ส่อง 9 เพลง K-POP เดบิวต์ประจำปี 2021 | Sanook Music

ส่อง 9 เพลง K-POP เดบิวต์ประจำปี 2021

ส่อง 9 เพลง K-POP เดบิวต์ประจำปี 2021
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2021 เป็นอีกปีที่วงการ K-POP เปิดตัวศิลปินใหม่จากหลายค่ายออกมาสู่สายตาประชาชน ไม่ว่าจะเป็นวงบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป หรือโซโล่ แน่นอนว่านอกจากรูปร่างหน้าตาและความสามารถของตัวศิลปินเดี่ยวแล้ว เพลงที่ใช้ในการเดบิวต์ก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น



Billlie

วงน้องใหม่จากค่าย Mystic Story ที่เปิดตัวมาด้วยเพลงที่แสนจะยูนีค ฟังแล้วผู้เขียนถึงกับนั่งเงิบตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งถ้าดู MV ไปด้วยก็ต้องบอกเลยว่าตกใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เพลงขึ้นเนื่องจากมันช่าง contrast กับเสียงนกร้องและภาพธรรมชาติเสียเหลือเกิน

Ostinato หรือทำนองที่เล่นซ้ำๆ อยู่ตลอดทั้งเพลงเป็นการใช้ขั้นคู่ความห่าง tri-tone ที่ฟังแล้วก็หลอน น่ากลัว ผนวกกับการเลือกใช้เสียงที่ดุดันรุนแรงเหมือนไซเรนมันเลยยิ่งออกมาดูอันตราย แต่แล้วกลับมีเสียงซาวด์น่ารักๆ กุ๊งกิ๊งพร้อมกับร้องลาลาลา อ้าวเห้ย อะไรเนี่ย ทำไมฟังแล้วมันแอบโรคจิตซะงั้น

ท่อน Pre-chorus แสนจะเท่ห์ พอเข้าท่อนฮุคดันสดใสร่าเริงเฉย แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็มีความหม่นดาร์คแทรกเข้ามาอีก ทำนองร้องหลักที่ฟังแล้วเดาว่าจะไปที่โน้ตตัวนึงกลับไปที่อีกโน้ตตลอด มีการสลับสีสันและอารมณ์ของเพลงบ่อยมาก ไม่พอมันยังเป็นการสลับในระหว่างช่วงท่อนนั่นยิ่งทำให้เพลงนี้เต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เป็นเพลงที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ราวกับว่าตัวดนตรีและทำนองเป็นความคิดสองขั้วฝั่งขาวและดำตีกันแข่งกันไปมา ท่อน dance break ก็วุ่นวายเต็มไปด้วยหลากองค์ประกอบที่มีแม้กระทั่งเสียงเครื่องสายจนแทบจะให้ฟีลคล้ายกับมีวงออร์เคสตราแบ็คอัพอยู่ด้วย สุดจริงๆ


Xdinary Heroes

สุขสันต์วันตาย เพลงเปิดตัวของ Xdinary Heroes จากค่าย JYP Entertainment ที่มั่นใจว่าจะต้องเป็นที่จดจำไปอีกยาวนานของใครหลายคน วงแบนด์ที่เรียกได้ว่าคลานตามรุ่นพี่อย่าง Day6 กันมาเลยด้วยความสามารถที่ล้นเหลือของสมาชิกทั้ง 6 คน

ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ฟังเพลง Happy Death Day นี่ถึงกับร้องว่าโอ้โห อื้อหือ ตั้งแต่ต้นยันจบแบบไม่มีที่ให้หยุดพักเลยทีเดียว ตลอดเพลงเต็มไปด้วยความน่าสนใจและสารพัดลูกเล่นที่ทำให้เพลงนี้มีความยูนีคไม่เหมือนใคร มันทั้งหลอนและเท่ห์ไปในเวลาเดียวกัน เป็นการนำทำนองเพลง Happy birthday มาปรับเปลี่ยนโน้ตเล็กน้อยแต่สร้างอารมณ์ที่แตกต่างราวกับสวรรค์และนรกงั้นเลย

ตอนต้นของเพลงนี้ขึ้นมาผู้เขียนเมื่อได้ฟังแล้วก็ทำให้นึกถึงเพลง Funeral March ของ Chopin

การเลือกใช้ tri-tone ขั้นคู่ความห่างของโน้ตที่มีความน่ากลัว สื่อถึงปีศาจ สิ่งที่อันตราย และไหนจะยังการเคลื่อนที่ของโน้ตหลายๆ จุดที่ทำให้เกิดบรรยากาศหลอนมันช่างเข้ากับเนื้อหาของเพลงที่กล่าวถึงความตาย แถมจุดที่เรียกได้ว่าฉลาดสุดๆ ก็คือการใช้ silence หรือความเงียบและการลงจังหวะหนักให้ห่างกันจนทำให้เพลงเหมือนจะช้าลงสลับไปมาตลอดทั้งเพลงได้อย่างลงตัว จากเพลงที่ฟังสนุกอยู่แล้วกลับกลายเป็นมี dynamic ที่แตกต่าง มีการบาลานซ์ให้เพลงไม่หนักหรือเบาจนเกินไปและออกมาเป็นเพลงที่กลมกล่อมลงตัวพอดี


EPEX

บอยแบนด์วงที่ 2 จากค่าย C9 Entertainment ที่เดบิวต์มาด้วยเพลง ‘Lock Down’ อันแสนดุดันหนักแน่น เรียกได้ว่าปังทั้งศิลปิน ทั้งเพลง และเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารออกมาเลยทีเดียว

ดนตรีเต็มไปด้วยบรรยากาศอันตรายจากเสียง Synthesizer ที่มีความแหลมคม ทิ่มแทงเล่นโน้ต tri-tone ที่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ปลอดภัยต้องคอยระแวดระวัง ไม่ต่างไปจากสังคมบนโลกโซเชียลในปัจจุบัน เจ้าเสียงนี้ก็คงอยู่เกือบจะแทบตลอดเพลงเลย และจะว่าไปเสียงทำนองอันนี้มันแอบมีความเพี้ยนนิดหน่อยด้วยซึ่งนั่นแหละยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่มั่นคง โดยเฉพาะในท่อนฮุคที่ถูกปรับให้มีความเพี้ยนมากกว่าเดิมไปอีก โอ๊ย ฟังแล้วก็เครียดไม่น้อยเลย นี่แหละความบิดเบี้ยวของโลกใบนี้ที่ถูกนำเสนอผ่านทางดนตรี

จาก Verse ไป Pre-chorus ทำเอางงเป็นไก่ตาแตก หลังจากนั้นเข้าสู่ Chorus ก็ช็อกอีกรอบ แต่ที่สุดก็คงต้องท่อน Bridge ที่ทำเอาหูละลาย เรียกได้ว่าทุกการเปลี่ยนท่อนมันช่าง contrast แตกต่างชนิดที่เหมือนเป็นคนละเพลง แต่ถ้าหากอ่านคำแปลเพลงก็จะเข้าใจว่าตัวดนตรีมันช่วยส่งเสริมในการสื่อสารเป็นอย่างมาก

อีกสิ่งที่ทำให้เพลงนี้มันแสนจะน่าอึดอัดก็คือความเงียบในช่วงเปลี่ยนผ่านท่อน โดยเฉพาะก่อนเข้าท่อนฮุคที่ทุกอย่างเงียบสนิทไร้ซึ่งสรรพเสียงจริงๆ ช็อตนั้นมันทำให้เราเต็มไปด้วยความสงสัย ต้องการคำตอบ อยากจะออกไปจากจุดนั้น โหยหาดนตรีให้กลับมาอีกครั้ง จะว่าไปก็คงเหมือนกับช่วงล็อกดาวน์ที่เราต้องขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปเจอผู้คนและโลกภายนอกเลย


Kingdom

7 กษัตริย์จาก 7 ดินแดน เป็นอีกวงที่เดบิวต์มาพร้อมกับเรื่องราวให้แฟนคลับได้ติดตาม เพลงเปิดตัวเพลงแรกเองก็เป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในเมมเบอร์ที่ชักดาบเอกซ์คาลิเบอร์จากก้อนหินจนได้กลายเป็นกษัตริย์ 

ซึ่งตัวดนตรีของเพลง Excalibur บรรยายถึงความยิ่งใหญ่อลังการของกษัตริย์และความทรงพลังของเจ้าดาบนี้ได้ตั้งแต่ต้นเพลงที่เปิดมาด้วยเสียงร้องประสานเสียงราวกับกำลังทำพิธีอยู่ในโบสถ์ แล้วไหนจะเสียงของเครื่องสายที่เข้ามาช่วยบิ๊วอีก เพลงผ่านไปสักพักมีทั้ง Synthesizer เปียโน แล้วยังจะมีออร์แกนอีก อื้อหือ สมชื่อคิงจริงๆ

สิ่งที่พีคของเพลงนี้มีเยอะมากจนไม่รู้เลยว่าจะเขียนถึงอะไรบ้างดี ที่แน่ๆ คือทำนองมีความแปลกหู เกินคาด ส่วนการเลือกใช้คอร์ดก็หลุดออกจากกรอบแนวทางการเดินคอร์ดแบบทั่วไป ตัวทำนองกับคอร์ดในหลายจุดถึงขั้นขัดกันแต่ก็ดันไปด้วยกันได้ harmony เสียงประสานอลังการงานสร้างมากจนงง (โดยเฉพาะท่อน bridge) แล้วไหนจะยังการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของสไตล์เพลงในทุก section มีตั้งแต่ท่อนที่ฟังดูโบราณ บางท่อนขลัง เหงา เศร้า มืดหม่น สดใส ชัยชนะ หรือจะหลุดไป dubstep ทันสมัยแบบสุดๆ ก็มี เรียกได้ว่าหลากหลายและเล่าเรื่องราวได้อย่างน่าติดตาม


IVE

หนึ่งในรุกกี้ที่น่าจับตามองที่สุดของปี 2021 การันตีด้วยรางวัลจากหลายสเตจหลังจากเดบิวต์ได้เพียงไม่กี่วันและยอดวิว MV ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Ive ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างและสามารถตกแฟนๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากความสามารถและความมีสเน่ห์ของศิลปินแล้ว เพลง Eleven ก็สุดแสนจะ iconic จนเป็นที่กล่าวถึงฮอตฮิตสุดๆ ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉาพะท่อน  Pre-chorus ที่มีแต่คนทักมาหาผู้เขียนว่าต้องไปฟังนะ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เกิดอะไรขึ้น อธิบายไม่ได้ แต่มันสุดยอดจริงๆ เมื่อผู้เขียนได้ฟังก็แทบจะกรี๊ดออกมาดังๆ มานี่มันเจ๋งมาก! ช่วง 2 ห้องสุดท้ายของ Pre-chorus มีการเปลี่ยนจังหวะอย่างกะทันหันจาก 120BPM ไปเป็น 103BPM แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แค่อยู่ดีๆ ก็ช้าลงไปเลยทั้งที่กำลังอยู่ในท่อนบิ๊ว เล่นเอาคนที่กำลังเตรียมโยกสุดตัวต้องเบรคกันหัวทิ่ม แล้วนึกจะกลับมาจังหวะเดิมก็เปลี่ยนมันซะจังหวะสุดท้ายก่อนเข้าท่อนฮุค เอ้า เห้ย งง

เพลงนี้มีส่วนผสมของดนตรีที่น่าสนใจมากเลย จากตอนต้นที่ขึ้นมาด้วยเสียงกีตาร์หลังจากนั้นมีเครื่องกระทบอีกหลายอย่างที่ทำให้เพลงมีกลิ่นอายความเป็นละติน บางช่วงออกเป็นอาหรับ แต่ยังมีทำนองร้องอีกหลายท่อนที่สดใสมากจนงง ไม่แปลกใจเลยที่คนจะชอบเพลงที่ฟังสนุกขนาดนี้

จะว่าไปตอนต้นของเพลงนี้ขึ้นมาปั๊บก็รู้สึกว่าเตะหูทันที น่าสนใจ ฟังแล้วก็แอบทำให้นึกถึงเพลง Rum Pum Pum Pum ของ f(x) ด้วย


Wendy

การกลับมาของเวนดี้ Red Velvet ที่ห่างหายจากสายตาเหล่าแฟนคลับไปนานเป็นปีหลังจากประสบอุบัติเหตุระหว่างเตรียมการแสดง อัลบั้มเดี่ยวของเวนดี้ที่ถูกปล่อยออกมาจึงเรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับยาใจที่ช่วยปลอบประโลมทุกคนให้มีความสุขไปกับเสียงร้องเปี่ยมคุณภาพของเธอ

"Like Water" เป็นเพลงที่มาถูกช่วงจังหวะเวลาในตอนที่โลกเต็มไปด้วยความเหงา ความเศร้า และเจ็บปวดจากเหตุการณ์มากมาย เพลงนี้จึงเป็นสายน้ำแห่งดนตรีที่ช่วยชะล้างเอาความทุกข์ทรมานออกไปและเติมเต็มความสดชื่นให้กับผู้ที่ได้ฟัง องค์ประกอบทางดนตรีแต่ละอย่างมีความเป็น acoustic มีเสียง Synthesizer เล็กๆ และเครื่องสายที่บรรเลงเคลื่อนที่สไลด์ไปมาทำให้เราสามารถจินตนาการได้ถึงภาพของสายน้ำไหล

และไม่ต้องพูดถึงวิธีการร้องของเวนดี้ที่ผู้เขียนขอยอมรับตรงๆ เลยว่าเกินคาดมาก ด้วยความที่เราเคยชินกับเวนดี้ที่มักจะเปล่งเสียงออกมาอย่างทรงพลังตลอด รับหน้าที่เมนโวคอลกรีดร้องไฮโน้ตในเพลงของ Red Velvet อยู่เสมอ แต่เพลงนี้มันกลับนุ่มนวล ฟังสบาย ผ่อนคลาย แสนจะอบอุ่น การเคลื่อนที่ของโน้ตที่ใช้วิธีการสไลด์แทนการเปลี่ยนอย่างฉับพลัน แต่ละการเชื่อมต่อมัน smooth ไปหมด ทุกเสียงที่เปล่งออกมาผู้เขียนเชื่อว่ามันผ่านการคิดแล้วว่าต้องการจะสื่อสารออกมาในรูปแบบไหนที่ให้เหมาะสมกับเพลงนี้ที่สุด


BamBam

แบมแบมจากวง GOT7 เปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายต้นสังกัดมาอยู่กับ Abyss company เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2021 กับเพลงไตเติ้ลสุดน่ารักที่นำเสนอความขี้เล่นของเขาได้เป็นอย่างดี

เป็นเพลงที่ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะถูกบันทึกอยู่ในเพลย์ลิสต์ของใครหลายคนเพราะความน่ารักสดใส ฟังสบาย ไม่ว่าจะเมื่อไรหรืออยู่ที่ใดก็สามารถกดเปิดฟังได้ การใช้คอร์ดแค่เพียงไม่กี่คอร์ดวนไปมาตลอดทั้งเพลง ทำนองที่ไม่ได้หวือหวามาก มันทำให้คนฟังสามารถฟังและทำความเข้าใจได้ง่าย เป็นการเสพอย่างไม่ต้องคิดอะไรเยอะ

แต่ที่จริงเพลงนี้มีหลายอย่างที่น่าสนใจมากในมุมมองของผู้เขียน เริ่มมาตั้งแต่ตัวคอร์ด 4 คอร์ดหลักที่ใช้ในเพลงที่มันค่อนข้างจะมีสีสันที่เฉพาะตัว จะว่าแปลกก็ไม่ขนาดนั้น แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในกรอบการใช้คอร์ดที่เรามักเจอกันบ่อยในเพลงป๊อปส่วนใหญ่ ตอนฟังครั้งแรกผู้เขียนเองก็มีงงเหมือนกันนะว่าแต่ละคอร์ดมามันเรียงต่อกันลงตัวขนาดนี้ได้ยังไง อาจจะต้องชื่นชมคนแต่งที่เขียนทำนองออกมาได้น่าฟังและทำให้เพลงมันกลมกล่อมขนาดนี้

นอกจากนี้ยังเป็นเพลงที่มีลูกเล่นล้านแปดสอดแทรกอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีช่วงไหนเว้นว่างเลย ทำนองกระโดดสลับไปมาจากแนวร้องเป็นพูดคำศัพท์ต่างๆ เสียงตะโกน เดี๋ยวเงียบ มีเพิ่มลดเครื่องดนตรีไม่เคยซ้ำ เดี๋ยวมีซาวด์นั้นนี้ แทรกเอฟเฟคต่างๆ และบีตสารพัดรูปแบบ จัดเต็มความสนุกสนานกันแบบสุดๆ มันเลยกลายเป็นเพลงที่ฟังกี่ครั้งก็ยังตื่นเต้นได้อยู่ตลอดอย่างไม่รู้จักเบื่อ


LISA

สาวน้อยสุดอัศจรรย์ ลลิษา มโนบาล กับเพลงเปิดตัวโซโล่อันยิ่งใหญ่ "LALISA" เพื่อประกาศศักดาให้ทั้งโลกได้รับรู้ถึงตัวตนของเธอ

ผู้เขียนเคยมีโอกาสได้เขียนบทความวิเคราะห์รายละเอียดของเพลงนี้ไปแล้ว เวลาผ่านไปหลายเดือนแต่เพลงนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมชนิดที่ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน เข้าร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของ เปิดวิทยุคลื่นเพลงต่างประเทศก็มักจะได้ยินเพลงเพลงนี้จนทำให้การันตีได้ว่าสิ่งที่ลิซ่าต้องการจะสื่อสารนั้นมันถูกส่งไปถึงคนในวงกว้างจริงๆ

ตัวดนตรีที่บ่งบอกถึงความเป็น BLACKPINK ทั้งบีตที่แข็งแกร่ง ซาวด์เอฟเฟคสนุกสนาน ท่อนแร็ปรัวเร็ว ทำนองท่อนฮุคที่มีกิมมิคติดหูจำง่าย (เรียกว่า earworm เอาออกจากหัวไม่ได้เลยดีกว่า) มีช่วงสลับไปเป็นท่อนที่สดใสคล้ายกับเพลง "Ice Cream" และท่อนชุดไทยที่เรียกได้ว่าเป็น Talk of the town กับดนตรีที่มีกลิ่นอายอาหรับตามสไตล์ของโปรดิวเซอร์คุณ Teddy ใครจะเชื่อว่าสารพัดรูปแบบดนตรีแต่กลับถูกถ่ายทอดออกมาด้วยตัวลิซ่าเพียงคนเดียวได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามีทั้ง Black ทั้ง Pink และ Lalisa อยู่ในเพลง ผู้เขียนขอซูฮกให้กับความสามารถของศิลปินจริงๆ


D.O.

"Rose" บทเพลงจาก ดีโอ แห่งวงบอยกรุ๊ป EXO ซึ่งถูกปล่อยออกมาหลังจากที่เจ้าตัวได้กลับมาจากการรับใช้ชาติเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งหากพูดถึงดีโอในฐานะนักร้องแล้วผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนก็จะนึกถึงสไตล์การร้องที่ทรงพลัง R&B ตามแบบฉบับอาจารย์ยูยองจิน แต่เพลงนี้กลับนำเสนอมุมมองใหม่แบบที่หลายคนคาดไม่ถึง

ตัวดนตรีที่สุดแสนจะ minimal กับเสียงจากกีตาร์ เบส เสียงร้องประสาน Background vocals และแนวทำนองหลักที่เน้นไปทางฟังสบาย น้อยแต่กลับมากด้วยลักษณะของจังหวะและการจัดวางแนวดนตรีต่างๆ ที่ค่อนข้างจะ complex ตั้งแต่เริ่มต้นเพลงที่จังหวะไม่สามารถจับทิศทางได้โดยง่าย การเปลี่ยนคอร์ดในช่วง pre-chorus ที่ไม่ลงในจังหวะหลัก แถมยังคร่อมและขัดกันไปมา ไหนจะท่อน Chorus ที่มีแค่เพียง 7 ห้องเพลงจนเหมือนอะไรมันหายไป (ปกติต้องมี 8 สิ)

สิ่งที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษในเพลงนี้ก็คงหนีไม่พ้นบรรยากาศความชิล ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญคือเสียงกีตาร์ที่จะสังเกตได้ว่ามีความสมจริงมาก มีเสียงสอดแทรกจากการรูดสาย การกระแทกของเสียง เสียงบอดเล็กน้อย ซึ่งความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านี้นี่เองที่สื่อถึงความเป็นมนุษย์ ความเรียลที่ฟังแล้วเหมือนกับมีคนกำลังนั่งเล่นกีตาร์จริงๆ อยู่ตรงหน้าเราในช่วงเวลาสถานการณ์ที่ผู้คนต่างโหยหาดนตรีสด มันช่างฮีลใจได้เป็นอย่างดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook