ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย จากตลกคาเฟ่สู่ “เจ้าชายมโนราห์”
Highlight
- มโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย เจ้าของฉายาว่า “เจ้าชายมโนราห์” เล่าว่าตอนเด็กไม่ชอบการรำโนรา เพราะดูเชยและน่าอาย แต่สุดท้ายยิ่งหนีเท่าไร ก็หนีไม่พ้น และต้องมาดูแลวงมโนราห์ต่อจากพ่อของตัวเอง
- มโนราห์ไข่เหลี้ยมมีชื่อเสียงเรื่องการรำที่ดุดัน และ “ท่ารำนกแขกเต้าเข้ารัง” เช่นเดียวกับการสอดแทรกมุกตลก ซึ่งเขาได้ฝึกฝนมาเมื่อครั้งเป็นตลกเคเฟ่ และการให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับการแสดง ซึ่งทำให้วงมโนราห์ของเขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- การรำโนราในปัจจุบันถือเป็นการลงทุนแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะโนราเพื่อความบันเทิงแบบวงมโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย ที่มีความพร้อมเรื่องเครื่องเสียง เวที ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
- วิกฤตโควิด-19 ทำให้การแสดงโนราถูกยกเลิก และไข่เหลี้ยมก็หันไปทำอาชีพเสริมที่เขาใฝ่ฝันมานาน นั่นคือการเปิดฟิตเนส ซึ่งทำให้เขาได้พบกับเพื่อน ๆ กลุ่มใหม่ที่รักสุขภาพเช่นเดียวกับเขา
ชื่อของ “ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย” อาจไม่ได้โด่งดังหรือเป็นที่รู้จักระดับประเทศ แต่สำหรับแฟนโนราบริเวณด้ามขวานของประเทศไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะเขาโด่งดังถึงขนาดได้รับการขนานนามว่าเป็น “เจ้าชายมโนราห์” ด้วยการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความตลกขบขันและเสียงดนตรีร่วมสมัยเข้าไปในโชว์ จนกลายเป็นมโนราห์ขวัญใจพี่น้องชาวใต้ทุกเพศทุกวัยมาอย่างยาวนาน และเมื่อวันที่ 25-26 มีนาคมที่ผ่านมา Sanook ก็ได้มีโอกาสไปร่วมงาน “เฉลิมฉลองโนรา ภูมิปัญญาแห่งแผ่นดิน” ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และได้ชมการแสดงของวงมโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย เราจึงไม่พลาดที่ขอนั่งคุยกับมโนราห์สุดหล่อคนนี้ และนี่คือเรื่องราวของไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย ผู้ผันตัวจากตลกคาเฟ่ สู่เจ้าชายมโนราห์แห่งปักษ์ใต้
จุดเริ่มต้นมโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย
มโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย หรือภูมิพัฒน์ อนุวัฒนวงศ์ เจ้าของฉายา “เจ้าชายมโนราห์” เริ่มต้นเล่าให้เราฟังว่า ตัวเขาไม่ได้ชื่นชอบการรำโนรามาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้สึกว่าเชยและน่าอาย แม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นมโนราห์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งก็ตาม
“พ่อชื่อว่ามโนราห์วิเชียร ศรชัย ตอนนั้นพ่อเป็นมโนราห์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่มาวันหนึ่ง พ่อก็ไม่สบายหนักด้วยโรคมะเร็ง ก็เลยไม่มีใครมารับช่วงต่อ สุดท้ายเรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อนะ เพราะโนราต้องเชื่อมกับบรรพบุรุษ เชื่อมโยงกับพ่อแม่ตายาย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่ายิ่งหนีเท่าไร ก็หนีไม่พ้น” ไข่เหลี้ยมเล่า
“จริง ๆ ผมเป็นตลกคาเฟ่มาก่อน คือสมัยก่อนเป็นตลก ชอบเล่นตลก ชอบเป็นพิธีกรอยู่แล้ว และครั้งหนึ่งก็ได้ไปอยู่พี่เอกชัย ศรีวิชัย แต่อยู่ในฐานะสตาฟหรือคนใช้นั่นแหละ เราก็จำสิ่งที่เขาใช้บนเวที การพูด การเล่น อารมณ์ที่เขาถ่ายทอดออกมา เลยรู้สึกว่าเอามาปรับปรุงใช้หน้าเวทีของเราได้ ก็เลยกลายเป็นมโนราห์ที่แตกหน่อการแสดงไปสักนิด คือทั้งมีสาระและไม่มีสาระ เน้นวาไรตี้ เน้นเอาตลกเข้ามาเสริม เพื่อเปลี่ยนอารมณ์คนหน้าเวที ดูแล้วจะได้ไม่เบื่อ” เขาเล่าเสริม ถึงที่มาที่ไปของการแสดงที่สอดแทรกการเล่นตลก ที่กลายมาเป็นเสน่ห์ของวงมโนราห์ไข่เหลี้ยม
“เจ้าชายมโนราห์” แห่งปักษ์ใต้
เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย กลายเป็น “เจ้าชายมโนราห์แห่งปักษ์ใต้” เขาหัวเราะร่า ก่อนอธิบายว่า การดูโนราของคนใต้ในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันออกไป ทว่าเขาก็พยายามสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยมโนราห์ไข่เหลี้ยมมีชื่อเสียงเรื่องการรำที่ดุดัน และ “ท่ารำนกแขกเต้าเข้ารัง” ที่โด่งดัง
“ท่านี้เป็นท่าที่ฟลุคมากกว่า เป็นท่าที่ไม่ได้ตั้งใจเลย แต่พอรำไปแล้ว มันไหลไปเอง ไหลจนคนชอบ เลยดังจากนกแขกเต้า ได้ความพลิ้วอะไรแบบนั้น แต่ต้องบอกก่อนว่า แต่ละคืนรำไม่เหมือนกันสักคืน” ไข่เหลี้ยมบอก
สิ่งที่เราสังเกตได้จากกลุ่มแฟน ๆ ที่มานั่งดูการแสดงของมโนราห์ไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย คือมีทุกเพศ ทุกวัย และทุกคนก็สนุกสนานไปกับการร่ายรำ การร้องเพลง และการเล่นตลกของวงเป็นอย่างมาก ไข่เหลี้ยมเล่าว่า เขาเริ่มรำโนราตอนอายุประมาณ 17-18 ปี ซึ่งในสมัยนั้นมีแต่ผู้ใหญ่ที่มารำโนราเท่านั้น เขาจึงสามารถดึงดูดวัยรุ่นมาได้พอสมควร แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ไข่เหลี้ยมได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือความสนุกที่ใส่ลงไปในการแสดงและทำให้ทุกคนหน้าเวทีสามารถโต้ตอบกับผู้แสดงบนเวทีได้
มโนราห์ต้องเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
“มโนราห์มีหลายแบบ มโนราห์ให้ความบันเทิง มโนราห์พิธีกรรม แต่ของผมเป็นมโนราห์ให้ความบันเทิง แต่มันก็เป็นมโนราห์ที่ต้องใช้ทุนค่อนข้างมาก ถ้าสังเกตวงของผม รูปแบบเวที เครื่องเสียง แสง สี เสียง รถรา เราเดินทางกันมาเกือบ 10 คันรถ รถบรรทุก รถทัวร์ รถเครื่องปั่นไฟ แล้วใช้นักแสดง 70 กว่าชีวิต” ไข่เหลี้ยมระบุ
นอกจากอุปกรณ์การแสดงและเครื่องเสียงที่ไข่เหลี้ยมกระซิบว่าราคารวมกันมากกว่า 15 ล้านแล้ว ยังรวมไปถึง “เครื่องแต่งกาย” ที่เขาเล่าว่า ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในช่วงแรก เพราะเขาเริ่มนำคริสตัลและเพชรมาทำชุดเครื่องทรง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน
“ผมพยายามสอนให้คนมีความรู้สึกว่าอะไรที่เปลี่ยนได้ก็ต้องเปลี่ยน จนถึงวันนี้ทุกคนยอมรับ ใส่ได้ปกติ แล้วก็มีน้อง ๆ มโนราห์ที่เริ่มทำเหมือนผม ก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเราก็เปลี่ยนนิสัยของคนด้วย ว่าเวลาเราทำพิธีกรรม เราก็ยังใช้เครื่องลูกปัดโบราณอยู่นะ เราไม่ล่วงเกินบรรพบุรุษอยู่แล้ว แต่บนเวทีคอนเสิร์ต เราสามารถดีไซน์อย่างไรก็ได้ ให้ทันยุคทันสมัย” เจ้าชายมโนราห์ชี้
วิกฤตโควิด-19 กับวงมโนราห์
เนื่องจากคณะมโนราห์ดนตรีในภาคใต้มีเพียง 5-6 คณะเท่านั้น ดังนั้น ในช่วงสถานการณ์ปกติ ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 วงมโนราห์เหล่านี้จะมีงานอยู่ตลอดเวลา บางวันต้องรับงานมากกว่า 1 งานเลยทีเดียว แต่เมื่อโรคโควิด-19 แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ก็ทำให้งวงมโนราห์หลาย ๆ วงรวมถึงวงไข่เหลี้ยม วิเชียรศรชัย ถูกยกเลิกงานแสดงและไม่มีรายรับเข้ามาเป็นเวลาหลายเดือน
“ช่วงแรกเราก็สามารถซัพพอร์ตชาวคณะได้ แต่มาหนักที่ครั้งล่าสุด เราก็เลยคุยและประชุมเปิดใจว่า ทุกคนต้องกลับไปทำอาชีพเสริมที่ตัวเองถนัด เหมือนผมก็ไปทำสิ่งที่ผมชอบ ทำสิ่งที่เราอยากทำ และมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย และเคยมีความฝันว่าอยากทำฟิตเนสเซ็นเตอร์ของตัวเอง ที่บ้านพอมีที่ทาง เลยเปิดฟิตเนส ถามว่าได้เงินอะไรมากมายไหม ก็ไม่ได้เยอะมากนะ แต่ได้ความสุข และได้เห็นคนที่รักสุขภาพเหมือนกับเรา แล้วก็ได้เพื่อนอีกหนึ่งกลุ่มที่รักสุขภาพเหมือนกันกับเราด้วย” ไข่เหลี้ยมเล่าถึง “ไข่เหลี้ยม ยิม” ธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว
“แต่วันนี้เหตุการณ์มันกลับมาประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว เราก็สามารถรวมตัวกันได้ แต่ทุกครั้งที่ไปแสดง นักแสดงต้องผ่านการฉีดวัคซีน 3 เข็มก่อนจะมาทำงาน และทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีแสดง ต้องตรวจ ATK ทุกครั้ง” เขาเล่า
ส่งไม้ต่อให้มโนราห์รุ่นใหม่
หลังจากยืนอยู่ในแวดวงโนรามายาวนานกว่า 20 ปี ไข่เหลี้ยมก็เริ่มวางแผนการเกษียณให้กับตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเขาเปิดใจกับเราว่าเมื่อเขาอายุ 50 ปี เขาจะเกษียณจากวงมโนราห์และมุ่งไปทำงานพิธีกรรมโรงครูโนราเพียงอย่างเดียวแล้ว ตอนนี้ก็กำลังมองหาคนรุ่นใหม่ที่จะมารับไม้ต่อดูแลวงมโนราห์ไข่เหลี้ยมต่อจากเขาอยู่
“ทุกวันนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ภาคภูมิใจที่สุดที่เกิดมาเป็นโนรา กี่ชาติกี่ชาติก็อยากเกิดเป็นโนรา จากคนที่ไม่ชอบ ทุกวันนี้ผมมีความสุขมาก” เขากล่าว
“สุดท้ายนี้ก็ขอฝากไปถึงแฟน ๆ มโนราห์ ตอนนี้พวกเราผ่านสถานการณ์โควิดมาแล้ว และเราก็เปิดรับงานปกติแล้ว ถ้าเราไปเล่นโนราที่ตรงไหน ก็ไปให้กำลังใจกันได้ หรือจะเรียกใช้เราก็ได้เสมอ ขอฝากไว้ด้วย คิดถึงทุกคนและอยากเจอทุกท่านครับ” ไข่เหลี้ยมทิ้งท้าย