สัมภาษณ์ Bazzi กับเพลงใหม่สำหรับคนอกหัก กระแส TikTok และช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิต

Bazzi ศิลปินเจ้าของเพลงดังอย่าง “Mine,” “Paradise,” “Beautiful,” “I.F.L.Y.” และเป็นเจ้าของผลงานระดับแพลตตินัมมากมาย กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ “Will It Ever Feel The Same?” โปรดิวซ์โดย Kevin White เป็นเพลงที่บอกเล่าถึงอารมณ์และความคิดของคนที่เพิ่งแยกทางจากคนรัก เพลงเศร้าๆ เหงาๆ แต่ให้กำลังใจคนกลายๆ เพลงนี้จะเป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดของคุณได้ไม่ยากแน่นอน ทำความรู้จัก Bazzi ไปพร้อมๆ กับเพลงใหม่ล่าสุด ผ่านบทสัมภาษณ์จากผู้สื่อข่าวจากฝั่งเอเชียที่ได้ร่วม zoom interview ด้วยกันในบรรยากาศสุดแสนจะเป็นกันเอง รับรองว่าคุณจะต้องรู้จักศิลปินคนเก่งคนนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน

---

เบื้องหลัง และแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง “Will It Ever Feel the Same?” คืออะไร

Bazzi: ผมแต่งเพลงนี้หลังจากที่ผมเลิกกับคนรักเมื่อราวๆ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาครับ มันอาจจะแปลกนิดนึงตรงนี้เพลงเพิ่งจะปล่อยในช่วงนี้ แต่ตอนที่ผมแต่งเพลงนี้คือผมเพิ่งผ่านเหตุการณ์นั้นมาหมาดๆ แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น อารมณ์กำลังหน่วงเต็มที่ ตอนนี้ผ่านไปปีครึ่งแล้ว ผมคงไม่ได้เศร้ามากขนาดนั้นแล้ว ซึ่งมันก็น่าสนใจมาก ในฐานะที่เป็นศิลปินผมก็จะพยายามถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงนี้ให้ออกมาดีเหมือนเดิม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีตที่เคยพบเจอ แล้วเล่าเรื่องราวเหล่านั้นออกมาอีกครั้ง ประมาณนี้ครับ

ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มันส่วนตัวมากๆ เพราะผมคิดว่าความรู้สึกหลังไม่สมหวังในความรัก เป็นความรู้สึกที่ใครๆ ก็เคยเจอ แต่มันส่วนตัวมากเป็นพิเศษผมรู้สึกว่าในตอนนั้นอีโก้ของผมถูกทำร้าย หัวใจผมแตกสลาย จู่ๆ ก็เกิดความกังวล เกิดความกลัวขึ้นมาชีวิต ช่วงที่แต่งเพลงนี้ออกมามันเลยไม่ง่ายนัก แต่ตอนนี้ผมโอเคแล้วครับ หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นทำให้ผมรู้สัจจะของชีวิตมากขึ้นว่าชีวิตคนเรามันก็มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นได้ เพียงแค่เรามันไปให้ได้ในอนาคตก็เท่านั้น ประมาณนี้ครับ

สิ่งที่อยากจะบอกแฟนๆ ผ่านเพลงนี้ คืออะไร

Bazzi: ผมอยากบอกทุกคนที่ฟังเพลงนี้ว่า แม้ว่าในชีวิตของเราจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาลก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องแย่ๆ เสมอไป ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ขอแค่ลุกขึ้นสู้และใช้ชีวิตต่อไปให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอครับ

ระหว่างถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลงนี้ เป็นอย่างไรบ้าง

Bazzi: เพลงนี้กลายเป็นมิวสิควิดีโอที่ผมชอบที่สุดเท่าที่ผ่านมาเลยครับ ปกติแล้วผมจะเป็นคนวางคอนเซ็ปต์ของมิวสิควิดีโอของผมเอง และผมรู้สึกว่าผมค่อนข้างทำได้ดีมากขึ้นในการเรียบเรียงความคิดในหัวและถ่ายทอดผ่านออกมาในแต่ละฉากแต่ละตอน จากภาพรวมใหญ่ๆ จนไปถึงส่วนรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละฉาก และถ่ายทอดออกมาให้คนเห็นแล้วเข้าใจได้ครับ

อย่างในมิวสิควิดีโอนี้คุณจะเห็นว่าในช่วงแรกจะให้อารมณ์สว่างสดใส มีความสุข แต่ครึ่งหลังจะเริ่มมืดหม่น เพื่อแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของที่เพิ่งผ่านการเลิกรา เพิ่งแยกทางจากคนรัก ความแตกต่างที่ชัดเจนของทั้งสองอารมณ์นี้น่าจะเป็นสิ่งที่คนดูน่าจะเข้าใจได้ง่ายครับ

คุณเคยบอกว่าคุณอยากจะแต่งเพลงเพื่อส่งสารไปถึงทุกคนที่ต้องการรับข้อความดีๆ ไปจากคุณ แต่คุณจะทำอย่างไรให้ตัวเองได้แต่งเพลงตามใจชอบ และถ่ายทอดความเป็นตัวเองลงไปในเพลงของคุณเองด้วย

Bazzi: เป็นคำถามที่ดีมากครับ สำหรับผม ผมมองว่าบางครั้งคุณสามารถจินตนาการถึงคนหรือสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน แล้วค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นในระหว่างที่ทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ เพิ่มเติม แต่สำหรับผม ไม่ได้หมายความมันจะเป็นกฎเหล็กตายตัวหรืออะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมแต่งเพลงออกมาได้ดีก็ต่อเมื่อผมได้ถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ที่ผมรู้สึกเองจริงๆ ออกมาได้ดีกว่า เขียนเนื้อเพลงและแต่งทำนองเพลงออกมาได้ง่ายกว่า เพราะมันออกมาจากใจของผมเองเลยครับ

ช่วงเวลาไหนที่คุณคิดว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดตั้งแต่คุณเป็นศิลปินมา

Bazzi: ผมคิดว่าน่าจะราวๆ 2 ปีครึ่งที่แล้วครับ เป็นช่วงที่ผมพยายามต่อสู้กับสิ่งที่ผมอยากจะทำให้สำเร็จมรโดนตลอด แล้วสุดท้ายมันไม่เป็นดั่งหวัง ผมไม่พอใจในตัวเองและไม่มีความสุข แต่แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในเส้นทางการเป็นศิลปิน แต่ผมก็ได้คิดว่ามันเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากในช่วงนั้นเหมือนกันครับ ผมได้เรียนรู้ว่าการเป็นศิลปินมันไม่ใช่แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในการเพอร์ฟอร์มบนเวที หรือแค่การมีเพลงฮิต แต่ผมต้องเรียนรู้ที่เป็นคนธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตตามปกติ ในฐานะคนธรรมดาๆ คนหนึ่งด้วย ผมได้เรียนรู้ที่จะแบ่งแยกชีวิตในการเป็นศิลปิน แต่งเพลง ทำดนตรี และอีกตัวตนหนึ่งซึ่งก็คือผม คนธรรมดาๆ ผมพยายามไม่ดึงเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนของงานมากระทบกับชีวิตส่วนตัวในการเป็นคนตามปกติของผม แม้จะเป็นส่วนที่ยากลำบากแต่ก็เป็นส่วนสำคัญมากๆ ในชีวิตของผมครับ

การเติบโตมาในครอบครัวที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลาย ส่งผลต่อการทำเพลงของคุณบ้างไหม

Bazzi: ผมคิดว่าใช่นะครับ พ่อของผมเป็นคนเลบานอน การเกิดมาในครอบครัวที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายมีผลต่อมุมมองและความรู้ต่างๆ ที่ผมถ่ายทอดผ่านเพลงออกไปด้วย และผมคิดว่าในอนาคตผมอาจจะมองหาเสียงต่างๆ จากธรรมชาติมาใส่ในผลงานของผมให้มากขึ้นด้วยครับ

ในระยะหลังๆ มานี้ เราได้เห็นการก้าวเข้ามาของ TikTok ที่เริ่มมีบทบาทสำหรับในการโปรโมตเพลงในโลกออนไลน์มากขึ้น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้

Bazzi: ผมคิดว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ ข้อดีก็คือ แม้ว่าคุณจะเป็นศิลปินหน้าใหม่ แต่ถ้าคุณทำเพลงดี ทำเพลงโดน พอปล่อยออกไปแล้วกระแสตอบรับดี มันก็เป็นเรื่องดีให้กับคุณด้วย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นช่องทางที่ช่วยโปรโมตให้ศิลปินหน้าใหม่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สิ่งนั้นล้วนเป็นสิ่งดีเสมอครับ แต่การที่เราจะพึ่งพาสิ่งนี้เป็นหลักสำคัญ ผมคิดว่าอาจทำให้ศิลปินไม่สามารถผลิตผลงานออกมาได้ดีและหลากหลายเท่าแต่ก่อนได้ เพราะผมยังคิดว่าเพลงเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาเพื่อคนฟัง และเพื่อตัวศิลปินเองครับ

ในช่วงที่กระแสเพลง K-POP กำลังมาแรง คุณสนใจอยากร่วมงานกับศิลปิน K-POP คนไหนเป็นพิเศษหรือไม่

Bazzi: ผมไม่แน่ใจว่าทุกคนทราบหรือเปล่าว่าจริงๆ แล้วผมเริ่มต้นเส้นทางในการเป็นศิลปินและการแต่งเพลงด้วย K-POP นี่แหละครับ ในช่วงที่ผมกำลังหาทางเริ่มต้นงานสายดนตรีจริงจัง ผมได้รับโอกาสได้เดินทางไปแต่งเพลงที่เกาหลีใต้ให้กับค่าย SM Entertainment ผมได้แต่งเพลงให้กับ แทยอน Girls’ Generation หนุ่มๆ NCT และอีกหลายๆ คน ผมชอบวัฒนธรรมของเอเชียมาก และนอกจากเรื่องของวัฒนธรรมแล้ว ผมยังชอบในความใส่ใจในรายละเอียดของการทำงานศิลปะของเอเชียมากๆ ด้วย พวกเขาอยากทำผลงานออกมาให้มันดี สวยงาม น่าชม นั่นทำให้ผมหลงรักใน K-POP มากๆ ครับ

ก้าวต่อไปที่เราจะได้เห็นจาก Bazzi เป็นอย่างไรบ้าง

Bazzi: มันอาจจะอธิบายเป็นคำพูดยากอยู่สักหน่อย แต่ผมอยากจะทำงานเพลงของผมต่อไป มองหาสิ่งที่ผมรักในเสียงดนตรีต่อไปเรื่อยๆ แนวไหนก็ได้ ถ้าให้ผมอธิบายว่าอัลบั้มล่าสุดนี้เป็นแนวไหน ผมอธิบายไม่ถูกเลยแหละครับ เพราะมันเป็นแนวผสมผสานกันหลากหลายมาก ดนตรีบวกกับเสียงต่างๆ หากพวกคุณได้ฟังเพลง “Will It Ever Feel the Same?” ในบางช่วงบางตอนคุณอาจจะเซอร์ไพรส์กับดนตรีในช่วงต่างๆ ของเพลงที่แตกต่างกันได้ก็ได้ ผมตื่นเต้นที่จะได้โชว์เพลงทั้งหมดให้คุณได้ฟังมากๆ ครับ

และผมอยากจะบอกทุกคนว่า ผมรักประเทศในแถบเอเชียมากๆ ช่วยพาผมกลับไปหน่อยครับ (ยิ้ม) ผมชอบผู้คน วัฒนธรรม ศิลปะ หวังว่าจะได้กลับไปจริงๆ ครับ