The Yers "PRAY" Album Concert มหกรรมการมองโลกในแง่ร้าย ที "ดี" เกินคำภาวนา

ปัจจุบันนี้มีวงดนตรีไทยวงไหนที่ทั้งพิถีพิถันในการทำงาน และกล้าลองอะไรใหม่ๆ ไม่หยุด?

ทุกครั้งที่เราเจอคำถามนี้ ศิลปินกลุ่มแรกๆ ที่เราจะนึกถึงคือ The Yers วงดนตรีที่มากับ 4 สมาชิกอย่าง อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (ร้องนำและกีตาร์), ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ (กีตาร์), โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ (เบส) และ บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง (กลอง) ซึ่งหัวเรือใหญ่อย่าง อู๋ ยศทร ถือเป็นนักดนตรีและศิลปินที่เรามองว่ามีความเป๊ะและแนวคิดในการทำเพลงทุกงาน จนบางทีถึงกับอิมโพรไวซ์การอัดแบบใหม่อย่างในอัลบั้มอะคูสติก CRY และหาอะไรใหม่ๆ มาใส่ทั้งในงานตัวเองอย่างไซด์โปรเจกต์ TORRAYOT จนเราต้องอุทานในใจแทบทุกครั้งที่เจอผลงานใหม่ของเขาว่า “เขาไปเอาไอเดียและซาวด์มาจากไหนวะ” ในขณะที่ 3 เพื่อนร่วมวงทั้งต่อ โบ๊ท และ บูม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักดนตรีที่หลายคนยอมรับ และทำหน้าที่ตัวเองในวงได้ดี รวมถึงมีลูกเล่นสกิลล์ที่คาดไม่ถึงมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ บ่อยๆ

แต่นอกจากที่กล่าวมา อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจของ The Yers คือการที่พวกเขาเน้นการทำเพลงที่สื่อถึงการมองโลกในแง่ร้าย แต่ก็เป็นความดาร์กที่สนุกไปด้วยได้ และบางเพลงก็มีการฝากแนวคิดดีๆ อย่างในเพลง “คืนที่ฟ้าสว่าง” ซึ่งแม้จะดาร์ก แต่ก็มีท่อนท้ายของฮุคที่ทิ้งท้ายว่า “แต่เธอจะผ่านพ้นมัน” ซึ่งความตั้งใจในดนตรี รวมไปถึงแนวคิดที่ตีความเจ็บปวดอันน่าสนใจ ทำให้ตัวผู้เขียนที่ปกติจะชื่นชอบเพลงฟีลกู้ด และเป็นคนมองโลกสีพาสเทล พร้อมอ้าแขนรับเพลงของ The Yers ในเพลย์ลิสต์แบบเต็มอกเต็มใจ และพร้อมจะกดฟังผลงานใหม่พวกเขาทันทีที่ถูกปล่อย รวมถึงยกให้ อู๋ ยศทร เป็นหนึ่งในศิลปิน นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ในดวงใจiรวมถึงกล้าใช้คำว่า The Yers คือวงโปรดวงหนึ่ง และทุกครั้งที่ได้ยินว่าพวกเขามีเพลงใหม่ความคาดหวังเล็กๆ ในใจอย่าง “ขอให้ The Yers เซอร์ไพรส์เราต่อไปนะ” มันจะมาทันที 

อีกหนึ่งเรื่องความมหัศจรรย์ที่วง The Yers มีก็คือความสามารถในการแสดงสดที่พาทุกคนดำดิ่งกับฟีลของเพลงและการแสดงสดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งถ้าโชว์ของพวกเขามาเจอกับคนดูที่เป็นแฟนเพลง มันจะกลายเป็นโชว์ที่เต็มอิ่มมาก อย่างในงาน The Yers "PRAY" Album Launch Concert ที่จัดขึ้น ณ ร้าน Mischa Cheap ถนนข้าวสาร 

หลังจากที่เราได้ชม Documentary ของอัลบั้ม วง The Yers ก็ได้เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการเดินผ่านคนดูที่ Mischa Cheap เพื่อขึ้นแสดง โดยการแสดงได้เริ่มด้วย Interlude เพลง “แด่เบื้องบน” ก่อนตามด้วยเพลง “ปริศนา” และ “พร้อมยอมตาย” ที่หลายคนได้ฟังแล้วแบบเข้มข้นสุดๆ โดยงานครั้งนี้อู๋ได้บอกทุกคนว่าเขาจะอธิบายเรื่องราวทุกเพลงไปพร้อมกัน ก่อนที่จะเล่าเรื่องแต่ละเพลง “แสดงความเสียใจ” ที่มีดนตรีจี๊ดจ๊าดกวนๆ เหมาะกับเนื้อหาที่มีความเยาะเย้ยและแดกดัน ก่อนตามด้วยเพลง “มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น” ที่อู๋ได้ให้เพื่อนๆ มาร่วมแต่งเนื้อร้องจนเกิดเคมีใหม่ๆ อย่างเช่นท่อนภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะถึงพาร์ทเซอร์ไพรส์ที่เป็นการแนะนำเพลง “โลกในแง่ร้าย” ที่อู๋ได้เล่นเปียโนและร้องพร้อมให้บูมเล่นกลองไฟฟ้า ซึ่งช่วงเปลี่ยนผ่านโชว์ เราได้เห็นโบ๊ท กับ ต่อ พูดความในใจถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย 

พอผ่านเพลง “โลกในแง่ร้าย” เราได้ฟังเพลงเดือดๆ อย่าง “ตำรับยา” และ “ล้างแค้น” ที่มากับแสงสีแดง ซึ่งระหว่างที่โชว์บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตามอารมณ์ ก่อนที่ทางวงจะหยิบเพลงฟีลกู้ดอย่าง “ถูกเวลา” มาขั้น ซึ่งอู๋ได้พูดความในใจถึงคนรักที่คอยสนับสนุนเขามาตลอด ก่อนที่วงจะปิดท้ายเพลงในอัลบั้มด้วย “หมาป่าเดียวดาย” ที่เต็มไปด้วยความเดือด ซึ่งระหว่างที่โชว์ช่วงท้ายก็มีโมเมนต์ที่น่าตกใจคือมีเหตุการณ์ที่ผู้ชมเป็นลม จนอู๋ที่เห็นเหตุการณ์รีบขอโทษผู้ชมทันทีที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจให้ทีมงานแจกน้ำที่พวกเขาจะใช้ดื่มระหว่างแสดงให้กับผู้ชมด้านล่างทั้งหมดประมาณ 10 ขวด โดยระหว่างโชว์ตลอดงาน เราได้ฟังคำขอบคุณของวงต่อแฟนๆ และทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการแสดงแบบไม่หยุด จนเราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งความประทับใจเรื่องใหม่ที่มีต่อวงว่าภายใต้ภาพที่ดำมืดและดาร์ก พวกเขาคืออีกวงที่ให้เกียรติกับใส่ใจคนรอบข้างดีเลย 

แต่แม้เราจะได้ฟังเพลงทั้งอัลบั้มหมดแล้ว แต่ The Yers เองก็เอาเพลงฮิตมาโชว์แบบต่อเนื่อง ทั้ง “เทศกาล” ที่มากับพลุในสกรีนด้านหลัง และ “ระหว่างขับรถ” ที่สนุกจนเกิดโมเมนต์บอดี้เซิร์ฟของผู้ชม 3 คน ก่อนที่วงจะตัดอารมณ์มาเล่นเพลงที่อินโทรเบาอย่าง “คืนที่ปวดร้าว” ซึ่งอู๋ได้ลงมาด้านล่างและยืนบนแท่นเพื่อกระตุ้นอารมณ์ผู้ชมด้วย และหลังจากนั้นก็ถึงคิวเพลง “เกลียด” และ “เพียงหนึ่งครั้ง” กับ “เสพติดความเจ็บปวด” ที่ทุกคนร้องตามได้ ก่อนที่การแสดงจะปิดท้ายด้วยอังกอร์เพลง “การสื่อสาร”  

ความที่เพลงทุกเพลงของวงได้มาจากวง และแพชชั่นของสมาชิก ทำให้เรารู้สึกจมดิ่งกับความดาร์กที่วงต้องการสื่อ โดยเราเองที่เข้ามาคอนเสิร์ตด้วยอารมณ์สนุกสนาน ก็รู้สึกดิ่งไปกับหลายเพลงเศร้าในงาน และพร้อมสนุกกับสะใจไปกับเพลงเนื้อหาเจ็บแต่แถมความจี๊ดที่ชวนให้รู้สึกอยากแสยะยิ้มเมื่อเข้าหู โดยระหว่างที่โชว์นอกจากศิลปะการใช้เสียงในการสื่ออารมณ์ของอู๋แล้ว เรายังได้เห็นความเด็ดของพาร์ทดนตรีที่เขาตั้งใจเล่นด้วย 

ส่วนสมาชิกคนอื่นก็บอกได้เลยว่า “เจ๋งทุกคน” ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังของวงอย่างบูมที่เล่นกลองได้ตามสั่งไม่ว่าเพลงจะแนวไหน จนเรามองว่าการปรับการเล่นที่เขาพยายามทำนั้นมันเห็นผล ส่วนโบ๊ทก็มาพร้อมการเดินเบสเท่ๆ จนเราเข้าใจเลยว่าทำไมอู๋ถึงบอกใน Documentary วงว่าโบ๊ทจะตาลุกวาวทันทีเวลามีเพลงของวงที่เปิดโอกาสให้มีพาร์ทเดินเบส ส่วนต่อนอกจากพาร์ทกีตาร์ที่จัดหนักจนสายขาด เขาก็เป็นเมมเบอร์คนสำคัญในพาร์ทเสียงสังเคราะห์ด้วย จนเรามองว่าแม้หลายคนจะยกให้ The Yers เป็นกีตาร์แบนด์ แต่เรามองว่าวงนี้ขาดสมาชิกคนไหนไม่ได้เลยจริงๆ และอีกสิ่งที่เราแปลกใจในโชว์นี้ก็คือการที่เมมเบอร์บอกว่า เล่นผิดกันหลายรอบ ตอนเล่นเพลงใหม่ เพราะเราไม่รู้สึกติดอะไรเลย 

โบ๊ท The Yers

ทางด้านอีกส่วนประกอบของงานที่ทำให้ทุกอย่างออกมาดี ก็คือ ผู้ชม ซึ่งใครที่เคยชมเรื่องราวหรือสัมภาษณ์ของวง จะสัมผัสได้เลยว่าพวกเขาจะมีการทำโชว์ที่ปรับตามอีเวนต์ และชื่นชอบการแสดงที่พวกเขาอยู่ท่ามกลางคนที่เป็นแฟนเพลงจริงๆ และนี่ทำให้พวกเขากล้าที่จะเล่น กล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อเซอร์วิสแฟนๆ ในงาน The Yers “PRAY” Album Launch Concert โดยเราเองบอกเลยว่า จากที่เคยดูการแสดงของ The Yers ในเทศกาลดนตรีที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของไลน์อัพ กับงานครั้งนี้ที่เป็นของพวกเขาจริงๆ หลายอย่างมันจะต่างกันมาก จนเราแอบเชียร์ให้วงจัดคอนเสิร์ตหรือโชว์เคสสำหรับแฟนๆ อย่างน้อยทุกไตรมาส เพื่อที่เราจะได้เห็นการแสดงของพวกเขาท่ามกลางคนที่เป็นแฟนเพลงจริงๆ 

อีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับงานครั้งนี้ และคงไม่ได้เห็นบ่อยๆ ก็คือการที่อู๋ได้เล่าเรื่องราวแต่ละเพลง เพราะเรารู้สึกเลยว่านอกจากการสร้างซาวด์และบทเพลงรวมถึงการร้องเพลงแล้ว เขาเป็นคนที่มีศิลปะการเล่าเรื่องด้วยคำพูดที่ดีอีกคนเลย เขาสามารถเล่าเรื่องแต่เพลงได้เป็นฉากแถมสอดแทรก Sense of humour หรืออารมณ์ขันที่ต้องใช้คำว่า “ไม่ค่อยเหมือนใคร” จนเราต้องฟังเวลาเขาเล่าเรื่องแบบไม่พลาด จนเรารับรู้ว่า PRAY ที่เป็นชื่ออัลบั้ม มาจากการภาวนาของอู๋ จนเขาได้รับแรงบันดาลใจที่เกิดเป็นอัลบั้ม ซึ่งเราจะไม่แปลกใจเลยว่า วันหนึ่งเราอาจจะได้เห็นอู๋ทำ Podcast เล่าเรื่องเพลง เพราะเรามองว่าเขาเหมาะกับบทบาทนี้เหมือนกัน  

ทางด้านภาพรวมอื่นๆ นั้น งานครั้งนี้มีซาวด์ดนตรีค่อนข้างดีแม้จะจัดแบบกึ่งเอาท์ดอร์ โดยเรามองว่า Mischa Cheap เป็นอีกสถานที่ที่จัดงานคอนเสิร์ตสเกลส่วนตัวได้ค่อนข้างดีเลย ถ้าไม่ติดเรื่องสภาพอากาศที่บางวันอาจฝนตก หรือ ร้อน และในขณะเดียวกันโปรดักชั่นเรื่องกราฟฟิค แสง และเอฟเฟ็กต์ที่ทีม HUI ร่วมรับผิดชอบก็เหมาะกับแต่ละโชว์มาก 

ในส่วนของอัลบั้ม PRAY ตัวเราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มในดวงใจของเราเลย เพราะเราได้ฟังหลายบทเพลงที่มาจากตัวตนของอู๋ทั้ง “หมาป่าเดียวดาย”, “โลกในแง่ร้าย” ไปจนถึงเพลงที่มาพร้อมดนตรีเข้มข้นอีกเพียบ และในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นวงออกจากคอมฟอร์ตโซนเหมือนที่ผ่านมาทั้งการใส่ดนตรีที่คาดไม่ถึงและเดาทางยากจากอินโทรไปจนถึงโซโล่ การให้สมาชิกมาร่วมแต่งเพลง “มีเพียงคนรักกันเท่านั้น” และการที่มากับเพลงที่ฟีลกู้ดเหนือความคาดหมายอย่าง “ถูกเวลา” รวมถึงการละทิ้งซาวด์กีตาร์ในเพลง "โลกในแง่ร้าย" ที่พวกเขาทำได้ดี ซึ่งโดยรวมแล้วอัลบั้ม PRAY ทำให้คำขอของเราที่เคยขอในใจไว้ว่า “ขอให้ The Yers เซอร์ไพรส์เราต่อไปนะ” เป็นจริง

หลังจากดูการแสดง The Yers “PRAY” Album Launch Concert ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้ดูโชว์ The Yers แบบเดี่ยวๆ ทำให้เรามีคำขอใหม่ถึงเบื้องบนเช่น คำขอที่ว่า “ขอให้วงทำไลฟ์โชว์กับแฟนเพลงบ่อยๆ” เพราะมันดีงามจริงๆ เป็นประสบการณ์การสัมผัสโลกในแง่ร้ายที่สนุกสนานและคาดเดาอะไรไม่ได้เลย