สัมภาษณ์ NCT DREAM “การเติบโต คือสีสันของเพลงของพวกเรา” | Sanook Music

สัมภาษณ์ NCT DREAM “การเติบโต คือสีสันของเพลงของพวกเรา”

สัมภาษณ์ NCT DREAM “การเติบโต คือสีสันของเพลงของพวกเรา”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บทสัมภาษณ์ NCT DREAM จากงานแถลงข่าวอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 Glitch Mode จากเด็กน้อยใน “Chewing Gum” มาถึงหนุ่มหล่อใน “Glitch Mode” ทุกคนได้เห็นการเติบโตของ NCT DREAM ผ่านทั้งรูปลักษณ์ เพลง และเพอร์ฟอร์มานซ์มานานกว่า 5 ปี

เผลอแปบเดียว NCT DREAM หรือน้องดรีมที่แฟนๆ เรียกกันติดปากตั้งแต่สมาชิกอายุไม่ถึง 20 ปี จนตอนนี้อยู่ในวัยเรียนจบเริ่มทำงานกันจริงจังทุกคนแล้ว แต่ยังไงก็ยังเป็นน้องดรีมของทุกคนอยู่ดี แต่น้องดรีมกลุ่มนี้เติบโตมาอย่างดี ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่สูงใหญ่แข็งแรง ไปจนถึงแนวดนตรีที่มีสีสันจัดจ้านหลากหลายอารมณ์ และท่าเต้นแสนเท่ที่พร้อมจะมาสร้างกระแสในโลกออนไลน์ต่อยอดจากอัลบั้มเต็มชุดที่แล้วอย่าง Hot Sauce อีกครั้ง

Glitch Mode อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของหนุ่มๆ NCT DREAM จะเป็นอย่างไร เบื้องหลังของเพลงแต่ละเพลงเป็นอย่างไรบ้าง ตามหาคำตอบจากปากของพวกเขาเองได้จากบทสัมภาษณ์จากงานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้ม เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยรุ่นพี่โดยอง จาก NCT 127 เป็นพิธีกรให้ในงาน (และเป็นพิธีกรให้ทุกคัมแบ็คของ NCT DREAM)


อยากให้เล่าถึงอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 Glitch Mode

มาร์ค: Glitch Mode เป็นอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของ NCT DREAM ครับ โดยจะมีทั้งหมด 11 เพลง รวมถึงเพลงไตเติล “Glitch Mode” ครับ 

พวกเราได้รับกระแสตอบรับมากมายในเชิงบวกสำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรก และอยากแสดงให้เห็นถึงเวอร์ชันที่อัปเกรดของพวกเราเมื่อเทียบกับตอนนั้น ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงทำงานหนักยิ่งขึ้นในอัลบั้มนี้ ผมหวังว่า แฟนๆ จะเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงในอัลบั้มนี้ รวมถึงช่วยมอบความรักและสนับสนุนพวกเราต่อไปด้วยนะครับ

ก่อนการคัมแบ็ก คุณได้ทำลายสถิติของตัวเอง พร้อมได้รับสถานะว่าที่ Double Million Seller รู้สึกอย่างไรบ้างกับความสำเร็จ และสถิติสูงสุดในเส้นทางนี้?

เจโน่: ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ สำหรับความรักที่แฟนๆ มอบให้กับพวกเราในอัลบั้มเต็มชุดแรก และผมขอขอบคุณจากใจจริง สำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ครับ ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์เมื่อได้ยินเกี่ยวกับยอดสั่งจองอัลบั้มของเรา มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยครับ แต่ก็รู้สึกดีและมอบพลังให้กับผมมากๆ ครับ 

พวกเราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้แฟนๆ ของเรารู้สึกผิดหวัง และเพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นที่แฟนๆ มีให้กับพวกเราครับ รวมถึงจะทำงานให้หนักขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนด้วยการแสดงด้านที่ยอดเยี่ยมของพวกเราครับ หวังว่าทุกคนจะคอยติดตามกันนะครับ

มาร์ค (Mark) NCT DREAMมาร์ค (Mark) NCT DREAM

เล่าถึงเพลง “Fire Alarm”

จมิน: “Fire Alarm” เป็นเพลงเปิดเพื่อเข้าสู่อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของพวกเราครับ โดยอัลบั้มนี้ ประกอบไปด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ อีกครั้งครับ และพวกเราเลือกเพลง “Fire Alarm” เป็นเพลงอินโทร เพราะว่ามันแสดงถึงอารมณ์โดยรวมของอัลบั้มได้ดีครับ

เสียงไซเรนที่ถูกแทรกอยู่ระหว่างเพลงนั้น ค่อนข้างมีพลัง และคอนเซ็ปต์แสดงถึงเด็กหนุ่มแบดบอยที่ฝันอยากจะหลุดพ้นครับ ในตอนที่เราเริ่มทำเพลงนี้ นี่คืออารมณ์ที่เราอยากจะถ่ายทอดออกมาครับ ดังนั้น เพลงนี้เลยถูกเขียนออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ทางดนตรีตามแนวคิดนี้ครับ

จีซอง: ส่วน Mood Sampler ก็ได้มีการถ่ายทำในธีม “Fire Alarm” เหมือนกันครับ ทางทีมงานอธิบายถึงคอนเซ็ปต์นี้ว่า มาจากภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Attack The Gas Station ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผมแทบไม่คุ้นเลย เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก่อนที่ผมจะเกิดอีกครับ โดยพวกเราได้นำคอนเซ็ปต์และบรรยากาศของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาใช้ในการถ่ายทำ และตัวผมเองก็รู้สึกพอใจกับผลงานที่ออกมามากๆ เพราะมันรวบรวมด้านความเป็นอิสระของเราได้เป็นอย่างดีครับ

เล่าถึงเพลง “Better Than Gold”

แฮชาน: “Better Than Gold” เป็นเพลงแนว Synth Pop ที่สื่อสารถึงช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันในปัจจุบันนั้นมีมูลค่ามากกว่าทองคำเสียอีก เหมือนกับชื่อเพลงเลยครับ มันมีทำนองแนว Funk ที่สนุกสนาน ผสมผสานกับเนื้อเพลงเชิงบวกอย่างลงตัวครับ และเป็นเพลงที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเพลิดเพลิน ราวกับอยู่ในงานเทศกาลครับ 

เพลงนี้ทำให้ผมค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อได้ฟัง และหวังว่าวันหนึ่ง พวกเราจะสามารถร้องเพลงไปด้วยกันกับ NCTzen ของเราในคอนเสิร์ตได้ครับ

เล่าถึงเพลง “Never Goodbye”

เฉินเล่อ: “Never Goodbye” เป็นเพลงโปรดของผมเลยครับ โดยเป็นเพลงแนว R&B Ballad ที่มีบรรยากาศอบอุ่น ถ่ายทอดถึงการรอคอย และคงอยู่ที่ในเดิมเสมอ เช่นเดียวกับดาวเหนือครับ อีกทั้งเพลงนี้ยังเป็นเพลงที่สมาชิกทุกคนชอบ ดังนั้น ผมเลยอยากแสดงเพลงนี้บนเวที พร้อมถ่ายทอดความรู้สึกร่วมกันกับแฟนๆ ครับ

มาร์ค: ผมได้มีส่วนร่วมในการทำท่อนแร็ป กับทั้งเจโน่, แจมิน และจีซอง ครับ มันเป็นเพลงที่มีแนวความคิดของดาวเหนือเป็นหลัก แต่สมาชิกแต่ละคนก็มีการตีความเพลงนี้แตกต่างกันออกไป ซึ่งแฟนๆ จะสามารถรับรู้ได้เองเมื่อฟังเพลงนี้ครับ

เฉินเล่อ (Chenle) NCT DREAM

เล่าถึงเพลง “Arcade

เหรินจวิ้น: “Arcade เป็นเพลง hip-hop ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมตู้ (เกม Arcade) โดยมีข้อความที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วคุณต้องปฏิบัติตาม หากต้องการชนะในเกมนี้ครับ ผมเองก็อยากรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะพวกเราเพิ่งได้ลองทำเพลงที่มีอารมณ์แนวนี้เป็นครั้งแรกครับ 

ผมพอใจกับทั้งดนตรีและท่าเต้นที่ถูกออกแบบมาอย่างดี พวกเราจะขึ้นแสดงเพลงนี้พร้อมกับเพลงไตเติล “Glitch Mode” ดังนั้น รอติดตามชมกันนะครับ

เล่าถึงเพลง “Rewind”

เจโน่: “Rewind” เป็นเพลงแนว medium R&B pop ที่มีความหมายเกี่ยวกับ การย้อนเวลากลับไปและชวนให้นึกถึงความทรงจำเช่นเดียวกันกับชื่อเพลงครับ ด้านเนื้อเพลงเองก็ถ่ายทอดข้อความที่เราเขียนถึงสมาชิกและแฟนๆ ของเรา ในขณะที่เราเตรียมตัวทำอัลบั้มนี้ครับ 

ผมเชื่อว่าพวกเราจะหลงรักเพลงนี้มากขึ้น เพราะพวกเราทุ่มเทใจของเราลงไปด้วยครับ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มด้วย หวังว่าทุกคนจะ Rewind กลับไปฟังเพลงแรกอีกครั้ง หลังจากฟังมาทั้งอัลบั้มแล้วนะครับ

เจโน่ (Jeno) NCT DREAMเจโน่ (Jeno) NCT DREAM

เล่าถึงเพลงไตเติล “Glitch Mode”

แฮชาน: “Glitch Mode” เป็นเพลงแนว Hip-hop Dance ที่น่าประทับใจ พร้อมกับการร้องและเนื้อเพลงที่มีเอกลักษณ์ในท่อนคอรัสครับ เป็นเพลงที่ติดหูมากๆ จนหยุดนึกถึงไม่ได้ หลังจากฟังแค่เพียงครั้งเดียวครับ 

ผมเชื่อว่าเป็นเพลงที่เหมาะกับพวกเราสุดๆ ครับ อาจจะเพราะนักแต่งเพลงนึกถึงพวกเราขณะแต่งเพลงไปด้วยครับ โดยเนื้อเพลงบรรยายอย่างมีลูกเล่นเกี่ยวกับ ช่วงเวลาที่ตัวแข็งราวกับหยุดชะงัก เมื่อเจอคนที่ชอบครับ

การแสดงแบบไหน ที่คุณอยากจะแสดงให้เห็น?

จีซอง: การออกแบบท่าเต้นที่สอดคล้องไปกับคีย์เวิร์ดของเพลง เช่น “Lagging”, “Error”, “Electric Shock” และท่าเต้นสำคัญ คือ ท่าที่แสดงถึงช่วงที่เคลื่อนไหวซ้ำๆ แบบติด Buffering เหมือนชื่อเพลงครับ ท่านั้นเต้นตามได้ง่าย หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับพวกเราได้ครับ

จุดไหนที่ห้ามพลาด ในการรับชมมิวสิกวิดีโอ

เฉินเล่อ: ผมได้รับสองบทบาทในมิวสิกวิดีโอ เป็นทั้งพนักงานร้านเกม และอีกบทบาทเป็นกามเทพครับ ในมิวสิกวิดีโอจะนำเสนอออกมาอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ “หยุดชะงักซ้ำๆ” (Buffering) เมื่อตกหลุมรักใครสักคน ผมหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับการรับชม (มิวสิกวิดีโอ) นะครับ

เหรินจวิ้น: นอกจากนี้ ยังมีฉากเต้นท่า “หยุดชะงักซ้ำๆ” ซึ่งเราถ่ายทำกันโดยเล่นเพลงให้ช้าลง 0.5 เท่าในฉาก และทำให้เล่นเร็วขึ้นเป็น 2 เท่าในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ เพื่อทำให้การ “หยุดชะงักซ้ำๆ” ดูน่าทึ่งยิ่งขึ้นครับ มันเป็นเรื่องน่าสนุกที่จะดูฉากเต้นเหล่านั้น เพราะดูเหมือนกับว่าเรากำลัง “หยุดชะงักซ้ำๆ” (Buffering) จริงๆ ครับ

เหรินจวิ้น (Renjun) NCT DREAMเหรินจวิ้น (Renjun) NCT DREAM

บอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อมิวสิกวิดีโอนี้

มาร์ค: นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นมิวสิกวิดีโอตัวเต็ม ที่ตัดต่ออย่างสมบูรณ์พร้อม CG ครับ ตัวเพลงเองมีความน่าสนใจในตัวอยู่แล้ว แต่ก็มีภาพประกอบอื่นๆ เสริมเข้ามาด้วย มันเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีความสมดุล ทั้งความสุขในการฟังและการดู อย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ

ภาพลักษณ์แบบไหน ที่คุณอยากแสดงให้เห็นในอัลบั้มเต็มชุดที่ 2

แฮชาน: ผมต้องการแสดงภาพลักษณ์ของพวกเราในด้านความเป็นผู้ใหญ่ และเติบโตมากขึ้นกว่าอัลบั้มเต็มชุดแรกครับ อีกทั้งผมยังอยากแสดงให้เห็นว่า พวกเราแต่ละคนตีความคอนเซ็ปต์ของการ “หยุดชะงักซ้ำๆ ” (Buffering) แตกต่างกันอย่างไร และพวกเราจะแสดงบนเวทีอย่างไรครับ

มาร์ค: ผมเชื่อว่าคอนเซ็ปต์ของ “Glitch Mode” เป็นอะไรที่เข้ากับพวกเรา NCT DREAM มากๆ ครับ และยังเป็นอะไรที่พวกเราเองก็ไม่เคยทำมาก่อน พวกเราเลยพยายามคิดกันอย่างหนักว่า เราจะสามารถถ่ายทอดคอนเซ็ปต์นี้ออกมาให้ดีที่สุด ในแบบของเราเองได้อย่างไร

แฮชาน (Haechan) NCT DREAMแฮชาน (Haechan) NCT DREAM

ภาพทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมา ดูมีสีสันเป็นอย่างมาก ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์เกาหลี เรื่อง “Attack The Gas Station!” แนวคิดของอัลบั้มนี้เป็นอย่างไร และสมาชิกแต่ละคนรู้สึกพอใจกับคอนเซ็ปต์นี้มากน้อยแค่ไหน?

แฮชาน: พวกเราเองต่างก็ประทับใจในคอปเซ็ปต์ ตั้งแต่ที่ได้ยินเพลงไตเติล “Glitch Mode” ครับ พวกเราเลยอยากยึดคอนเซปต์นี้เอาไว้ และแสดงอารมณ์ “ความไม่ปกติ” ผ่านหลายมุมมองที่มองเห็นได้ เริ่มตั้งแต่การแต่งกายครับ แฟนๆ จะได้เห็นพวกเราในคอนเซ็ปต์ที่มีความอิสระ และเสื้อผ้าสีชมพูร้อนแรง ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความผิดพลาด ในการพยายามที่จะรวบรวมเสน่ห์ที่ไม่ปกติ เหมือนข้อผิดพลาดครับ

เหรินจวิ้น: ผมคิดว่าท่าเต้นของเพลงไตเติล “Glitch Mode” เป็นอะไรที่แปลกใหม่ แล้วก็เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเพลงและคอปเซ็ปต์ครับ เพราะฉะนั้น ผมหวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ

ทำไมถึงเลือกให้ “Glitch Mode” เป็นเพลงไตเติล ตอนที่ได้ฟังครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?

เจโน่: ด้วยตัวคอนเซ็ปต์ของเพลงค่อนข้างชัดเจน และเข้ากันได้ดีกับธีมของอัลบั้ม Glitch Mode ครับ นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีองค์ประกอบมากมายที่น่าสนุก ซึ่งเราสามารถนำไปถ่ายทอดในการแสดงบนเวทีได้ครับ และตัวเพลงเองก็มีความสนุกสนาน มีลูกเล่น เลยเป็นเหตุผลที่พวกเราเลือกให้เป็นเพลงไตเติลครับ 

ตั้งแต่ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก ผมก็มีภาพในหัวเลยครับว่า เราควรจะถ่ายทอดออกมาอย่างไร สมาชิกทุกคนใช้เวลาอย่างมากในการใส่ใจทุ่มเท เพื่อถ่ายทอดท่าเต้นออกมาให้ดีที่สุดครับ

จีซอง: สมาชิกต่างก็บอกกันว่า เป็นเพลงที่สามารถติดหูได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟัง ผมเองก็ชอบที่หลายๆ ท่อนของเพลงนั้น ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีผ่านท่าเต้นครับ

จีซอง (Jisung) NCT DREAMจีซอง (Jisung) NCT DREAM

เพลงไหนที่ชอบมากที่สุด ในบรรดาทั้ง 11 เพลงในอัลบั้มนี้

เฉินเล่อ: “Never Goodbye” ครับ เป็นเพลงโปรดของผมเลย กับอีกเพลงที่ชอบรองมา คือ “Better Than Gold” ครับ ทั้งสองเพลงมีอารมณ์ที่ดี สนุก และเต็มไปด้วยพลังในการแสดงสดบนเวทีครับ เมื่อฟังเพลงนี้ ผมสามารถจินตนาการได้ถึงภาพที่พวกเรามีปาร์ตี้กับแฟนๆ ทุกคนในคอนเสิร์ตครับ

แฮชาน: เพลงโปรดของผม คือ “Teddy Bear” เพราะว่าแฟนๆ ชอบเรียกผมว่า Teddy Bear และตัวเพลงเองก็ให้อารมณ์แบบอบอุ่น ซึ่งผมขอแนะนำให้ฟังเพลงนี้ตอนกลางคืนช่วงเวลาเข้านอน เหมือนกับชื่อภาษาเกาหลีของเพลงนี้ที่มีความหมายว่า ฝันดี (Good Night) ครับ นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดการประสานเสียงร้องอันยอดเยี่ยมของสมาชิกด้วยครับ

จีซอง: ผมชอบเพลง “Never Goodbye” ที่สุดครับ ซึ่งเป็นเพลงที่ไพเราะ แต่ดูเหมือนจะเศร้ากว่าเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มที่ผ่านมา อย่างเพลง “Dear Dream”, “My Youth” และ “Rainbow” โดยเพลง “Never Goodbye” จะมีกลิ่นอายคล้ายๆ กับเพลงเหล่านั้นครับ แล้วผมก็ชอบเพลงนี้ เพราะทำให้ผมได้จินตนาการถึงเรื่องราวในระหว่างที่ฟัง บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นคนเขียนเนื้อเพลงนี้ด้วยตัวเองครับ

แจมิน: เหมือนกันครับ ผมชอบ “Never Goodbye” มากที่สุด แล้วก็เพลง “Rewind” ถ้าให้เลือกได้อีกนะครับ เป็นเพราะชวนให้นึกถึงความทรงจำในตอนที่มีความสุขขณะเราซ้อมเพลงกันครับ และเพราะว่าผมชอบเพลง “Rewind” ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม ก็เลยทำให้ผมได้ฟังเพลงย้อนกลับขึ้นมา จากเพลงที่ 11 มาที่เพลงแรกครับ

เจโน่: ผมเคยชอบเพลง “Drive” มากๆ ครับ แต่ทุกวันนี้ชอบเพลง “Fire Alarm” ครับ ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก และท้าทายมากๆ ในตอนที่อัดเพลงนี้ เลยทำให้มีความหมายกับผมมากทีเดียวครับ อีกทั้งยังประทับใจว่า เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่ผมจำเนื้อเพลงท่อนคอรัสได้โดยที่แทบจะไม่ต้องท่องเลยครับ

เหรินจวิ้น: ผมชอบเพลง “Drive” เพราะว่าช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและสงบเมื่อตอนที่ได้ฟังครั้งแรก แต่เพลง Rewind ก็เป็นหนึ่งในเพลงโปรดเหมือนกันนะครับ ชอบทั้งสองเพลงเลยครับ เพราะให้ความรู้สึกที่สดใสร่าเริงเหมือนกันครับ

มาร์ค: “Saturday Drip” คือ เพลงโปรดของผมที่อยากแนะนำครับ ไม่ใช่แค่เพราะว่าตัวเพลงให้ความสนุก แต่ยังเป็นเพลงยูนิตแร็ปเพลงแรกที่เราปล่อยออกมา ผมตื่นเต้นมากๆ ที่จะนำเสนอด้านนี้ของเราให้แฟนๆ ได้รู้จักเป็นครั้งแรก

แจมิน (Jaemin) NCT DREAMแจมิน (Jaemin) NCT DREAM

ดูเหมือนกว่า NCT DREAM มีพัฒนาการ จากการเป็นวงไอดอล “วัยรุ่น” (High Teen) ไปสู่วงที่นำเสนอ “ความเป็นหนุ่ม” (Youth) มากขึ้น ในระหว่างที่ทำอัลบั้มชุดที่ 2 นี้ มีช่วงเวลาไหนบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เจโน่: ผมรู้สึกว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อได้เรียนรู้ว่าพวกเราเท่/เก่งอะไร พอเห็นแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าพวกเรา “เติบโตขึ้น” มากจริงๆ จากตอนเดบิวต์ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราสามารถทำงานอัลบั้มเพลงอย่างหนักได้ และสามารถนำเสนอมิวสิกวิดีโอและการแสดงที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยครับ

แจมิน: โดยส่วนตัว ผมคิดว่าภาพเราค่อนข้างดูโตขึ้นมากจาก “Chewing Gum” ที่เป็นไอดอลวัยรุ่น (High Teen) จนมาถึงตอนนี้ครับ สมาชิกทำงานหนักมาด้วยกันจนถึงปัจจุบันกับอัลบั้มชุดใหม่ Glitch Mode ก็ต้องขอบคุณ NCTzen ด้วยครับ อย่างไรก็ตาม เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ก็ยังเล่นซนกันเป็นเด็กอยู่นะครับ

สีสันของเพลงของ NCT DREAM เหมือนจะค่อยๆ เปลี่ยนไป คิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เทียบกับตั้งแต่เดบิวต์

มาร์ค: ผู้คนมากมายได้เห็นถึงการเติบโตมากขึ้นของพวกเราจากช่วง “Chewing Gum” ผมเลยคิดเสมอว่าพวกเราเป็นวงที่มีพัฒนาการอยู่ตลอด เมื่อมองผ่านอัลบั้ม Glitch Mode นี้ คุณจะเห็นได้ถึงความแตกต่าง ทั้งด้านความเป็นผู้ใหญ่ วุฒิภาวะที่ลึกซึ้งขึ้น 

เมื่อเทียบกับช่วง Hot Sauce และผมรู้สึกเหมือนว่า พวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในด้านจิตใจเช่นกันครับ ตอนที่เราเตรียมงานของอัลบั้ม พวกเรายึดมั่นกับความคิดที่จะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อนำเสนอผลงานที่ดีที่สุดครับ 

และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมคาดหวังว่าจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดที่พวกเราใส่ไปในเพลงนะครับ นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าความท้าทายตัวเองที่มีอยู่ตลอดนั้น เป็นสีสันที่นิยามความเป็น NCT DREAM ครับ

จีซอง: โดยส่วนตัวผมคิดว่า การเติบโต คือ สีสันของเพลงของ NCT DREAM ครับ ถ้าคุณได้ฟัง “Chewing Gum” ก็จะรู้สึกว่า พวกเรายังเป็นเด็กน้อยที่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าคุณฟัง “Glitch Mode” ก็จะรู้ได้เลยว่า พวกเราเติบโต และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเดบิวต์ครับ พวกเราเองก็รู้สึกว่า พวกเราเติบโตไปพร้อมๆ กับผลงานแต่ละอัลบั้มเช่นกันครับ

NCT DREAMNCT DREAM

ในปีที่แล้ว อัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกคุณ มียอดจำหน่ายทะลุ 3 ล้านชุด ขึ้นแท่นเป็น Triple Million Seller สำหรับในอัลบั้มเต็มชุดนี้ คาดหวังในการประสบความสำเร็จไว้อย่างไรบ้าง?

เหรินจวิ้น: สำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง Hot Sauce เราเน้นไปที่ความสนุกสนานผ่านการแสดงบนเวทีเป็นหลัก ไม่ได้นึกถึงผลลัพธ์มากเท่าไรครับ อย่างไรก็ตาม พวกเราได้รับความรักมากมาย และรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการสนับสนุน 

ดังนั้น ในครั้งนี้ พวกเราจึงเตรียมอัลบั้มชุดนี้ เพื่อตอบแทนทุกการสนับสนุนที่เราได้รับมาโดยตลอด และเพื่อพิสูจน์ว่า พวกเราเป็นวงที่คู่ควรกับความรักมากมายเหล่านั้นครับ

มาร์ค: เป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะเตรียมอัลบั้มหรือคัมแบ็คโดยไม่นึกถึง NCTzen แบบที่ เหรินจวิ้น บอกครับ พวกเราพยายามที่จะไม่ทำให้ความรักและการสนับสนุนจากแฟนๆ เสียเปล่า และถือเป็นจุดมุ่งหมายของเราที่จะถ่ายทอดสะท้อนความรู้สึกเหล่านั้นลงในอัลบั้ม เพื่อให้ NCTzen ได้รับรู้ครับ

นอกจากนี้ พวกเรายังคิดว่าอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 นี้ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเติบโตของพวกเรา และพวกเราจะพัฒนาตัวเองต่อไปครับ ผมหวังว่าทั้งหมดนี้ จะถูกส่งไปถึงแฟนๆ ของเรา และต้องการแสดงให้เห็นจริงๆ ว่าพวกเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นขนาดไหนครับ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ สัมภาษณ์ NCT DREAM “การเติบโต คือสีสันของเพลงของพวกเรา”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook