“ที่สุด” แห่งวงการเพลงประจำปี 2021 โดยทีมงาน Sanook Music
หลังจากที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเพลงมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ทาง Sanook Editors ก็มีผลงานเพลงและศิลปินในดวงใจที่พวกเราชื่นชอบเป็นพิเศษและอยากแชร์ความพิเศษของพวกเขาและเธอให้ทุกคนได้รู้ ทำให้วันนี้เรากลับมาพร้อมลิสต์ผลงานที่พวกเรายกให้เป็นที่สุดแห่งปี แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาชมกันเลย
New Face of the Year >> SAMMii
Nominees : โจอี้ ภูวศิษฐ์ / AR3NA / PP Krit / IVE
Sidhipong W.
SAMMii หรือ ภัคธีมา ชิลเลอร์ ถือเป็นศิลปินน้องใหม่ที่เติบโตอย่างค่อยๆ และมั่นคง แต่น่าสนใจมากในปี 2021 โดยเราได้เห็นเธอกับเพลง “ทานตะวัน” ที่ SAMMii ได้เขียนออกมาโดยเปรียบเทียบความรักเป็นดอกไม้พร้อมเผยเนื้อเสียงที่เป็นเอกลักษณ์คู่กับเพลงที่มีไลน์กีตาร์โปร่งชัด ก่อนจะตามด้วยเพลง “ปราสาทวังวน” ที่พูดถึงเรื่องความสับสนในใจและความรักซึ่งสะท้อนมุมมองชีวิตที่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันหลายๆ คนของ SAMMii และหลังจากนั้นเธอก็กลับมาพร้อมเพลง “Plaster” ที่มีเนื้อหาย่อยง่ายกว่าซิงเกิลก่อนหน้าและได้ แทน Lipta หรือ ธารณ ลิปตพัลลภ มาเป็นโปรดิวเซอร์ที่คอยช่วยดึงศักยภาพเธอออกมา
เรียกได้ว่าในฐานะศิลปินหน้าใหม่ SAMMii มีทั้งเสียงร้อง ซาวด์ และแนวคิดเบื้องหลังการทำงานที่น่าสนใจ จนเราอยากจับตาว่าเธอจะมีอะไรปล่อยออกมา เมื่อเติบโตในวงการเพลงมากขึ้นจนมีประสบการณ์เพิ่มทั้งเรื่องเพลงรวมถึงแนวคิดใหม่ๆ ที่ได้รับจากสังคมรอบตัวจนถึงศิลปินที่เธอร่วมงานด้วย
New Face of the Year >> Olivia Rodrigo
Nominees: The Kid LAROI / aespa / DPR IAN
Jurairat N.
ไม่มีใครไม่เคยได้ยินเพลง หรือชื่อของเธอในปีนี้อย่างแน่นอน Olivia Rodrigo ถูกขนานนามว่าเป็น The next Taylor Swift หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากเพลงแรกในชีวิตที่ปล่อยออกมาในฐานะศิลปินเดี่ยว “drivers license” และด้วยสไตล์เพลงป็อปคล้ายเพลงอัลบั้ม Red, 1989 หรือ Reputation รวมถึงการเป็นทั้งนักร้อง และนักแต่งเพลงตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอถูกจับตามองในทันที
และเมื่อเธอปล่อยอัลบั้มแรกออกมาอย่าง Sour ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักในมุมมองของวัยรุ่นสาวที่ถ่ายทอดประสบการณ์ที่วัยรุ่นหลายคนต้องเจอออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาผ่านดนตรีที่เรียบง่ายแต่เป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้เพลงของเธอเข้าถึงใจผู้ฟังได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น “deja vu”, “good 4 u”, “traitor” หรือ “Brutal” ก็ล้วนแล้วแต่โดนใจแฟนเพลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังทั้งนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะคว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมไปได้จากหลายเวที ทั้ง American Music Awards, MTV Video Music Awards, People's Choice Awards และเข้าชิงรางวัลเดียวกันในเวที Grammy Awards 2022 อีกด้วย
The Kid LAROI มีผลงานโดดเด่นจากเพลง “STAY (with Justin Bieber” ที่โด่งดังเป็นพลุแตก วงน้องสาวของค่าย SM อย่าง aespa ก็ไวรัลไปทั่วโลกด้วยปรากฎการณ์ “Next Level” รวมถึง DPR IAN ที่ปล่อยอัลบั้มแรกอย่าง Moodswings in This Order แสดงศักยภาพทางดนตรีและวิดีโอออกมาได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน
อัลบั้มแห่งปี >> It’s Gonna Be OK - Tilly Birds
Nominees : WHEN YOU HAVE NOTHING TO DO JUST GO TO SLEEP - TELEx TELEXs/If I Can’t Have Love, I Want Power - Halsey / Equals - Ed Sheeran / BTS - BE
Sidhipong W.
บอกตรงๆ ว่าปี 2021 ถือว่าเป็นที่มีอัลบั้มดีๆ ที่เราชื่นชอบออกมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นผลงานชุด Equals ของ Ed Sheeran ที่เขามาพร้อมความจัดจ้านแบบใหม่ๆ อัลบั้ม If I Can’t Have Love, I Want Power ของ Halsey ที่นำเสนอเรื่องราวของแนวคิดสตรีนิยม และมุมมองที่มีต่อบริบทความรักแบบน่าสนใจภายใต้ดนตรีที่หลากหลาย ส่วนทางฝั่งเพลงไทยก็มีหลายๆ อัลบั้มอย่างเช่นงาน WHEN YOU HAVE NOTHING TO DO JUST GO TO SLEEP ของ TELEx TELEXs เช่นเดียวกับฝั่งเคป็อปซึ่งมากับผลงานชุด BE ของ BTS ที่โดดเด่น
แต่ถ้าเราต้องเลือกอัลบั้มที่ชื่นชอบที่สุดของปีคงเป็น It’s Gonna Be OK ของ Tilly Birds ที่แม้จะมาแค่ 8 เพลง แต่ก็เป็น 8 เพลงที่สร้างสรรค์มาอย่างชาญฉลาด ทั้งในแง่เนื้อหาที่เหมือนเป็นจดหมายเหตุความคิดคน GENZ และ Y ที่เจอเรื่องราวความสับสนในความสัมพันธ์ และความเหนื่อยล้าในแง่มุมต่างๆ ไปจนถึงการจากลา ในขณะที่พาร์ทดนตรีนั้น เราก็ได้เห็นการเติบโตของ Tilly Birds ที่สามารถใช้ซาวด์ดนตรีที่หลากหลาย จนความเป็นอัลเทอร์เนทีฟร็อคของพวกเขามันจัดจ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่ความฮิปฮอปจาก MILLI ในเพลง “เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน” การใช้ซาวด์และการร้องที่บีบคั้นอารมณ์เหมือนกับการวิ่งในเพลง “ลู่วิ่ง” รวมถึงเพลงสุดจัดจ้านอย่าง “เบื่อคนขี้เบื่อ” ที่มาพร้อมซาวด์แบบ Tilly Birds ยุคแรกและการร้องที่ทำให้เราได้เห็นเติร์ด นักร้องนำฉีกไปอีกระดับหนึ่งระดับ หรือแม้แต่เพลงที่สื่อถึงการจากลาแบบเข้าใจอย่าง “ขอให้เธอโชคดี” และเพลงที่สื่อถึงการเข้าใจถึงความอ่อนแอแบบ “ติดตรงที่ฉัน” และ “เธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว” มาจนถึงเพลง “ถ้าเราได้เจอกันอีก” ที่สามารถสื่อถึงการจากลาได้หลายรูปแบบและมากับดนตรีที่เสมือนการคารวะวงร็อคระดับตำนานอย่าง Queen ซึ่งนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความดีงามในอัลบั้มนี้ เพราะเราอยากให้ทุกคนลองฟัง และลองตีความสิ่งที่ได้รับจากมัน เพราะเชื่อว่ามุมมองที่คุณมีต่อมันอาจจะไม่เหมือนเราเลยก็ได้
อัลบั้มแห่งปี >> Moodswings in This Order - DPR IAN
Nominees: Medicine At Midnight - Foo Fighters / Sour - Olivia Rodrigo / Red (Taylor’s Version) - Taylor Swift / Hot Sauce/Hello Future - NCT DREAM
Jurairat N.
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้ยินอินโทรเพลง “So Beautiful” ก็รู้เลยว่า เพลงนี้ต้องเป็นหนึ่งในเพลงที่เราชอบที่สุดในปี 2021 นี้อย่างแน่นอน เพราะมีทุกอย่างที่จะทำให้ทุกคนชอบได้ ตั้งแต่เสียงเอฟเฟกต์เหมือนกรอม้วนฟิล์ม เสียงเม็ดฝนกระทบพื้น เสียงผิวปาก เสียงจุดไม้ขีด ดนตรีที่หลากหลายทั้งป็อป อาร์แอนด์บี แจ๊ส มาหมดทั้งเปียโน เครื่องสาย เครื่องเป่า จนแทบจะจำกัดแนวดนตรีของเพลงนี้ไม่ถูก แต่รับรองได้ว่าฟังแล้วจะชอบได้ไม่ยาก
นอกจากนี้เพลงอื่นๆ ในอัลบั้มนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง “MITO” เพลงอินโทรก่อนเข้าอัลบั้มที่มีทั้งเสียงเหมือนสวดมนต์ในโบสถ์ผสมกับเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เสียงกีตาร์คลาสสิก และเสียงร้องแบบโหยหวน เพลง “No Blueberries” เพลงอาร์แอนด์บีสว่างๆ สนุกๆ ที่ร่วมทำกับ DRR LIVE เพื่อนร่วมค่ายและ CL แร็ปเปอร์สาวคนเก่ง เพลง “Nerves” เพลงป็อปร็อคมันๆ เพลง “Scaredy Cat” เพลงที่เล่าเรื่องความกลัวของตัวเองออกมาได้อย่างน่ารัก เพลง “Welcome to the Show” ที่ปลดปล่อยพลังออกมาราวกับนักแสดงละครเวทีที่ม่านกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวปิดอย่างช้าๆ พร้อมเสียงปรบมือกึกก้องของผู้ชม ปิดท้ายด้วยเพลง “No Silhouette” เพลงอิล็กทรอนิกส์ที่เริ่มและจบด้วยความดาร์กแต่กลางเพลงเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เป็นอัลบั้มที่มีทั้งอารมณ์สว่างและมืดสลับๆ กันไปตามชื่ออัลบั้มที่ DPR IAN ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นอัลบั้มที่แสดงถึงตัวตนของเขาที่เคยเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตอย่างโรคไบโพล่าร์มาก่อนได้อย่างสวยงามและน่าจดจำอย่างที่สุด
สำหรับอัลบั้มอื่นๆ ที่ชอบเช่นกัน Medicine At Midnight ของ Foo Fighters อัลบั้มของขาร็อกที่ยังคงความเก๋าเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น กาลเวลาทำอะไรพวกเขาไม่ได้ Sour ของ Olivia Rodrigo เพลงป็อปที่จะหลายเป็นอัลบั้มในตำนานของวัยรุ่น GEN Z, Red (Taylor’s Version) ของ Taylor Swift อัลบั้มเก่าเล่าใหม่ที่คนที่ไม่เคยฟังก็ชอบ คนที่เคยฟังแล้วก็ยิ่งหลงรักมากไปกว่าเดิม และ Hot Sauce/Hello Future (Repackage) ของ NCT DREAM เพลงป็อปฟังง่ายที่มาพร้อมแนวดนตรีที่โตขึ้น สำหรับวัยรุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว
Song of the Year >> ครึ่งที่เห็น - UrboyTJ x Waii
Nominees :ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้ง - Tilly Birds / เพื่อนสัมพันธ์ - HYE / Angel Baby - Troy Sivan / My Universe - Coldplay x BTS / On the Ground - ROSÉ
Sidhipong W.
นอกจากเพลงที่เกี่ยวกับความรักและสื่อสารเกี่ยวกับการต่อสู้แล้ว ปีนี้ UrboyTJ (จิรายุทธ ผโลประการ) และ หวาย-ปัญญ์ธิษา เธียรประสิทธิ์ ก็ได้เลือกเล่าเรื่องผ่านบทเพลง “ครึ่งที่เห็น” ในโปรเจกต์ JOOX 100x100 SEASON 3 SPECIAL ที่พูดถึงเรื่องสภาพจิตใจที่ผ่านความบอบช้ำ โดยทั้งสองได้หันไปเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของการเป็นบุคคลสาธารณะซึ่งเป็นแง่คิดที่หลายคนอาจไม่ได้ผ่านหรือประสบด้วยตัวเอง แต่มันเป็นเรื่องราวที่ UrboyTJ และ หวาย ประสบมานานกว่า 10 ปีและเล่าให้พวกเราฟังได้อินสุดๆ จนเราอยากให้หลายๆ ศิลปินหยิบเรื่องราวมุมนี้ตัวเองมาเล่ามากขึ้น
ทางด้านของพาร์ทดนตรีเพลง “ครึ่งที่เห็น” ก็มาพร้อมกลิ่นอาย Kamikaze ที่มาพร้อมดนตรีป็อปที่บรรจงเรียบเรียงแต่ก็มีฟีลแง่บวกแฝงอยู่ภายใต้เรื่องราวที่เศร้า และเมื่อผลงานเพลง “ครึ่งที่เห็น” ถูกปล่อยออกมา ซาวด์ดนตรีก็กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาและก็เป็นที่ยืนยันว่าดนตรี Kamikaze ยังคงไม่เก่าและร่วมสมัยเสมอ
Song of the Year >> “Dive Into You” - NCT DREAM
Nominees: “LMLY” - Jackson Wang, “Every Summertime” - NIKI, “Leave The Door Open” - Silk Sonic
Jurairat N.
น่าเสียดายที่เพลง “Dive Into You” ของ NCT DREAM เป็นเพลงในอัลบั้ม เพราะส่วนตัวชอบมากจนอยากให้เป็นหนึ่งในเพลงไตเติลหรือได้รับการโปรโมตเยอะกว่านี้ เพลงป็อปอาร์แอนด์บีที่เหมือนจะฟังง่ายเพลงนี้มากับดนตรีคีย์ minor ที่ทำให้อารมณ์ของเพลงหม่นเหมือนก้อนเมฆสีเทาไปตลอดทั้งเพลง โดยเนื้อเพลงพูดถึงความรักเข้าขั้น “หลงไหล” แบบถอนตัวไม่ขึ้น รักจนอยากใกล้ชิดชนิดที่อยากใกล้เธอมากกว่าลมที่พัดผ่านเธอหรือแสงจันทร์ที่สาดส่องลงบนผิวแก้ม ทำให้เพลงนี้มีมิติของความรักที่มากกว่าเพลงรักทั่วไปอยู่มาก มีเสน่ห์ไม่เหมือนเพลงรัก K-POP ทั่วไป และแน่นอนว่าเป็นเพลงโปรดของเราทันทีที่ได้ฟังครั้งแรกเช่นกัน
เพลงอื่นๆ ที่ชอบ ได้แก่ “LMLY” ของ Jackson Wang เพลงซินธ์ป็อปสไตล์ ‘80s ร่วมสมัยที่ทำได้เท่มากๆ, “Every Summertime” ของ NIKI เพลงฟังกี้ป็อปที่ดนตรีท่อนแรกท่อนฮุคเปลี่ยนอารมณ์ของเพลงได้อย่างน่าสนใจ และ “Leave The Door Open” ของคณะ Silk Sonic เพลงอ่อยของผู้ชายที่ผู้หญิงฟังแล้วอ่อนระทวยกันไปทั้งบาง
Music Video of the Year >> illa illa - B.I
Nominees : Shiver - Ed Sheeran / ลู่วิ่ง - Tilly Birds / วันเกิดฉันปีนี้ - Three Man Down / อภิสิทธิ์ชน - Cocktail
Sidhipong W.
หลังจากที่ต้องเผชิญเรื่องราวต่างๆ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา B.I หรือคิมฮันบิน ได้กลับมาทำสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดอีกครั้ง อย่างการทำเพลงภายใต้ค่าย IOK Company โดยเพลงที่เขาทำออกมาได้โดดเด่นในปีที่ผ่านมาคือ “illa illa” ที่พูดถึงความเจ็บปวดและยากลำบาก ก่อนที่เนื้อหาช่วงท้ายจะสื่อถึงความหวังในการเริ่มต้นใหม่ และสิ่งที่ทำให้หลายคนสามารถเก็ทเรื่องราวเหล่านี้ได้ทันที ก็คือเอ็มวีแนว One Man Show ที่เราได้เห็น B.I ก้าวขึ้นจากทะเล และฝ่าฟันหลายๆ สิ่งจนกลับมาเดินหน้าต่อไปก่อนกลับมาทำสิ่งที่เขารักอย่างดนตรี ซึ่งถึงแม้จะเป็นเอ็มวีที่ดูเรียบง่าย แต่ถ้าเราสังเกตดีๆ จะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ B.I ต้องการสื่อและสังเกตเห็นความตั้งใจในรายละเอียดจุดต่างๆ ทั้งเอฟเฟกต์และการตัดสลับภาพ จนเรามองว่าผลงานนี้คือสิ่งที่ดีสุดในการที่ B.I จะบอกกับทุกคนว่า “เขากลับมาแล้วนะ”
Music Video of the Year >> Lil Nas X - MONTERO (Call Me By Your Name)
Nominees: The Weeknd - Save Your Tears / Higher Power - COLDPLAY / ROSÉ - On The Ground
Jurairat N.
หากคิดว่ามิวสิควิดีโอของศิลปินตะวันตกจะภาพกราฟิกสวยไม่เท่าฝั่ง K-POP, C-POP ล่ะก็ คิดผิดมหันต์เลยล่ะ เพราะเพลง “MONTERO (Call Me By Your Name)” ของ Lil Nas X จัดกราฟิกมาชนิดตาแตก ภาพเนียนคมกริบ สีสันทั้งพาสเทลละมุนตุ้นหรือจะแดงเถือกไปทั่วปฐพีราวกับโลกของแอนิเมชั่น เสื้อผ้าหน้าผมเหมือนหลุดออกมาจากหนังเรื่อง Avatar เรียกได้ว่าเขาอยากใส่ชุดอะไร ทำท่าทางแบบไหน อยากเนรมิตฉากอะไรก็ตามใจเต็มที่กันไปเลย จึงทำให้ได้เอ็มวีภาพสวยๆ ที่จะกดหยุดวินาทีไหนก็ทำเป็นภาพวอลเปเปอร์สวยๆ ได้หมด
นอกจากนี้ยังมีมิวสิควิดีโอ The Weeknd - Save Your Tears ที่สตอรี่ราวกับหนังแอคชั่น และตัว The Weeknd เองที่ลงทุนแต่งหน้าแต่งตาเป็นคนเจ็บเพื่อโปรโมตเพลงนี้ร่วมหลายเดือน, Higher Power - COLDPLAY งานกราฟิกในโลกเอเลี่ยนที่สวยจนอยากคารวะทีมกราฟิกอีกเพลง และ ROSÉ - On The Ground ที่คราวนี้ไม่เน้นกราฟิก แต่เน้นเซ็ตฉากจริง ไฟจริง ระเบิดจริง ลงทั้งทุน ลงทั้งแรงของจริงจนต้องบอก “สวย” ทุกนาทีเช่นกัน
Artist of the Year >> Brave Girls
Nominees : LISA / BTS / F.HERO / UrboyTJ / SARAN / Olivia Rodrigo / Troy Sivan /SILK SONIC
Sidhipong W.
สำหรับเราแล้ว เรื่องราวของวง Brave Girls เป็นเรื่องราวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคน เพราะก่อนหน้าปีนี้ พวกเธอเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ถึงแม้จะมีเพลงคุณภาพจากนักแต่งเพลง Brave Brothers แต่หลายๆ คนก็ไม่รู้จักพวกเธอ แถมต้องเผชิญความลำบากและการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยในปี 2021 เดิมทีคือปีที่พวกเธอตั้งใจแยกย้าย และมีสมาชิกที่เตรียมตัวผันตัวไปทำงานด้านอื่นแล้ว อย่างเช่น ยูนา ที่สนใจการเป็นบาริสต้า
แต่ทว่าต้นปี 2021 ก็ได้มีชาวเน็ตที่บอกเล่าเรื่องราวของวงผ่านวิดีโอเรื่องราวพวกเธอในมุมต่างๆ อย่างเช่นการเดินทางไปแสดงตามค่ายทหาร และในคลิปดังกล่าวก็มีเพลง “Rollin’” ของพวกเธอประกอบอยู่ จนทำให้ทั้ง 4 สาวต้องกลับมาเดินสายโปรโมทเพลงดังกล่าวอีกครั้งจนชนะรางวัลในรายการเพลง Inkigayo ซึ่งเป็นการคว้ารางวัลจากรายการเพลงหลังเมมเบอร์รุ่นปัจจุบันเดบิวต์มา 1,854 วัน และยังชนะถ้วยอีกหลายรายการ และทำ All Kill ติดชาร์ตอันดับ 1 แบบรัวๆ หลายรอบข้ามเดือน
หลังจากความสำเร็จดังกล่าว Brave Girls ได้กลับมาพร้อมผลงานชุดใหม่ที่มากับเพลง “Chi Mat Ba Ram” ที่ดังจนพวกเธอถูกหลายคนยกให้เป็น Summer Queen อีกกลุ่มของวงการเคป็อป รวมถึงได้ตระเวณออกรายการวาไรตี้ของเกาหลีอย่าง Knowing Brother และ Running Man จนหลายคนรู้จักพวกเธอมากขึ้น ซึ่งความสำเร็จตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้พวกเธอสามารถคว้ารางวัล KTO Break Out Artist จากเวที Mnet Asian Music Award 2021 และทำให้พวกเธอสามารถมีวางแผนจัดคอนเสิร์ต Brave Girls 1st CONCERT ได้ในช่วงปี 2022 เรียกได้ว่าเรื่องราวของ Brave Girls นั้นถ้าเป็นกราฟ ก็คงพุ่งแบบชันเกือบ 90 องศา และเชื่อว่าคงเป็นตำนานที่วงการเพลงไม่มีวันลืม
Artist of the Year >> BTS
Nominees: Taylor Swift / Justin Bieber / IU
Jurairat N.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปี 2019-2021 นี้เป็นปีของ BTS จริงๆ กราฟมีแต่จะยิ่งพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จากศิลปิน K-POP วงแรกที่ได้เข้าชิงรางวัล Grammy เป็นครั้งแร สู่การได้เข้าชิงรางวัลติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ความสำเร็จของเพลง “Butter” และ “Permission to Dance” ที่สานต่อมาจาก “Dynamite” ได้เป็นอย่างดี กระแสความนิยมไม่มีตก เดินหน้าทำลายสถิติแถบจะเป็นรายวัน ถูกเชิญไปร่วมงานระดับโลกมากมาย เช่น การได้เปิดการแสดงในห้องประชุม UN รวมไปถึงการได้รับรางวัลบนเวทีอเมริกาอย่างเต็มภาคภูมิด้วยรางวัล Artist of the Year จาก American Music Awards ที่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่า BTS ตีตลาดอเมริการวมถึงทั่วโลกได้สำเร็จอย่างไร้ข้อกังขา จนเราเชื่อว่าความฝันของสมาชิก BTS ที่อยากจะแสดงในช่วง Halftime Show จะเป็นจริงได้อย่างแน่นอน
ทางด้านของ Taylor Swift, Justin Bieber และ IU มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่ คือเป็นศิลปินรุ่นพี่ (ที่อายุก็ยังไม่เยอะ เพราะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย) ที่ยังสานต่อความสำเร็จของตัวเองด้วยผลงานเพลงดีๆ ออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาด แถมยังทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ศิลปินรุ่นหลังได้เป็นอย่างดีเช่นกัน