บ้าหวย-เลี้ยงเด็กผู้ชาย "มนต์สิทธิ์ คำสร้อย" สุขที่ใจไม่เอาไปผูกกับคำพูดติดลบ
"ไหล่นี้อย่าให้ใครมากอด มือนี้อย่าให้ใครมาจับ หน้าผากนี้อย่าให้ใครมาจูบ แก้มนี้อย่าให้ใครลูบคลำ"
นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "มนต์สิทธิ์ คำสร้อย" ร้องเพลง "สั่งนาง" ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเมื่อหลายปีก่อน และเป็นเพลงที่ทำเขาทะยานถึงขีดสุด ได้รับฉายา "นักร้องเสียงลูกคอ 9 ชั้น" ให้ทีมข่าว Sanook.com ฟัง ในงานอีเว้นท์ ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเขาได้รับเชิญให้ไปร้องเพลง
มนต์สิทธิ์ บอกว่า ในวัย 58 ปี สังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลา น้ำเสียงและลูกคอเปลี่ยนไป ไม่พลิ้วเหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ งานส่วนใหญ่หนักไปทางรีวิวสินค้ามากกว่าร้องเพลง รีวิวทุเรียน รีวิวปลาร้า รีวิวแจ่วบอง ปลาสลิด และสินค้าอื่นๆ จิปาถะ และได้ยินหลายคนนินทาเชิงตั้งคำถาม "ตกอับไหม" ถึงขนาดต้องมารีวิวทุเรียน หรือวิวปลาร้าแล้ว
"ตกอับไหมไปรีวิวแม้กระทั่งทุเรียน ได้ยินอะไรประมาณนี้ ทุเรียนแพงนะเว้ย ผมบอกอย่างนี้ ทุเรียนแพงนะจะมาว่าตกอับได้ยังไง"
มนต์สิทธิ์ ซึ่งมีชื่อจริงว่า บุญเถิง แก้วศรีนวน ยืนยันชีวิตยังห่างไกลคำว่าตกอับ และส่วนตัวก็ไม่เก็บคำพูดที่พูดถึงเขาในแง่ลบมาบั่นทอนจิตใจ เหมือนกับที่โดนแซะมาตลอดว่า "ตุ้งติ้งเหมือนกะเทย" และ "บ้าหวย" จากพฤติกรรมรักการเสี่ยงโชคเป็นชีวิตจิตใจ และโชว์เลขเรียกว่ามาตามนัดทุกงวด
"บางคน เฮ้ยมนต์สิทธิ์ตุ้งติ้งเหมือนกะเทย ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก ผมไม่ถือนะ ถ้าเขาได้พูดเขาคงสบายใจไง ก็ปล่อยเขาไป"
"ส่วนเรื่องเสี่ยงโชค ก็คนมันชอบหนิ ไม่ว่าฉันไม่ว่าเธอ สักวันต้องถูกรางวัลที่ 3 รางวัลที่ 2 รางวัลที่ 1"
มนต์สิทธิ์ บอกว่า นี่คือความฝันของคนไทย ไม่ว่าใครเชื่อว่าคิดแบบนี้กันทุกคน อยากได้เงินเป็นก้อนจากการเสี่ยงโชค
"เลขหรือหวยหรือล็อตเตอรี่เนี่ย มันอยู่ในสมองผม อยู่ในใจผมตั้งแต่ผมอายุ 7-8 ขวบ พ่อแม่ใช้ให้ไปซื้อเลข ซื้อให้หน่อย บาทคูณบาทอย่างนี้ ห้าสิบสตางค์คูณห้าสิบสตางค์ ไม่ใช่ผมเพิ่งเล่น โอ้โหเป็นนักร้องมึงมีเงินเยอะมึงซื้อ ไม่ใช่"
"ผมซื้อล็อตเตอรี่ตั้งแต่ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ งวดไหนไม่ได้ซื้อนี่ มันไม่ใช่อ่ะ ไปไหนมาไหน รถจอดก็ลงไปเลือกซื้อ มันประมาณว่าคันไม้คันมือ เหมือนคนหิวอะไรสักอย่างนั่นแหละ ประมาณคนติดเหล้าติดอะไรเขาหิวนั่นแหละ
"ผมก็เหมือนกันพอเห็นล็อตเตอรี่ไม่ได้ แวะปั๊มนี่มีทุกปั๊มก็ซื้อทุกปั๊ม ก็ถูกนะ ถูกบ่อยมาก ถูก 3 ตัวหน้า 3 ตัวหลัง 2 ตัวหลัง บางครั้งผมถูกรางวัลที่ 3 และรางวัลที่ 5 สองใบผมก็เคยถูก ได้ซื้อถูกบ้างไม่ถูกบ้าง มันก็เป็นความสุขของผม"
กว่า 20 ปีแล้วในวงการเพลงของมนต์สิทธิ์ กับภาพจำนักร้องลูกทุ่ง ลูกเอื้อนติดหู และภาพลักษณ์ที่ดูไม่ค่อยแมนสักเท่าไหร่ พอโพสต์ภาพไปไหนมาไหนมักมีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งตามไปด้วย แม้ออกมายอมรับว่าเลี้ยงเด็กเหล่านี้ไว้เพราะอย่างให้มีงานทำ มีงานอนาคต ก็ไม่วายโดนคิดร้าย "ลึกๆ เลี้ยงเด็กเหล่านี้ไว้ทำไม"
"มีๆ ได้ยินบ่อย เด็กประมาณ 5-6 คน ผู้ชายหมด ไม่ใช่พี่เลี้ยงไว้กินเหรอ ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ แต่คุณหนะคิดสกปรกเอง ผมเป็นคนดูแลเด็กให้มันมีเงินไปโรงเรียน"
มนต์สิทธิ์ ยืนยันเหมือนเดิม ว่าเขาต้องการให้โอกาสเด็กๆ ซึ่งครอบครัวอาศัยอยู่ในซอยเดียวกัน และไม่ได้ดูแลหรือให้โอกาสเฉพาะเด็กผู้ชาย แต่ยังมีเด็กผู้หญิงอีกหลายคนด้วย แต่เวลาไปทำงานไม่ได้พาเด็กผู้หญิงไปด้วย เพราะไม่สะดวก
"พ่อแม่เขารายได้น้อย มันเป็นการช่วยเหลือพ่อแม่เขาด้วย ไปงาน คนนี้ถือสูท คนนี้ถือน้ำข้างเวทีนะ แล้วก็ไอ้คนนั้นเปิดแผ่นเปิดซาวน์ดนตรีให้ร้อง คนนั้นพอลงรถมาปุ๊บ วิ่งไปหาเจ้าภาพว่าพี่มนต์สิทธิ์มาแล้วนะครับ ได้ละห้าร้อย พันนึงได้ละ อย่างน้อยมันก็ได้เก็บไว้ ใช้ของมันไม่ต้องไปขอพ่อแม่"
"ไม่มีเงินมีทอง จะให้เขาไปขโมยเหรอ ไปปล้นเหรอ จะให้เขาไปขโมยเงินพ่อเงินแม่ ขโมยมอเตอร์ไซค์ไปขายเหรอ ผู้หญิงก็มีแต่ว่า พ่อแม่เขาไม่ให้ไปงานอย่างนี้ด้วยหรอก แต่ก็ดูแล เวลาผมกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในซอย ป๋าๆ อยากกินก๋วยเตี๋ยว เอาสั่งกินเลยมีกี่คนล่ะ สั่งคนละถ้วย ไม่อิ่มสั่งได้นะเบิ้ลเลย"
นักร้องที่ได้รับรางวัล พระพิฆเนศทองพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2539 ประเภทผู้ขับร้องเพลงลูกทุ่งยอดนิยม จากเพลงขายควายช่วยแม่ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 11 ประจำปี พ.ศ. 2540 บอกอีกว่า ตัวตนของเขาเป็นคนรักสันโดษ
จึงไม่นำความสุขของตนเองไปผูกไว้กับคำพูดติดลบ หรือเอาไปแขวนไว้กับปากใคร ส่วนตัวมีความสุขกับการเป็นผู้ให้ ก็ตั้งใจสร้างความสุขให้กับตนเองต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกว่าต้องโฆษณาให้วงกว้างมาสรรเสริญเยินยอ เพราะความสุขอยู่ที่ใจ
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ