____________________
ผู้เขียน - คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
(Kanchat Rangseekansong)
เปิดโลกดนตรีและไอดอลกับคันฉัตร
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ