สัมภาษณ์ Lauv ชีวิตช่วงดี-ร้าย ในอายุ 26 ปีที่โตเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ยังอยากเป็นเด็ก
ศิลปินผู้มาพร้อมกับอารมณ์หม่นๆ หลายคนอาจจะนึกถึง Lauv แม้ว่าเพลงดังของเขา “I Like Me Better” จะมาพร้อมกับเนื้อเพลงสุดน่ารัก แต่เพลงที่เหลืออีกมากกว่าครึ่งหนึ่งกลับเป็นเพลงที่ให้บรรยากาศเหมือนท้องฟ้าหม่นสีเทายามฝนตกเสียมากกว่า และแน่นอนว่าเป็นเพลงที่เขาแต่งออกมาจากความรู้สึกและประสบการณ์ชีวิตของตัวเองที่ผ่านช่วงซึมเศร้า กดดัน และหลายต่อหลายอารมณ์ที่ประเดประดังเข้ามาในช่วงวัย 20 กว่าๆ ของเขา
Lauv ในวัย 26 ปีครั้งนี้มาร่วมพูดคุยกับสื่อฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านแอปพลิเคชั่น ZOOM ด้วยผมสกินเฮดสีเขียว สีผมล่าสุดของเขา ที่เขาบอกว่าเป็นสีที่เขาสุ่มเลือกขึ้นมาในครั้งนี้ เพราะเขานึกถึงธรรมชาติสีเขียวๆ ที่อยู่รอดดตัวเขาในช่วงนั้น
ขึ้นชื่อว่าเป็น Lauv แฟนๆ หลายคนน่าจะตั้งความหวังเอาไว้สูงว่าเพลงใหม่ และอัลบั้มใหม่ของเขาจะต้องถูกใจวัยรุ่นอีกอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่เราจะได้มีโอกาสฟังอัลบั้มของเขาเต็มๆ ในไม่นานนี้ เรามาดูกันว่าเขาพูดถึงอัลบั้มใหม่ล่าสุดของเขาเอาไว้ยังไงบ้าง
เริ่มแต่งอัลบั้มนี้เมื่อไร
จริงๆ แล้วผมเริ่มแต่งเพลงสำหรับอัลบั้มที่ 2 หลังจากที่ปล่อยอัลบั้มแรก ~how i’m feeling~ เลยนะครับ แต่หลักๆ จะเป็นอีกปีถัดไปมากกว่าที่ได้เพลงมาลงอัลบั้มจริงๆ ก่อนหน้านั้นเหมือนผมทดลองทำดนตรีใหม่ๆ ลองนู่นลองนี่ไปเรื่อยมากกว่า ไม่แน่สักวันในอนาคตผมอาจจะได้ปล่อยเพลงที่ผมแต่งในช่วงนั้นก็ได้ แต่เพลงในอัลบั้มที่ 2 เริ่มแต่งอย่างจริงจังหลังจากนั้นประมาณปีครึ่งครับ ตอนแรกๆ ผมก็รู้สึกดีนะที่ได้นั่งทำเพลงในบ้าน ในสตูดิโอของตัวเองทุกวัน แต่หลังจากติดแหง็กอยู่ในนี้ไปนานๆ เพราะโรคระบาดข้างนอก ผมก็เริ่มสติแตกเป็นพักๆ (หัวเราะ) เพลงเลยมีทั้งช่วงที่เล่าถึงชีวิตช่วงดีและไม่ดีสลับๆ กันไป สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยดีครับ
จากเพลงที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้อย่าง “26” ถือว่าเป็นแนวเพลงที่เราอาจไม่ค่อยได้ฟังจากคุณมากเท่าไร แล้วในอัลบั้มเต็ม เราคาดหวังว่าจะได้ฟังเพลงแบบไหนยังไงบ้าง
อัลบั้มนี้จะมีเพลงที่พูดถึงชีวิตทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง มีเพลงที่มีพลังมีจังหวะสนุกๆ ทั้งเสียงกลอง จังหวะเพลงครึกครื้น แต่ก็มีทั้งเพลงฟังสนุกและเพลงเศร้าๆ อยู่ทั้งคู่ครับ
นอกจากนี้ ก็จะพูดถึงการเติบโตตามอายุที่ผ่านช่วงวัยรุ่นและกำลังจะเป็นผู้ใหญ่ ความอยากเป็นผู้ใหญ่ที่ยังพยายามคงความเป็นเด็กเอาไว้ในตัวอยู่ด้วยครับ
ในแต่เพลงจะพูดถึงการเติบโตของผมที่แม้ว่าผมจะยอมรับว่าตัวเองโตขึ้น แต่ก็ยังพยายามจะเก็บความเป็นเด็กเอาไว้อยู่ด้วย โดยแต่ละเพลงจะเป็นเหมือนการเล่าเรื่องในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิตที่ผมประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง ผมอยากให้ทุกคนได้ฟังกันมากๆ เลยครับ
สิ่งที่ผมการันตีได้เลยคือ ทุกเพลงในอัลบั้มเหมาะกับทุกช่วงอารมณ์ในชีวิตของคุณแน่นอน ผมอยากแนะนำให้ลองฟังอัลบั้มนี้ในบรรยากาศที่แตกต่างกัน เอาไปฟังนอกบ้าน ในบ้าน ในสวน หรือฟังกับเพื่อนๆ รับรองว่าคุณจะได้เพลงโปรดที่แตกต่างไปในแต่ละบรรยากาศที่คุณฟังเพลงแน่นอนครับ
เนื้อเพลง 1 ประโยคที่มีความหมายกับคุณมากๆ คือประโยคไหน จากเพลงอะไร
ถ้าให้นึกออกตอนนี้น่าจะเป็นประโยคจากเพลง Modern Loneliness ที่ว่า “Love my friends to death, but I never call and I never text” เพราะมันจริงมากๆ เลย (หัวเราะ)
เพลงที่เราตั้งใจจะสื่อความหมายไปในทางหนึ่ง คนอื่นที่ฟังอาจจะตีความไปในอีกทางหนึ่งก็ได้ คุณรู้สึกอย่างไร
จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่คนเราจะตีความเพลงออกไปอย่างแตกต่างกัน ซึ่งนั่นเป็นความสวยงามของบทเพลงเลยล่ะ แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วการคิดบวกจะหาเราออกมาจากจุดที่ทำให้เราเศร้าหรือดึงเราออกจากโลกอันมืดมิดได้แน่นอนครับ
Lauv ในวัย 26 ปี ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นได้จากเพลงของคุณว่าคุณผ่านช่วงดีๆ และช่วงร้ายๆ รวมถึงความผิดพลาดที่คุณมองเห็นจากการกระทำของตัวเองในอดีต ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะแก้ไขอะไรบ้างไหม และคิดว่ามันจะทำให้ชีวิตในปัจจุบันของคุณเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
ถ้าให้ย้อนกลับไปได้ ผมมองว่าตัวเองมีช่วงที่บ้างานอยู่ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะรักษาสมดุลชีวิตของตัวเองให้ดีกว่านี้ ซึมซับทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาให้มากกว่านี้ แทนที่จะพยายามไล่ล่าตามความฝันของตัวเองอย่างเต็มที่อย่างที่เคยทำมาครับ
เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นศิลปิน
ผมเพิ่งคุยกับเพื่อนไปไม่นานมานี้เอง ผมอยากจะมีเพลง หรืออัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตในการเป็นศิลปินของผม และได้แบ่งปันเพลงและอัลบั้มของผมให้ทุกๆ คนได้ฟังกันเยอะๆ เลยครับ
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ