เรื่องโง่ขอให้บอก! เมื่อ Big Ass กลับมาพร้อมคำสารภาพที่แฟนๆ อาจไม่เคยรู้ | Sanook Music

เรื่องโง่ขอให้บอก! เมื่อ Big Ass กลับมาพร้อมคำสารภาพที่แฟนๆ อาจไม่เคยรู้

เรื่องโง่ขอให้บอก! เมื่อ Big Ass กลับมาพร้อมคำสารภาพที่แฟนๆ อาจไม่เคยรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากลองไล่เรียงผลงานของวงร็อกระดับแถวหน้าอย่าง Big Ass แน่นอนว่าเราก็จะนึกถึงเพลงฮิตโดนๆ

อยู่หลายเพลง และหลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆรอมานาน Big Ass ก็ได้ปล่อยผลงานเพลงใหม่

“เรื่องโง่ขอให้บอก” ออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันอีกครั้ง วันนี้ Sanook จะพามาฟังมุมมองที่มีต่อเรื่อง

“ความโง่” ผ่านบทสัมภาษณ์ของสมาชิก BIG ASS ทั้ง 5 คน เจ๋ง-เดชา โคนาโล (ร้องนำ), หมู-อภิชาติ พรมรักษา (กีตาร์)  อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล (กีตาร์),  กบ-ขจรเดช พรมรักษา (กลอง) และ โอ๊ค-พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ (เบส) 

ตอนนี้ คิดว่าตัวเอง “โง่” กับเรื่องอะไร?

เจ๋ง : ทุกวันนี้น่าจะเป็นเรื่องการขับรถแบบไม่รู้เส้นทางหรือไปเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยออกไปไหนซักเท่าไหร่ ถ้าจะขับออกไปข้างนอกก็จะไปใกล้ๆ บ้าน หรือถ้าไปต่างจังหวัดก็ต้องเปิด Google Map เท่านั้น ไม่สามารถขับแบบดูป้ายบอกทางบนถนนได้ สมัยตอนยังไม่มี Google Map เคยพาแม่กลับบ้านแบบดูป้ายแล้วหลง ต้องหยุดถามทางตลอดเวลาจนกว่าจะถึงร้อยเอ็ด

อ๊อฟ : โง่เรื่องเส้นทางเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จะไม่ดูทางเลย คุณพ่อเป็นคนขับรถ แล้วเราจะนอนตรงเบาะหลังแล้วฟังเพลง เพราะชอบบรรยากาศนอนฟังเพลงในรถ จนเป็นนิสัยติดตัวมา พอโตขึ้นต้องมาขับรถเองก็ชอบฟังเพลงไป เส้นทางก็ Auto Pilot ไป กลายเป็นต้องไปไหนมาไหนสัก 7 – 8 เที่ยวถึงจะรู้ทาง ส่วนทางไหนที่นอกเหนือจากบริเวณบ้าน จะไม่ทราบเส้นทางเลย กลับรถทีนึงก็งงทีนึง

หมู : คิดว่าโง่เรื่องดนตรี เพราะไม่มีความรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องดนตรี หรือเครื่องมือทางดนตรี แม้แต่เรื่องกีต้าร์ก็โง่มาก ไม่รู้ว่ากีต้าร์มีแบบไหน มีกี่ประเภท แตกต่างกันยังไง ยังค่อนข้างโง่มาก ทุกวันนี้ก็ใช้แค่ความรู้สึกกับครูพักลักจำอย่างเดียว

กบ : ทุกเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีและคำว่าทันสมัย

โอ๊ค : น่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย เพราะไม่ได้ตามเทคโนโลยีเหมือนคนอื่นเค้า เลยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ ลองทำผิดๆ ถูกๆ แต่ก็มักจะพลาดเสมอ เช่น ขนาดสั่งอาหาร delivery ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง

เจ๋ง Big Assเจ๋ง Big Ass

ประสบการณ์เรื่องโง่ที่สุดในชีวิต ที่แฟนเพลงอาจไม่เคยรู้! 

อ๊อฟ : จริงๆ มีหลายเรื่องที่โง่ในชีวิต เรื่องโง่ที่สุดคือไม่รู้ว่าความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน จนพอมีลูก มีครอบครัว ถึงเริ่มรู้สึกว่าตอนเด็กเราไม่ค่อยเข้าใจความรักของพ่อแม่เท่าไหร่ บางทีด้วยความเป็นเด็กวัยรุ่น เวลาพ่ออยากไปรอ ไปรับ-ส่งที่โรงเรียน หรือรอรับหน้าปากซอยบ้าน ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ชอบ ทำไมต้องมารอ ทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนี้ บางทีเราก็ทำอะไรที่แย่ๆ ไป จนพอได้เป็นพ่อคนถึงเริ่มเข้าใจว่าวันนั้นที่เราทำไม่ดีกับพ่อแม่ไปมันโง่มาก เริ่มสะท้อนกลับมาที่ตัวเราเองหมดเลย แต่ถ้าเรื่องโง่ที่สุดในเรื่องของความรัก ก็คือการไปแอบชอบคนที่ไม่ชอบเรา หรือไม่ยอมปล่อยมือกับความรักครั้งนั้น ตอนนั้นไปรอที่โรงเรียนที่อยู่ต่างจังหวัด ไปนั่งรอโดยที่ไม่ได้นัด เป็นความโง่ในเรื่องความรักแบบเด็กๆ

เจ๋ง :   ครั้งนึงในวัยเด็กเคยตกสะพานแขนหัก ช่วงเรียน ป. 3 บ้านป้าที่พระประแดงจะตัดใบไม้ในสวนไปขาย ตัดไว้ตอนเย็น ตอนเช้าก็จะมีคนมารับ มาขนไปขายก่อนไปเรียน จนวันนึงที่ต้องแบกถุงกระสอบใบไม้เดินบนสะพานข้ามคลองที่เป็นไม้กระดาน 3 แผ่น แต่มันมีหมานอนหลับขวางกลางสะพานอยู่ เราก็ไม่กล้าปลุก เลยจะเดินข้ามหมาไป แต่หมาดันตกใจตื่น และคงคิดว่าเราจะไปทำอะไรมัน มันเลยดันกระแทกตัวเราตกสะพานแขนข้างซ้ายหัก จนตอนนี้แขนข้างซ้ายยังมีแผลผ่าตัดที่แขนหักตอน ป.3 อยู่เลย ในตอนนั้นถ้าปลุกมัน ไม่เดินข้ามแขนคงไม่หัก แต่ก็คิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องโง่นะ เพราะตอนนั้นยังเด็กไม่ได้คิดอะไร เพราะเราเลี้ยงสัตว์ที่บ้านผูกพันกับสัตว์เลยเหมือนเป็นเรื่องที่ตัดสินใจพลาดมากกว่า

หมู :  คิดว่าเรื่องโง่คือการเลือกเล่นดนตรีเป็นอาชีพ แต่ก็เป็นความโง่ที่มีความสุขมากๆ ตอนนั้นระหว่างเรียนและช่วงเรียนจบ มีทางเลือกเข้ามามากมาย งานดีๆ หลายงานเสนอเข้ามา มีงานประจำเข้ามาให้ไปทำ แต่ก็เลือกที่จะเล่นดนตรี และทำจ๊อบเล็กๆ น้อยๆกับเพื่อน เพื่อหางานมาซ้อมดนตรีไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ก็สนุกที่เลือกแบบนี้มา

โอ๊ค : เป็นเรื่องสมัยวัยรุ่นเคยลองใช้สารเสพติด เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วงสร้างสรรค์ผลงานได้แตกต่างกว่าคนอื่น หรือว่ามีการคิดอะไรใหม่ๆ ได้ฟีลต่อการทำงาน แต่จริงๆ แล้วไม่ดีกับสมองหรือสภาวะจิตใจเรา เลยรู้สึกว่าไม่น่าไปลองหรือไม่น่าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน ซึ่งเป็นสมัยนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เลยรู้สึกว่าเสียดายที่ไปเสียเวลากับอะไรแบบนั้น เสียเวลากับสิ่งผิดๆ แบบนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่โง่ที่สุดในชีวิตที่เคยได้ลองพิสูจน์มา

กบ :  แม่ใช้ไปซื้อใบกระเพราแต่เราไปซื้อโหระพา ไม่นานแม่ก็ใช้ไปซื้ออีกครั้งแต่เราก็ไปคว้าใบแมงลักกลับมา จนแม่ไม่กล้าใช้ไปซื้อผักอีกเลย

กบ Big Assกบ Big Ass

จากที่ได้ฟังประสบการณ์มา หลากหลายมุมมองมากๆ

แต่ละคนมีวิธีจัดการกับความโง่ของตัวเองอย่างไรบ้าง?

กบ : มองว่า “ความโง่” มันคือขั้นตอนไปสู่ “ความฉลาด”

หมู : ถาม! ถ้าโง่ก็ถาม โง่ก็หาความรู้ โง่ก็ยอมรับว่าโง่ แล้วเราก็จะโง่น้อยลง

อ๊อฟ : ก็ยอมรับว่าโง่ แล้วเรื่องอะไรที่ไม่รู้ก็ให้ถาม เช่น เรื่องแฟชั่น เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยอิน เลยต้องหาตัวช่วยเกี่ยวกับแฟชั่น ซึ่งก็เป็นวิธีที่ทุกคนใช้กัน เรื่องอะไรที่ไม่รู้ก็ถาม หรือให้คนที่รู้เรื่องนี้มากกว่าเป็นคนตัดสินใจ

โอ๊ค : ถ้าเรารู้สึกว่าเราโง่ในเรื่องบางเรื่องบางอย่างที่เราได้ทำผิดพลาดไป ก็จะกลับไปทบทวนศึกษากับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็จะพยายามปรับปรุง แก้ไข พยายามไม่ให้เกิดสิ่งโง่ๆ เหล่านี้อีก เช่น ถ้าเราโง่เรื่องเทคโนโลยี ก็ต้องไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีให้มันชัดเจนมากขึ้น ถามผู้รู้ ศึกษาจาก Facebook Youtube แล้วพยายามจดจำเพื่อไม่ให้ผิดพลาดอีก

เจ๋ง : คิดว่าเป็นธรรมชาติของทุกคน เราไม่มีทางรู้อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ สุดท้ายก็เหมือนเป็นการเรียนรู้ว่าตัวเองโง่เรื่องนี้ เราทำพลาดกับเรื่องนี้ มันจะทำให้เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ เราจะได้บทเรียนจากเรื่องนี้ ต่อไปเราจะได้ไม่โง่กับเรื่องนี้อีก มันคือธรรมชาติแบบนี้ เราคงจะจัดการอะไรไม่ได้ ให้ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ซะมากกว่า

หมู Big Assหมู Big Ass

แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากแก้ไข หรือ ยังคงทำเหมือนเดิม?

กบ : เราเลือกที่จะไม่แก้

หมู : ก็น่าจะเลือกเหมือนเดิม เพราะว่ามันดีที่สุด มันมีทั้งดี ทั้งเศร้า ครบหมด เลยคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว

อ๊อฟ : มันคงแก้ยากเพราะเราอายุแค่นั้น เราก็คงมีความคิดโง่ๆ ในเรื่องครอบครัว ในเรื่องพ่อแม่ พ่อต้องทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับเราเท่าไหร่ ด้วยวุฒิภาวะเราเป็นแบบนั้น อยากแก้แต่ในชีวิตจริงคงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างหล่อหลอมให้เราเป็นแบบนั้น เราก็จะทำแบบนี้ต่อไปกับลูกเรา สืบทอดไปเรื่อยๆ เวลาลูกเราไม่เข้าใจในเรื่องความรักที่เรามีให้ เราก็สามารถเข้าใจได้ ถ้าแก้ตอนนั้นไม่ได้ก็แก้ที่ใจเรา เพราะลูกๆคงรู้สึกแบบเดียวกับเราตอนเด็กๆ

โอ๊ค : คิดว่าทุกอย่างที่ทำผิดพลาด หรือเรื่องโง่ๆ ที่เกิดขึ้น มันเป็นบทเรียนที่ทำให้เราไม่กลับไปทำในสิ่งนั้นอีก แต่ถ้าเรากลับไปทำแสดงว่าเราโง่ ฉะนั้นก็จะทำในสิ่งที่ผิดพลาดให้มันดีขึ้น

เจ๋ง : ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่แก้ไขอะไรเพราะมันคือการเรียนรู้ มันเป็นบทเรียนของชีวิต สุดท้ายแล้วทุกคนคงไม่โง่ในอะไร 3 4 5 ครั้งติดต่อกัน พอเราผิดพลาดเรื่องนี้ เราได้เรียนรู้กับมัน เรียนรู้บทเรียนของชีวิต สำหรับผมก้คงไม่แก้ไขอะไร เพราะทุกอย่างเราได้เรียนรู้ เราได้ทำผิดพลาดกับมันไปแล้ว

อ๊อฟ Big Assอ๊อฟ Big Ass

มาพูดถึงเพลงใหม่ล่าสุดกันบ้าง “เรื่องโง่ขอให้บอก”

ในมุมมองของแต่ละคนคิดว่า ผู้ชายในเพลงเป็นคนโง่หรือเปล่า?

เจ๋ง :  ความจริงแล้วก็โง่นะ แต่สุดท้ายแล้วก็รู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหมือนในเพลงที่เราต้องเป็นคนโง่ก่อน แต่สุดท้ายเมื่อเรารู้ความจริงก็ต้องเลือก ถ้าเราเลือกที่จะฉลาด ผู้หญิงในเพลงนี้ก็คงไม่อยู่กับเค้า สุดท้ายเราเลยยอมแกล้งโง่ คือในเพลงเค้ารู้ทุกอย่างนะ แต่เค้ายอมแกล้งโง่ เพื่อรักษาผู้หญิงคนนี้เอาไว้เพราะรักผู้หญิงคนนี้มาก เลยยอมแกล้งโง่ไป

โอ๊ค :  มองว่าไม่ได้โง่ เพียงแค่เค้าพยายามไม่รับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือจริงๆ ก็เรียกว่าแกล้งโง่เพื่อให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดินหน้าต่อไปได้ เพราะว่าเค้ารักผู้หญิงคนนี้มาก ในความเป็นจริงเค้าอาจจะยอมมากไปหน่อย แต่ว่าด้วยความรักคนเราก็มักจะคิดอะไรบางอย่างที่โง่ๆ อย่างในเพลงนี้ถือว่าเค้ารู้แต่ด้วยความรู้สึกที่เค้ามีต่อผู้หญิงคนนั้นมันทำให้เค้าทำบางอย่างที่มันฝืนตัวเค้า ทำเหมือนเป็นคนไม่รู้เรื่องไป

อ๊อฟ : เค้าไม่ได้โง่ เพียงแต่ว่าเค้ารักผู้หญิงคนนั้นมาก จนรู้สึกว่าให้ทำแบบไหนก็ได้ ให้โง่ก็ได้  เพื่อความรักจะได้อยู่ต่อไป

กบ :  ถ้าโง่แล้วมีความสุขอาจจะดีกว่าฉลาดแล้วเป็นทุกข์ก็ได้

หมู :  คิดว่าความโง่มันตีความได้หลายแบบ ยอมโง่ แกล้งโง่ หรือว่าต้องโง่ มันอยู่ที่สถานการณ์ คิดว่าคนเราเอาตัวเองไปคิดแทนคนอื่นไม่ได้ เหมือนคู่ที่เราเห็นว่าตบตีกันตลอด ทำไมเค้ายังอยู่ด้วยกันได้ ทำไมไม่แยกจากกัน คนอื่นอาจจะมองว่าถ้าเป็นเค้า เค้าเลิกไปแล้ว  แต่นั่นมันก็เป็นเค้าไม่ใช่เรา เลยคิดว่าผู้ชายในเพลงไม่ได้โง่ แต่เป็นเพราะเค้ารักผู้หญิงมากกว่า

โอ๊ค Big Assโอ๊ค Big Ass

ในประสบการณ์จริง เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรือเปล่า?

เจ๋ง : ส่วนตัวแล้วไม่เคย ส่วนใหญ่จะเป็นคนรอบข้างมาเล่าให้ฟังมากกว่า

กบ :  ไม่เคยเหมือนกัน

โอ๊ค :  เคย เมื่อก่อนนานมาแล้ว เรารู้ว่าคนที่เราคบด้วยเป็นยังไง แต่ด้วยความที่เรารักมาก เราก็ยังอยากมีความสัมพันธ์ที่มันสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ก็เลยมองข้ามในจุดนี้ไป ซึ่งมันก็ไม่ดีนะเพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็คาอยู่ในใจเรา

อ๊อฟ : ในช่วงวัยรุ่นเป็นบ่อย ชอบไปรักคนที่เค้าไม่ได้รักเรา แต่ก็ยังโง่ที่จะชอบเค้า ไปจีบเค้า หรือเคยเป็นแฟนกันแต่เค้าไม่รักเราแล้วแต่ยังยื้อ ยอมอยู่ในสถานะอะไรก็ได้ ยอมให้เค้ามีคนอื่นได้ เพื่อรักษาความรักรูปแบบนี้ไว้ แต่วันนึงสิ่งที่ไม่ใช่ก็ไม่ใช่อยู่ดี พอโตขึ้นเรียนรู้มากขึ้น ก็ยอมรับความจริงได้มากขึ้น

หมู : ถ้าย้อนไปสมัยเด็กเคยมีช่วงความรักแบบ puppy love ที่ไม่รู้ว่าความรักคืออะไร หรืออาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้ ตอนนั้นก็จะเป็นประมาณในเพลง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่เรื่องมันนานมาแล้ว

วันนี้ BIG ASS กลับมาพร้อมเพลงใหม่ล่าสุด มีอะไรอยากบอกแฟนเพลงไหม?

อ๊อฟ : วิธีคิดของอัลบั้มนี้ เราอยากเป็น BIG ASS ที่ทุกคนรู้จักมากขึ้น ตั้งแต่ที่เจ๋งเข้ามาในวง เราพยายามหลีกเลี่ยงอะไรที่เป็น Big Ass แบบเดิมๆ เราอยากทดลองหารูปแบบใหม่ๆ จากเจ๋ง ซึ่งก็ทำให้เราขยับวงไปในอีกทางหนึ่ง จริงๆ อาจจะไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด แต่เป็นทางที่เจ๋งและวงได้แชร์สิ่งต่างๆ ร่วมกัน พอมาถึงอัลบั้มนี้เลยคิดว่าเราไม่ได้ทำเพลงแบบ Big Ass มานานแล้ว เลยมาคิดว่าลายเซ็น หรือลายมือของ Big Ass ก่อนหน้านี้เป็นยังไง แล้วทำจากสิ่งนั้น โดยที่เจ๋งยังเป็นคนทำ Melody เหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็คือเพลง

“เรื่องโง่ขอให้บอก” ที่เจ๋งทำ Melody และคนในวงช่วยกัน Arrange เพลงขึ้นมา เกิดเป็น Big Ass

ในอีกอารมณ์หนึ่ง มีความประทับใจตอนที่ทำเพลงนี้ออกมาและอยากให้ทุกคนได้ฟังมากๆ

เจ๋ง : พวกเราขอฝากเพลง “เรื่องโง่ขอให้บอก” และฝากติดตามผลงานของ BIG ASS ได้ที่ Facebook : BIGASSRockband และ Youtube : Genie rock , GMM GRAMMY Official

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ เรื่องโง่ขอให้บอก! เมื่อ Big Ass กลับมาพร้อมคำสารภาพที่แฟนๆ อาจไม่เคยรู้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook