"ไมค์ ภิรมย์พร" ได้เวลาเกษียณตัวเอง เข้าใจสัจธรรม "ไม่มีใครยืน 1 ตลอดกาล" | Sanook Music

"ไมค์ ภิรมย์พร" ได้เวลาเกษียณตัวเอง เข้าใจสัจธรรม "ไม่มีใครยืน 1 ตลอดกาล"

"ไมค์ ภิรมย์พร" ได้เวลาเกษียณตัวเอง เข้าใจสัจธรรม "ไม่มีใครยืน 1 ตลอดกาล"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ไมค์ ภิรมย์พร" เปิดทุ่งนาต้อนรับทีมข่าว Sanook.com ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังเจ้าของฉายา "นักร้องขวัญใจผู้ใช้แรงงาน"แต่งกายเรียบง่ายใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีเขียวขี้ม้า กางเกงวอร์มสีดำ มีคราบฝุ่มเกาะกุมชุ่มเหงื่อ เริ่มต้นด้วยการเล่าย้อนภูมิหลัง

จากคนที่ติดลบ ไม่มีการศึกษา ไม่ได้เติบโตมาจากครอบครัวมีเงินมีทอง จากบ้านเกิดเมืองนอน จังหวัดอุดรธานี เข้ามาเสี่ยงดวงในเมืองหลวง "อดทน ดิ้นรน ต่อสู้" เดินตามฝันจนได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ค่ายแกรมมี่ โกลด์ ได้รับโอกาสจากสังคม ได้รับการสนับสนุนจนประสบความสำเร็จสูงสุดกับการเป็นนักร้อง นี่คือสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ

"สมัยก่อนอยากเป็นนักร้อง ไม่ใช่ว่าจู่ๆ เราเดินเข้าไปเป็นนักร้อง มันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ จับร้องเพลงเลย อัดลงยูทูบเลย ไม่ใช่" ไมค์บอกความแตกต่างที่เคลื่อนไหวไปตามกาลเวลา

"ก่อสร้างตามไซต์งาน ทำงานร้านอาหาร เด็กเสิร์ฟ เด็กรับรถ เด็กรับรถทำมาหมดแล้ว"

"ตรงไหนมีโอกาสใกล้คนบันเทิง ใกล้ครูเพลงก็แทรกตัวเข้าไปหา เสนอตัวรับใช้ รดน้ำต้นไม้ล้างรถ ถูบ้าน ล้าวถ้วยชาม"

"ไม่ต่างกับแม่บ้านคนหนึ่ง เศษทิชชู่ เศษก้นบุหรี่ เก็บล้างให้เข้าสะอาดหมดเลย ขอให้ท่านได้เมตตาพาไปเป็นนักร้อง"

"จนวันนึ่งเหมือนเราผ่านด่านพิสูจน์ความอดทน เพลง "ยาใจคนจน" ดัง เพลง "ละครชีวิต" ฮอตฮิต นับตั้งแต่นั้นก็ได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนาน"

ไมค์ บอกต่อว่า ปัจจุบัน (ธันวาคม 2564) เขามีอายุ 56 ปี ย่าง 57 ปี คิดว่าได้เวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะ "เกษียณตัวเอง" หลังจากใช้ชีวิตโลดแล่นในวงการบันเทิง เดินสายแสดงคอนเสิร์ต สร้างสรรค์เสียงเพลงมอบความสุขผู้ฟัง มาเป็นเวลากว่า 30 ปี

"เราต้องเข้าใจเรื่องของสัจธรรม ชีวิตคนเรามันมี ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือวงการไหนก็ตามแต่ มันมีอายุการใช้งานของมัน มีข้อจำกัด ถึงเวลาก็ต้องเกษียณลงมา"

"การเป็นนักร้อง สมัยตอนวันรุ่นโอเค กำลังสนุก ได้ขึ้นคอนเสิร์ต ร้องเพลงให้คนฟัง แฟนๆ ชื่นชมเราดีใจ แต่ตอนนี้อายุมากแล้ว จะไปโห่ เต้นแร้งเต้นกาเหมือนเด็กๆ มันไม่ใช่"

อย่างไรก็ตาม ไมค์ อธิบายคำว่า "เกษียณ" ของเขาในทีนี้ ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่จับไมโครโฟนร้องเพลงอีกเลยไปตลอดชีวิต หรือหายไปจากวงการ เพียงแต่การร้องเพลงน้อยลง และทำกิจกรรมอื่นมากขึ้น

ส่วนตัวได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้ามากว่า 2 ปีแล้ว "จะเกษียณจากการร้องเพลงอย่างไรให้มีความสุข" และตกผลึกที่การผันตัวมาทำ "อาชีพเกษตร" ทำเกษตรผสมผสาน บนผืนนา ที่หมู่บ้านดอนแตง ม.8 ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี

หากมีใครมองว่าการตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยู่ในช่วงขาลง เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่ไม่สามารถไปห้ามความคิดกันได้ แต่ก็อยากอธิบายให้เข้าใจแบบนี้

"คำว่าขาลง ขาต้องลงอยู่แล้ว จะไปยืนอยู่บนเวทียังไง อายุมากแล้ว คนฟังเขาต้องฟังเด็กใหม่ดิใช่ไหม ฟังเพลงใหม่ๆ"

"แต่ว่าเพลงเรายังอยู่บนหน้าปัด คนฟังเพลงเก่าๆ ยังมีอยู่ เพียงแต่มันไม่ได้หวือหวาเหมือนเมื่อก่อน ต้องเข้าใจและอย่าไปยึดติดเรื่องนี้เลยครับ"

"ก่อนที่เรามาเป็นนักร้อง เราก็คือชาวบ้านธรรมดา เป็นลูกชาวนา พอเป็นนักร้อง อาจจะมีเรื่องของมงกุฏมาสวม เป็นซุปตาร์ เป็นดารา แต่พื้นเพเรามาจากไหนเรารู้"

"วันนี้เราเดินลงสู่พื้นเพจากก้าวแรกที่เราเดินไปสู่เวทีตรงนั้นก็ไม่เป็นไร เท่ากับว่าเราเข้าใจเรื่องของการดำเนินชีวิต"

"สุดท้ายเนี่ย ไม่มีใครที่จะรักษาตำแหน่งได้ตลอดชีวิต ไม่มีใครรักษาอันดับ 1 ได้ตลอดชีวิต"

เจ้าของเสียงร้องเพลงอันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากมาย อาทิ "ยาใจคนจน", "ละครชีวิต", "เหนื่อนไหมคนดี", "ขายแรงแต่งนาง", "ผ้าขาวบนบ่าซ้าย", "กลับคำสาหล่า", "บุญผลา" แสดงให้เห็นว่า เขาเข้าใจสัจธรรมชีวิตอย่างท่อแท้

"นักกีฬาระดับแชมป์โลก ในขณะที่เขารักษาแชมป์ เขายังมีพละกำลัง วันหนึ่งเมื่อมีคลื่นลูกใหม่ขึ้นมา มีแชมป์คนใหม่ เขาต้องลงมาอันดับล่างๆ ไม่มีใครครองแชมป์ตลอดชีวิตอย่างแน่นอน"

ในการเปิดทุ่งนาต้อนรับครั้งนี้ ไมค์ ได้พาชมบริเวณรอบทุ่งนา พร้อมเล่าว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งใช้ปลูกบ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ทำเกษตรครบวงจร ขุดบ่อเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ปลูกข้าว ปลูกผักผลไม้ และเริ่มปลูกทุเรียน สร้างบ่อปูนเลี้ยงกบ ปลาดุก เอาไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ หากใครสนใจก็สามารถมาศึกษาดูงานได้

นอกจากนี้ได้สร้างรูปปั้นพญานาค เจ้าปู่ขุนแก้ว ศรีสุนโธนาคราช และแม่ย่านาคีปทุมมาเทวี เนื่องจากเป็นคนนับถือองค์เจ้าปู่ศรีสุนโธนาคราช และแม่ย่านาคีปทุมมาเทวี เพราะเป็นชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่ตั้งเกาะคำชะโนด โดยกำเนิด

ไมค์ ภิรมย์พร ซึ่งมีชื่อจริงว่า พรพิรมย์ พินทะปะกัง บอกอีกว่า การเกษตรของเขายึดหลัก "ทำเองกินเอง" จึงเน้นเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่ยาฆ่าแมลง ไม่ใช่สารเคมีเร่งผลผลิต "ได้แค่ไหนแค่นั้น"

เมื่อได้ผลผลิตมากกินไม่ทันก็นำไปวางขายที่ "ที่แซ่บไมค์แลนด์" ที่ตั้งใจทำขึ้นมาให้เป็นแลนด์มาร์ควิถีคนอีสาน นอกจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาร้า จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าโอท็อป ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพขาขึ้นจาก จ.อุดรธานี ไป จ.หนองคาย อยู่ติดกับ "เฮือนอ้ายไมค์" ที่เปิดให้บริการที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟ

"ก่อนหน้าโควิดมีงานคอนเสิร์ตต่อเนื่อง แต่ตั้งแต่โควิดระบาดงานทุกอย่างเลื่อนไปเรื่อยๆ จนยกเลิก แต่ก็มีบางงานไม่ยก เจ้าภาพบอกว่ายังไงต้องจ้างไมค์มาเล่นคอนเสิร์ตให้ได้สักครั้งในชีวิต"

"ทำให้มีเวลามาพัฒนาผืนนาเพิ่มเติม ต่อยอดอาชีพทางการเกษตรซึ่งมาจากจิตวิญาณ จิตสำนึกที่เราเดินเคียงบ่าเคียงไหล่พ่อแม่ สมัยเป็นเด็กทำไร่ทำนา และเรารู้ว่าเราเป็นคนอีสาน เราคิดว่าสักวันหนึ่งเราต้องกลับมาพัฒนาบ้านเรา"

"ไปศึกษากับนักวิชาการ ถามคนที่เขาทำประสบความสำเร็จ ค่อยๆ ทำ ล้มเหลวบ้าง ลองผิดลองถูก ในนี้มีมะนาว มะม่วงน้ำดอกไม้ มะพร้าวน้ำหอม ถัวฝักยาว แตงกวา น้ำเต้า บวบ ฟักทอง ไม่ฉีดยา"

"เรื่องอะไรจะเอาสารพิษเข้าร่างกาย ไม่จำเป็นต้องเร่ง แค่ไหนแค่นั้น ได้มากก็เอาไปขาย คนที่เขาผ่านไปผ่านมา ซื้อไปบริโภคก็ปลอดภัย ใช้สารเคมีนอกจากทำลายตัวเองแล้วยังไปทำร้ายผู้อื่นด้วย"

ท้ายการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ไมค์บอกว่า ในวันที่เขาคิดว่า ได้เวลาเหมาะสม ที่จะเกษียณตัวเองจากการร้องเพลงแล้ว ถือว่าเป็น "การเกษียณอย่างมีความสุข"

ตื่นเช้าขึ้นมาได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้กินอาหารที่ปรุงมาจากวัตถุดิบที่มีในทุ่งนาของตัวเอง ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ได้เดินชมสิ่งที่ตั้งใจทำงอกงาม สานต่ออาชีพพ่อแม่สร้างเอาไว้ให้ตั้งแต่เด็ก รายได้เลี้ยงตนเอง ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน และต่อยอดสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่อยากทำเกษตรเข้ามาสอบถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

อนาคตหลังจากนี้ อาจจะจัดกิจกรรมนำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มาบวกกับการเกษตร เช่นชวนแฟนเพลงมาอยู่ในท้องไร่ท้องนา ปลูกผัก ทำอาหารจากวัตถุดิบที่เรามี สังสรรค์ร้องเพลงให้ฟังกันเบาๆ แบบมินิคอนเสิร์ต

อยากฝากถึงนักร้องรุ่นหลัง อายุของการเป็นนักร้องมีข้อจำกัด ควรวางแผนชีวิตเอาไว้ ด้วยอายุและวัยมากขึ้น ผู้บริโภคเปลี่ยนไป แนวเพลงเปลี่ยนไป จะดำเนินชีวิตอย่างไร โดยที่เราไม่ได้หายไปไหน

แบบที่เราไม่จำเป็นต้องทิ้งอาชีพที่ทำให้เราประสบความสำเร็จมีวันนี้ได้ แต่สามารถนำมาต่อยอดได้ เพราะสายใยรัก สายใยผูกพัน ที่เรามีต่ออาชีพที่ทำให้เรามีกินมีใช้ มีคนรักอย่างกว้างขวาง ตัดกันไม่ขาดแน่นอน

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ ของ "ไมค์ ภิรมย์พร" ได้เวลาเกษียณตัวเอง เข้าใจสัจธรรม "ไม่มีใครยืน 1 ตลอดกาล"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook