สัมภาษณ์ Westlife ถึงอัลบั้มใหม่ สิ่งที่ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันมากกว่า 20 ปีและแผนทัวร์เอเชีย
...16.00 น. ไทย ที่อังกฤษกี่โมงนะ
ประโยคที่เรานึกในหัวก่อนที่เราจะได้คุยสัมภาษณ์กับศิลปินที่เรารอคอยมาตลอดชีวิตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ยังจำได้ดีว่าวินาทีที่รู้ว่าจะได้สัมภาษณ์กับสองหนุ่ม Nicky Byrne และ Kian Egan จาก Westlife เราถึงกับอุดปากกรี๊ด เพราะ Westlife คือศิลปินกลุ่มแรกในชีวิตที่เปิดประสบการณ์การเป็นติ่ง หรือที่สมัยนั้นยังเรียกว่าเป็น “แฟนคลับ” อยู่ หลังจากที่วงประกาศอำลาวงการดนตรี และทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกส่งท้ายเพื่อปิดตำนานของวงอย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2012 เราก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสได้ดูพวกเขาบนเวทีอีก แต่ในที่สุด Westlife ก็ประกาศรียูเนียนพร้อม Spectrum อัลบั้มใหม่ในรอบ 9 ปี และกลับมาทัวร์คอนเสิร์ตฉลองวงครบรอบ 20 ปีอีกครั้ง และในเวลานั้นเราได้ก้าวเข้าสู่วงการนักข่าวสายดนตรีแล้ว นั่นจึงจุดประกายความหวังในการได้สัมภาษณ์ศิลปินในดวงใจของเราอีกครั้ง… แต่ก็น่าเสียดายที่คราวนั้นโอกาสไม่เป็นใจเอาเสียเลย ไม่มีแม้กระทั่งงานแถลงข่าวด้วยซ้ำ
Westlife กลับมาปล่อยอัลบั้มใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดที่ 12 หรืออัลบั้มชุดที่ 2 หลังรียูเนียนโดยใช้ชื่อว่า Wild Dreams และในครั้งนี้ในที่สุดโชคก็เข้าข้างให้ได้เราคุยกับพวกเขาตัวเป็นๆ แม้ว่าจะผ่านวิดีโอคอล แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่เราไม่คิดว่าเราจะได้รับ และเราใช้มันอย่างคุ้มค่าทุกนาทีในการถามคำถามที่เราอยากรู้ และเชื่อว่าแฟนๆ ชาวไทยหลายคนที่มีซีดีอัลบั้ม Westlife ปกสีฟ้า ที่มีเพลงดังอย่าง “Swear It Again” และ “Fool Again” หรืออัลบั้ม 2 Coast to Coast ที่มีเพลงประจำชาติอย่าง “My Love” และ “I Lay My Love On You” เอาไว้ครอบครอง ต้องอยากรู้อย่างแน่นอน
Nicky กับ Kian ปรากฏตัวในลุคสบายๆ ในเสื้อโปโล และเสื้อยืดสีดำ เมื่อถามว่า “เหนื่อยหรือยัง” Nicky ตอบว่า “พวกเรายังโอเคอยู่ครับ ตอนนี้ที่นี่ 9.06 น. เราสองคนเลยกินอาหารเช้าแล้ว กินกาแฟ และพวกเราก็มีอัลบั้มใหม่ที่เราเตรียมมาคุยในวันนี้ด้วย” แค่มองตาก็รู้เลยว่าทั้งสองคนตื่นเต้นและภูมิใจนำเสนออัลบั้มใหม่นี้กันมากแค่ไหน
ในอัลบั้มใหม่นี้พวกคุณย้ายมาอยู่ค่ายเพลงใหม่อย่าง East West Records เป็นอย่างไรบ้างเมื่อต้องทำงานร่วมกับทีมงานใหม่ รวมถึงนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ใหม่ มีการปรับตัวอย่างไรบ้างไหม
Kian: ใช่แล้วครับ พวกเราเพิ่งย้ายมาอยู่ค่าย East West Records ภายใต้สังกัดของ Warner Bros. สำหรับอัลบั้มนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแต่ก็เป็นไปอย่างธรรมชาติ จนพวกเราเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลยพวกเราปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้เป็นอย่างดีได้อย่างไร พวกเราแค่รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงพอดี
พวกเราวางแผนกันว่าในอัลบั้มนี้พวกเราอยากร่วมงานกับนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์เก่งๆ หลายๆ คนที่เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อนในอัลบั้มที่แล้ว แต่ทำซาวด์ให้สดใหม่ยิ่งขึ้น และแฟนๆ น่าจะยังชอบเหมือนเดิม เพราะจะมีทั้งเพลงบัลลาดที่แฟนเก่าๆ ชอบ และมีเพลงจังหวะกลางๆ เร็วๆ ที่คนสมัยนี้น่าจะชอบด้วย พวกเราคิดว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่โดดเด่นมากๆ และมั่นใจว่าแฟนเพลง Westlife จะต้องชอบแน่นอนครับ
Sanook: ชอบค่ะ ฟังทั้งอัลบั้มแล้ว ชอบ “Rewind” มากเลย
Nicky: (ยิ้ม) เยี่ยมเลย ฟังแล้วจริงๆ ด้วย
ในอัลบั้มนี้ได้ร่วมแต่งเพลงกันเยอะเลย แต่ละคนแต่งเพลงกันมาได้อย่างไร แล้วเอาไปรวมกับนักแต่งเพลงคนอื่นๆ ได้อย่างไร
Nicky: ช่วงที่ล็อกดาวน์กันอยู่ พวกเราตัดสินใจว่าจะออกอัลบั้มใหม่กัน แล้วด้วยตัวช่วยออนไลน์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น การสัมภาษณ์ผ่าน Zoom อย่างที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เราวางแผนอะไรได้ง่ายขึ้น พวกเราได้ไปคุยกับคนนั้นคนโน้น มองหาไอเดียต่างๆ เมื่อถึงเวลาก็กลับมานั่งแต่งเพลงกันเองของใครของมันจากประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ละคนได้ใช้เวลาช่วงล็อกดาวน์นี้คิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ความหวังหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านไป
เพลงแรกที่เราปล่อยคือเพลง “Starlight” เป็นเพลงที่ส่งความรู้สึกด้านบวกให้กับทุกๆ คน เหมือนให้แสงสว่าง ให้กำลังใจ ให้ความหวังกับทุกคน และอีกเพลงที่ปล่อยให้ฟังตามมาคือ “My Hero” เป็นเพลงที่พูดถึงคนที่คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามเกิดวิกฤติอยู่เบื้องหลัง และพวกเขาก็ทำหน้าที่ของพวกเขาได้ดีมากๆ
สรุปแล้วพวกเราแต่ละคนมีวิธีแต่งเพลงแตกต่างกันไป แต่ก็เอารวมกันออกมาเป็นเพลงอย่างที่ทุกคนได้ฟังกันครับ และพวกเราก็ตื่นเต้นมากๆ ที่จะให้พวกคุณได้ฟังกัน
จากเพลง “My Hero” ในความคิดของคุณ “ฮีโร่” หมายถึงอะไร และอะไรที่ทำให้ใครสักคนกลายเป็นฮีโร่
Nicky: สำหรับผมแล้ว ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องสวมผ้าคลุม ฮีโร่อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เดินตรวจตราและเจอกับคุณที่บันได หรืออาจจะเป็นคนใกล้ตัวอย่างลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี หรือจะหมายถึงคุณหมอ และทีมเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลอย่างที่เรากล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นทีมงานในค่ายเพลง หรือนักข่าวที่รอมา 20 ปีที่จะได้คุยกับพวกเราผ่าน Zoom จะเป็นใครก็ได้ในโลกใบนี้ แต่สำหรับผม ฮีโร่ของผมนั่งอยู่ตรงนี้ (ชี้ไปที่ Kian และ Kian ก็ชี้ไปที่ Nicky)
Sanook: ส่วนฉัน พวกคุณคือฮีโร่ของฉันค่ะ
Kian: (หัวเราะ) ขอบคุณครับ
พวกคุณอยู่ด้วยกันมากกว่า 20 ปีแล้ว อะไรที่ทำให้พวกคุณรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นแบบนี้มาได้อย่างยาวนานขนาดนี้
Kian: ผมคิดว่าพวกเรามีความฝันเดียวกัน คือการได้เป็น Westlife ตอนที่พวกเรายุบวงไปตอน 2012 หลังจากที่พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน ทำงานอย่างหนักตั้งแต่วัยรุ่น ทัวร์คอนเสิร์ตเป็นเดือนๆ พวกเราตัดสินใจกันว่าพวกเราอยากพักกันยาวๆ ถอยออกมาจากการเป็น Westlife แล้วไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว กับลูกๆ เหมือนถอนตัวจากการใช้ชีวิตในการเป็น Westlife กันก่อน และในช่วงเวลาที่เราได้พักกันยาวๆ พวกเราก็คิดได้ว่าพวกเราโชคดีมากแค่ไหนที่ได้ทำงานที่ดี ที่พวกเรารัก และก็โชคดีมากๆ ที่กลับมารวมตัวกันและได้ทำสิ่งที่พวกเรารักด้วยกันอีกครั้ง
หลังจากที่พวกเราได้กลับมารวมตัวกัน ได้ทำเพลงใหม่ ได้ทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันอีกครั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แฟนๆ ทำให้พวกเรารักในสิ่งที่พวกเราทำกันมากขึ้นไปกว่าเดิม ได้ขึ้นแสดงบนเวที ได้ร้องเพลง ได้เห็นปฏิกิริยาของแฟนๆ ระหว่างที่เล่นคอนเสิร์ต ดังนั้นสำหรับพวกเราคือการพยายามกลับมาสานฝันของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง กลับมามีความสุขกับมันอีกครั้ง กลับมาท่องเที่ยวในประเทศสวยๆ ทั่วโลกระหว่างทัวร์ มันดูเหมือนเป็นงานง่ายๆ นะ แต่มันก็ยากที่จะต้องแยกจากครอบครัวมานานๆ และคิดถึงบ้านบ้าง อาการเจ็ทแล็คก็น่ารำคาญในบางครั้ง แต่นอกเหนือจากนั้นพวกเราต่างก็รู้สึกโชคดีที่ได้กลับมาทำงานที่พวกเรารักด้วยกันครับ
คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ Weslife แตกต่างจากวงอื่นๆ
Nicky: ผมคิดว่า จากที่คุยกันเมื่อกี้ มิตรภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญ พวกเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันเป็นเวลานาน พวกเรารู้ดีกว่าอีกคนชอบ หรือไม่ชอบอะไร และผมคิดว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้มากกว่า 20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การที่เราได้ทำเพลงร่วมกัน ทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน มีปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ ร่วมกัน สนุกกับโชว์ไปด้วยกัน คุณก็เคยดูพวกเราเล่นคอนเสิร์ตด้วยกันมาก่อน คงจะเห็นว่าพวกเราพยายามทำโชว์ออกมาให้ดี ให้แฟนๆ มีความสุข สำหรับผมไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้มารวมตัวทำเพลงใหม่ด้วยกัน โปรโมตเพลงด้วยกัน ได้ทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน
พวกเราเริ่มต้นมาจากการเป็นวงเล็กๆ จากเมืองเล็กๆ ในยุโรป จากนั้นชื่อของ Westlife ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายๆ ประเทศ พวกเราได้ทัวร์คอนเสิร์ตเกือบทุกทวีป ดังนั้นการได้ไปยืนอยู่บนเวทีในต่างประเทศด้วยกันอย่างในไทย ออสเตรเลีย อเมริกา นอร์เวย์ หรือในทุกๆ ที่ จากจุดเริ่มต้นของพวกเรา จนมาถึงตอนนี้ พวกเรามีแฟนๆ ให้การสนับสนุนพวกเราตลอดเวลา เหมือนอย่างที่คุณให้พวกเราดูอัลบั้มต่างๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเรามีแฟนๆ จากหลายที่ที่สนับสนุนพวกเรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย อินเดีย แอฟริกาใต้ หรือจากที่อื่นๆ ทั่วโลก หรือที่คุณบอกว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยเด็กของคุณ สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเรายังอยู่ด้วยกันมาได้จนถึงตอนนี้ ยิ่งได้ทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงอายุนี้ยิ่งสนุกกว่าเดิมไปอีก เพราะพวกเราก็ไม่เด็กๆ กันแล้ว (ยิ้ม) แต่ก็ยังได้ทำเรื่องสนุกๆ แบบนี้กันได้ พวกเราจึงยิ่งสนิทกันมากไปกว่าเดิมอีกครับ
ปี 2022 วางแผนว่าจะทำอะไรกันบ้าง จะมีทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชีย รวมถึงที่ประเทศไทยบ้างไหม
Kian: พวกเรากำลังรอดูอยู่ว่าตอนนี้มีที่ไหนที่พวกเราไปทัวร์ได้บ้าง เพราะโควิด-19 ทำให้หลายๆ ภาคส่วนเป็นกังวลและส่งผลกระทบต่อตารางการทัวร์ของพวกเราด้วย พวกเราก็เลยกำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนและตัดสินใจว่ามีที่ไหนที่พวกเราจะไปได้บ้าง แต่ถ้าเป็นไปได้พวกเราอยากจะไปทัวร์เอเชียในช่วงเดือนกันยายนครับ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกเราจะทำได้ไหม ต้องรอภาครัฐของแต่ละประเทศออกมายืนยันก่อนว่าพวกเราจะสามารถเข้าไปจัดคอนเสิร์ตได้ พวกเราอยากรอให้แน่ใจว่าจะสามารถจัดคอนเสิร์ตขึ้นได้ในขณะที่ทุกคนปลอดภัย ไม่เจ็บป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อไรก็ตามที่แน่ใจแล้วว่าจัดคอนเสิร์ตได้อย่างปลอดภัย พวกเราไปหาทุกๆ คนแน่ครับ
Nicky: ผมก็คิดว่าช่วงเดือนกันยายนนะ จากแผนที่พวกเราวางไว้ด้วยกัน หวังว่าทุกๆ คนได้ดูคอนเสิร์ตของ Westlife ในเดือนกันยายนปีหน้านะครับ
Sanook: ฉันจะเคลียร์คิวตลอดเดือนกันยายนเพื่อรอพวกคุณเลย อย่าลืมมากรุงเทพด้วยนะ
Nicky+Kian: (พูดพร้อมกัน) ไม่ลืมแน่นอน
Nicky: กรุงเทพเป็นที่แรกที่เมื่อหลายปีก่อนพวกเราได้มาทัวร์คอนเสิร์ตที่เอเชียนะ
Kian: พวกเราจะไปหาทุกคนแน่ๆ ครับ
ถ้าได้มาเมืองไทย อยากไปที่ไหน และอยากทำอะไร
Kian: ผมอยากไปเกาะสวยๆ ที่ต่างจังหวัดของเมืองไทยมากเลย พวกเรายังไม่เคยไปกันมาก่อน ทุกครั้งที่เราไปเมืองไทย เราได้ไปแต่ที่เมืองใหญ่ๆ แต่ยังไม่เคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศต่างจังหวัด ผมเลยอยากไปมากๆ ครับ
Nicky: เกาะสวยๆ ในหนังเรื่อง The Beach ถ่ายที่ภูเก็ตหรือเปล่า ที่ไทยใช่ไหม ผมดูในหนังแล้วสวยมากเลย เหมือนกับ Kian เลยครับ พวกเรายังไม่เคยไปเกาะสวยๆ ด้วยกันเลย ถ้าได้ไปคงจะดีมากครับ หวังว่าทัวร์ที่ไทยครั้งหน้าจะมีเวลาได้แวะไป… (หันมาถามเรา) เพลงที่คุณชอบที่สุดในทัวร์คือเพลงอะไรครับ?
Sanook: ชอบทุกเพลงค่ะ จริงๆ นะ แต่อาจจะมีเพลงที่พิเศษมากๆ สำหรับฉันอยู่ คือเพลง “I Lay My Love on You”
Kian: โอ้ (ร้องเพลง “I Lay My Love on You”)
Nicky: เพลงนี้ดังที่สุดในไทยหรือเปล่านะ
Sanook: ใช่ค่ะ แล้วก็มี “My Love”, “Swear It Again” และ “Fool Again” ด้วย…
Nicky: แล้วเพลงที่ดังน้อยที่สุดล่ะ
Sanook: ไม่มีเพลงไหนของ Westlife ที่ไม่ดังค่ะ
Nicky+Kian: (หัวเราะ) ตอบได้ดีๆ
เราโบกมือลากันและกันพร้อมกับรอยยิ้ม และจบประโยคด้วยคำว่า See you later หวังว่าคำว่า later ของพวกเราจะมาถึงในไม่ช้านี้จริงๆ อย่าลืมวอร์มคอ เตรียมเสียงกรี๊ดให้พร้อม หยิบเทปหรือซีดีอัลบั้ม Westlife ในกรุของคุณขึ้นมาฟัง และกลับมาเปิดสตรีมมิ่งเพลงในอัลบั้มล่าสุด Wild Dreams รอไปกันไปพลางๆ ด้วยนะ
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ