58 ปี "ศิริพร อำไพพงษ์" อยู่แบบที่ไม่รู้สึกว่า "เราดี เด่น ดัง" | Sanook Music

58 ปี "ศิริพร อำไพพงษ์" อยู่แบบที่ไม่รู้สึกว่า "เราดี เด่น ดัง"

58 ปี "ศิริพร อำไพพงษ์" อยู่แบบที่ไม่รู้สึกว่า "เราดี เด่น ดัง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ศิริพร อำไพพงษ์" นักร้องลูกทุ่งหมอลำชื่อดัง เปิดบ้าน ใน หมู่บ้านดอนกลอย ต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ต้อนรับทีมข่าว Sanook.com ให้สัมภาษณ์พิเศษ อัปเดตการดำเนินชีวิตในวัย 58 ปี

เจ้าของเสียงร้องเพลงดังอมตะหลายเพลง อาทิ "โบว์รักสีดำ", "ปริญญาใจ" เล่าว่า เธออยู่แบบที่ไม่รู้สึกว่า "เราดี เด่น ดัง" ทำประโยชน์ตอบแทนสังคม ที่ให้เธอมากมาย จากคนบ้านนอกคอกนาก้าวขึ้นมาเป็นดาวประดับวงการเพลง โดยไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่หวังให้ใครมากย่องว่า "เป็นคนดี" ไม่ยึดติดกับชื่อเสียง และความสำเร็จในอดีต

ใช้ชีวิตติดดินเรียบง่าย ไม่กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จนทำให้ปัจจุบันยุ่งเหยิง ยอมรับและเข้าใจว่า โลกวันนี้เป็นโลกของเด็กรุ่นใหม่ ไม่คิดจะไปแข่งเต้นแข่งโชว์ สมองไหลไปร้องเพลงแนวที่ตนเองไม่ถนัด ขัดหูขัดตาแฟนเพลงที่รักและศรัทธากันมาเหนียวแน่นนมนาน

"ตอนนี้เป็นยังไง มันก็สุขสบาย สบายใจ" ศิริพร หรือ พี่นาง ของแฟนๆ บอกก่อนเผยยิ้มเบาๆ "จดจำคำพ่อแม่เอาไว้อยู่ คำพระสั่งสอน ขันติได้ขันแตก
พ่อเคยพูดเสมอว่า อย่าไปยึดติดกับความดัง มันมีวันลดมีวันจางไป"

"งานก็ไม่เหมือนแต่ก่อน ไม่ไปวิ่งแข่งกับเด็กอ่ะ กับลูกกับหลานอ่ะ จะไปแข่งเต้นโชว์ แข่งกับเด็กมันก็ไม่ใช่นะ มันเป็นคนละยุค ตอนที่ยุคของศิริพร ของเดือนเพ็ญ อำนวยพร ของ จินตหรา พูนลาภ อีกแบบนึงนะ ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเพลงอะไรบ้าง"

"พี่นางไม่อาจจะรู้ได้ว่าเพลงอะไร มันเป็นเพลงอะไรที่เขาร้องทุกวันนี้ ว่าเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นยุคของเขาเราก็ฟังนะ โลกมันก้าวกระโดด ไม่เคยคิดว่าจะมีการไลฟ์สดลำเรื่องต่อกลอน ทุกวันนี้ทุกคนเป็นดาราหมดนะ"

"ไม่ใช่คนนี้ดารา คนนี้ดารา คนนี้นักร้อง ไม่ใช่แล้วครับ ทุกคนเท่าเทียม ทุกคนเป็นนางแบบ เป็นดาราเป็นนักไปหมดแล้ว ไม่ต้องอาศัยบริษัทด้วย เพียงแต่ว่าใครจะดังกว่ากัน ใครจะมีบุญทางนี้กว่ากัน"

ศิริพร เล่าต่อว่า ตลอดชีวิตการเป็นนักร้อง เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตทั่วฟ้าเมืองไทย มาเกือบ 3 ทศวรรษ เงิน 50 ล้าน มีแน่นอน แต่ก็ไม่เคยคิดทิ้งชีวิตติดดิน อัพเกรดตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมชั้นสูง มีเงินก็เก็บ ไม่ประมาท คิดอยู่เสมอว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้

ยกตัวอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะมีโรคอุบัติใหม่ ผู้คนทั่วทุกมุมโลกได้รับความเดือดร้อน ในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ธุรกิจล้มละลาย จากมหาเศรษฐีกลายเป็นคนจน บางคนทนพิษบาดแผลไม่ไหวคิดสั้นฆ่าตัวตายไปก็มี

"ในการใช้ชีวิต บางคนก็บอกว่าแบบนี้สบาย ฉันจะทำแบบนี้ฉันจะทำแบบนั้น แต่ในส่วนตัวพี่นางเนี่ย เราไม่ประมาทในชีวิตจะดีที่สุด มีน้อยเราใช้น้อย มีมากเราก็เก็บ เอาเท่าที่พอเพียง"

"ที่ไร่ที่นาเราก็มีอยู่แล้ว พี่นางทำนา ปลูกผัก มะละกอ มะพร้าว มะม่วง ได้อยู่ได้กิน ไม่ต้องซื้อผัก เม็ดแมงลัก ผักอีตู่บ้านเฮา สะระแหน่ หอมป้อม (ผักชี) หอมเป (ผักชีฝรั่ง) ผักชีลาวผักชีไทย ไม่ต้องซื้อเลย ได้กินของดีด้วย"

ศิริพร ซึ่งได้รับการขนานามว่า "นักร้องสายบุญ" จากการทุ่มสร้างวัด เล่าต่อว่า ผลผลิตทางการเกษตรที่ออกดอกออกผล ในท้องไร่ท้องนาของเธอนั้น กว่าครึ่งขนไปไว้ที่วัดป่าสว่างธรรม หรือ วัดศิริพร อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอมากนัก เดินทางด้วยรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ใช้เวลาราว 5-10 นาทีก็ถึง เพื่อแบ่งปันคนยากคนจน

"พี่ทำนา พี่ก็แบ่งวัดคนละครึ่งนะ ขนไปให้เลยที่วัด มันยังไงล่ะ มัน คนทำบุญ มันไม่อดไม่อยากอะไรอ่ะ คนเอามาบริจาคให้ ก็เอาไปที่วัด ให้คนงานได้กิน
คนจนๆ เขาก็มีปากท้อง ครอบครัวเขาก็มี"

"พี่นางไม่ได้มีลูก ไม่ได้มีครอบครัว ถ้าเราไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ดิ้นรนหาเงิน หาเช้ากินค่ำ ปากกัดตีนถีบอย่างเนี้ย พี่นางว่ามันก็สมบูรณ์ในรูปแบบของพี่นาง ตื่นเช้าทำอาหารเช้าไปใส่บาตร ก็สุขตามวิถีคนชนบท"

ศิริพร ที่ได้รับรางวัลยกย่อง "คนดีศรีอีสาน" ประจำปี 2561 จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เล่าทิ้งท้ายการพูดคุยในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมาเธอเคยตั้งมูลนิธิ ศิริพร อำไพพงษ์ ช่วยเหลือผู้ป่วย คนยากคนจนแล้ว ยังอุปถัมภ์เด็กที่ยากจนและยากไร้ ให้ได้รับการศึกษามาแล้วหลายคน หลายรุ่น ทำมาต่อเนื่องตั้งแต่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากเพลงโบว์รักสีดำ มาจวบจนถึงปัจจุบันนี้

"ตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือเรียนน้อย อยากให้ทุนเรียน ให้เขาได้ทุนเรียน เดือนละ 2 พันบ้าง 3 พันบ้าง ไม่ใช่ 5 รุ่นแล้วเหรอ ส่งไปเรื่อยๆ กว่าเขาจะนั่นได้ ก็รันไปเรื่อยๆ คนนี้เรียนจบแล้ว ก็มีคนใหม่มา"

"ตอนนี้มี 6 คน ก็ 6 พัน ที่ส่งเสียอยู่ เสื้อผ้า ข้าวสาร ก็มาเอาได้เลย หนังสือก็ให้ไปเยอะ ซื้อให้เป็นชุดๆ เลย ถ้าไม่มีก็บอก หนังสืออะไรที่ต้องเรียน เขาก็มารับ ทุกเดือนๆ"

"คนที่เขามีอันจะกินแล้ว เขาไม่มาหาเรา แต่คนที่แม่ตายพ่อตาย หรือแม่ตาบอด แม่หูตึง แม่พิการ อันนี้พี่นางให้หมดนะ เชื่อไหมล่ะว่ามันเป็นความสุข ถามว่ามากมายไหม ในการที่ช่วยน้องๆ ก็ไม่ได้มากมายอะไร"

"เราส่งไปแล้วเนี่ย เขาก็ไม่ได้ติดต่อมาอีก อย่างนี้ก็มีนะ พี่นางก็ไม่ไปจ้ำจี้จ้ำไชบางคนอยากจะมาสวัสดี อยากจะมาขอบคุณ ไม่ต้องหรอก ไม่ไปยึดติดว่า ต้องมารายงานฉันนะ จนจบปริญญาตรี ปริญญาโทนะ เอาว่าเป็นคนดีก็พอ เรียนให้ได้เป็นเจ้าคนนายคนก็พอ"

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ 58 ปี "ศิริพร อำไพพงษ์" อยู่แบบที่ไม่รู้สึกว่า "เราดี เด่น ดัง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook