สนทนากับ SAMMii ถึงซิงเกิลสากลเพลงแรกที่แต่ง และ 1 ปีแห่งการ "ปลดล็อคชีวิต"
เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่เราได้รู้จัก SAMMii หรือ ภัคธีมา ชิลเลอร์ ศิลปินนักร้อง และนักแต่งเพลงวัย 18 ปี ทายาทนักแสดงอารมณ์ดี เกริก ชิลเลอร์ ในฐานะศิลปินใหม่ที่มีเพลงออกมาแล้ว 3 ซิงเกิลทั้ง "ทานตะวัน", "ปราสาทวังวน", "Plaster" และ ซิงเกิลสากลล่าสุดอย่าง “Making Me Sick” เพลงล่าสุดที่ได้ Richard Craker แห่ง Karma Studios ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Liam Gallagher, Rhys Lewis และ Sam Feldt รวมถึงศิลปินไทยที่มีเพลงติดอันดับชาร์ตอย่าง สิงโต นำโชค และ DABOYWAY มาร่วมโปรดิวซ์
ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจในฐานะศิลปินที่มีอายุ 18 ปี แต่ก็มีเพลงออกมาแล้ว 4 ซิงเกิลที่แตกต่างกันสุดๆ ในฐานะศิลปิน และเปิดตัวเดบิวต์ในช่วงทีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เรื่องราวของ SAMMii มีความน่าสนใจมาก ทำให้ทาง Sanook Music ต้องคว้าตัวเธอมาพูดคุยเรื่องการทำงานแบบด่วนๆ หลังเธอเคยเป็นแขกรับเชิญรายการ Sanook Call From Nowhere มาแล้วถึง 2 ครั้ง
เริ่มต้นด้วยคำถามแรก เพลง “Making Me Sick” มีที่มาอย่างไร?
เพลง “Making Me Sick” เกิดขึ้นตอนที่แซมไม่ตั้งใจเรียนค่ะ ตอนนั้นเราชอบเขียนเพลงที่โรงเรียนเยอะมาก เรามีคาบว่างเยอะมาก และเราก็เอาคาบพวกนี้มาแต่งเพลง เพลงนี้เขียนตอนเลิกกับแฟน ตอนนั้นเด็กมากๆ แค่ 15-16 เอง ก็เป็นความสัมพันธ์ไม่มีอะไรเลย มัน “Making Me Sick” เพราะเขาคาดหวังจะได้สิ่งที่เราให้กลับไป ซึ่งถ้าฟังเพลงจะมีท่อน “Should i just run and go” มันเป็น Love-Hate Relationship คือเราก็ไม่ได้รักเขาแบบนั้น มันเหมือนเป็นเกมมากกว่า
พอเป็นเพลงสากล การทำงานพาร์ทไหนท้าทายสุด การทำงานกับ Richard Craker เป็นอย่างไรบ้าง ต่างจากโปรดิวเซอร์คนไทยหรือเหมือนตรงไหนบ้าง?
เพลงนี้แตกต่างเพราะว่ามีโปรดิวเซอร์ต่างชาติเป็น Richard Craker มันต่างจากเพลงไทยเรื่องการเขียนอยู่แล้ว แซมค่อนข้างชอบการเขียนภาษาอังกฤษ การเขียนเพลงไทยมันจะยากกว่าเพราะมีวรรณยุกต์ มันจะลงคำกับทำนองยาก แต่ภาษาอังกฤษมันจะลงง่ายกว่า เขียนเพลงสากลเลยง่ายกว่าสำหรับหนู ส่วน Richard Craker เขาเก่งมาก เดโม่แรกคือพร้อมปล่อยเลย คือมัน 99% แล้ว เป็นคนทำงานเก่งและทำงานเร็วด้วยค่ะ เป็นคนใจดีน่ารักค่ะ และก่อนหน้านี้ก็ทำงานกับพี่ HYE (ธันวา เกตุสุวรรณ) และพี่ แทน-ธารณ ลิปตพัลลภ จากวง LIPTA มาช่วย พี่แทนช่วยเรื่องการเขียนเพลงที่มีปัญหา ก็นั่งฟังพี่เขาเป็นชั่วโมงจนสามารถกลับไปเขียนได้อย่างสนุก ปกติเพลงไทยจะถนัดเพลงที่เป็นกวี แต่พอมาเป็นเพลงตรงไปตรงมาแบบ “Plaster” มันจะยาก เพราะเรามีอะไรในหัวเยอะมากแต่ไม่รู้จะสื่ออย่างไร
เห็นว่าตอนนี้ SAMMII กำลังสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเองอยู่ คืออะไรคือเอกลักษณ์ที่เราส่งออกมา?
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเพลงของแซมจะออกมาแนวไหน (หัวเราะ) คือมันตลกสำหรับแซมมากๆ คือในแง่การทำงานแซมก็โดนดุบ่อยๆ หลายๆ อย่างเลยคือ เราต้องสร้างเอกลักษณ์ทางดนตรีกับเพลงของเรา ขึ้นเพลงมาต้องคนจำได้นะ แต่แซมยังคงสนุกกับการทดลองอยู่ 4 เพลงที่ปล่อยออกมาคือไม่มีเพลงไหนเหมือนกันเลยค่ะ คือตอนนอกจากเสียงและความ Symbolic ที่มีการเปรียบเรื่องต่างๆ ในเพลงที่คนจำได้แล้วพาร์ทดนตรีคนยังจำไม่ได้
ในชีวิตจริง SAMMII มีอะไรที่ทำให้เราอุทานว่า “Making Me Sick!” บ้าง?
เป็นเรื่องสุขภาพจิตของแซมค่ะ คือแซมต่อสู้มาจากตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นแล้ว เพลง “ปราสาทวังวน” ก็เป็นเรื่องราวการต่อสู้อันนั้นอย่างท่อน “อยากจะหนีไปไกลจนสุดตา แต่สุดท้ายก็ยังวนเวียนกลับมาที่เดิม” ก็พูดเรื่องสุขภาพจิตตัวเอง และก็เสียงจามของคุณพ่อที่เราปวดหัว (หัวเราะ) แต่เขาเป็นพ่อแซมแล้วก็จาม จริงๆ เรื่องสุขภาพจิตเราทานยาและไปพบแพทย์ และเราก็สนใจเรื่องหินบำบัด เรื่องสมาธิ อะไรที่เป็นเรื่องจิตวิญญาณ ถ้าติดตาม IG จะรู้เลย คือมันเป็นศาสตร์กฎของแรงดึงดูด ถ้าใครสนใจก็อยากให้อ่านเกี่ยวกับมันเยอะๆ
1 ปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้อะไรกับการเป็นศิลปินบ้าง มีอะไรที่เหมือนที่คิด หรือต่างจากที่คิดไหม มีอะไรที่เราอยากย้อนไปแก้ มีใครสนิทในค่ายไหม?
การเขียนเพลงแรกๆ เราทำงานเองตลอด พอแซมเข้ามาในค่าย เวลาปล่อยเพลงเพลงหนึ่ง แม้แต่ Title ก็มีคนเขียนให้เรา Description ก็มี พอมาทำงานกับคนอื่น มีคนช่วยคิด ตอนแรกไม่ชินเลย พอทำงานไปเรื่อยๆ ทำงานไปเรื่อยๆ มันก็ชินขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรที่อยากย้อนไปแก้ เราแฮปปี้กับการที่อยู่ในเส้นทางนี้ คือเราโตขึ้นเยอะมากจากการเข้ามาอยู่ค่ายนี้ จากการทำงานและปฎิสัมพันธ์กับคน สุขภาพจิตดีขึ้น ส่วนในค่ายก็คุยกับพี่ ไม้หมอน (วชิรวิทย์ จีนเกิด) ก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็จะเจอหน้ากันบ่อย ก็น่ารักดีและชมกันมา ตอนนี้แซมกำลังจะขึ้นปี 2 กำลังเรียนอยู่วิชาเอกธุรกิจดนตรีและบันเทิง คณะดุริยางคศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากรค่ะ
คิดว่าการเปิดตัวเป็นศิลปินช่วงโควิด-19 มีความยากอย่างไร และเราก้าวผ่านมันอย่างไร?
พูดตรงๆ มันแย่ค่ะพี่ ทุกคนลำบาก ค่ายก็ลำบาก ศิลปินในแง่การโปรโมตและไม่มีงาน มันลำบากมากแต่ว่ามันก็เป็นเรื่องเล่าที่ดีในวันที่ดีขึ้น แซมไม่เคยอยู่ในยุคนี้และเราก็ได้แต่ทำเพลงออกไปเรื่อย ถ้าอะไรดีขึ้นก็อยากออกไปเล่นสด ในฐานะศิลปินใหม่สกิลล์ตรงนี้ยังไม่ได้เลย ยังเล่นกับผู้คนไม่เป็น ทำได้แค่เพลงต่อไปเป็นเพลงอะไร ไม่มีสกิลล์เรื่องเอนเตอร์เทนคนเลย ไม่ได้ฝึกอะไรเลย ตอนนี้เวทีที่มีให้เล่นก็น้อยอยู่
แล้วเราวางแผนขั้นตอนต่อไปอย่างไรในการทำเพลงบ้างในปีต่อไปอีก หรือมีตั้งเป้าหมายที่ไกลกว่านั้นไว้บ้างไหม?
แซมอยากปล่อยเพลงสากลมากขึ้น แซมอยากปล่อยเพลงไทยเป็นอีกพาร์ทของเรา จริงๆ แล้วแซมเขียนเพลงไทยแนวโฟล์คไว้เยอะมาก ก็ทำเพลงภาษาอังกฤษและทำเพลงโฟล์คเป็นอีกพาร์ทหนึ่งค่ะ
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ