KIMJUNSU "DIMENSION" สเตจหลากมิติของดาวค้างฟ้า ผู้มีมากกว่า “เสียง” ที่น่าอัศจรรย์

ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา แม้ คิมจุนซู ไอดอลมากความสามารถที่มีแฟนๆ ติดตามทั่วโลกจนได้ชื่อเป็น ดาวค้างฟ้า จะเจอชีวิตในวงการที่ขึ้นลงและเรื่องราวมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยคือ เขาเป็นศิลปินและไอดอลที่มีเสียงเอกลักษณ์ที่ยากจะเลียนแบบ รวมไปถึงความสามารถในการร้องเพลงที่ทำให้เขาถ่ายทอดอารมณ์และนำเสียงตัวเองไปสอดแทรกกับสถานการณ์ต่างๆ และดนตรีบีทต่างๆ ได้ลงตัว 

ถ้าคุณนึกภาพไม่ออกว่าเสียงของ คิมจุนซู นั้นมหัศจรรย์ขนาดไหน ก็ลองนึกภาพเว็บไซต์ Allkpop เคยลงข่าวเกี่ยวกับโพลที่นักวิจารณ์ดนตรีและไอดอลโหวตกันว่าไอดอลคนไหนมีความสามารถด้านการร้องเพลงสูงสุด ซึ่งคิมจุนซู สามารถติดอันดับ 1 โพลดังกล่าว และนับตั้งแต่ปี 2010-2012 เขาเคยคว้ารางวัลจากเวที The Musical Awards, Korea Musical Awards, Golden Ticket Awards ในสาขาสำคัญอย่าง Best Actor, Most Popular Actor จากการแสดงละครเวทีเพลงเรื่อง Mozart!, Heaven และ Elisabeth ซึ่งใครที่ติดตามวงการเคป็อปจะทราบกันดีว่าการที่ไอดอลจะประสบความสำเร็จในสายงานอื่นเป็นเรื่องยากมากๆ จากกำแพงทางอาชีพหรือแม้คำสบประมาทจากหลายๆ คน ซึ่งทำให้การคว้ารางวัลสายละครเวทีของ คิมจุนซู เป็นสิ่งที่การันตีความสามารถเขาเป็นอย่างดี 

ในโอกาสที่ คิมจุนซู ได้กลับมาเยือนไทยในวันที่ 25 มิถุนายนในงาน KIMJUNSU 2022 CONCERT "DIMENSION" TOUR IN BANGKOK กับผู้จัดอย่าง Ganada Ent ซึ่งจัดที่ Thunderdome เราที่ติดตามเขาตั้งแต่เป็นศิลปินกลุ่มเดบิวต์ใหม่และรับรู้ถึงความสามารถและเสน่ห์ในฐานะศิลปินก็เข้าร่วมงานครั้งนี้ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาที่ฮอลล์แม้เราจะเป็นผู้ชายเพียงไม่กี่คนในงาน แต่ก็อบอุ่นใจเพราะสัมผัสได้เลยว่าหลายๆ คนที่มาคือแฟนคลับที่ติดตามเคป็อปมาในเวลาไล่ๆ กับเรา 

ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เราได้ชมการแสดงของจุนซูในเพลงอย่าง “Fever”, “Color me in”, “A Low Constellation” และระหว่างการแสดงก็มีการคั่นของทีมแดนเซอร์ที่มากับการเต้นโชว์ โดยการแสดงได้มาในกราฟเริ่มด้วยเพลงจังหวะเร็ว ก่อนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนให้ช้าลงและกลับมาสนุกในช่วงท้ายของการแสดงกับเพลงอย่าง “HANA” และ “Incredible” ที่เร้าอารมณ์ ก่อนตามด้วยเพลงสดใสแบบ “(Sakuranbo) ซากูราโบ” ซึ่งพลังเสียงและการร้องของจุนซูที่เข้ากับทุกเพลงก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเสียงของจุนซูอยู่กับดนตรีแบบไหนก็อร่อยหมด โดยเฉพาะเพลงช้าที่ดนตรีเรียบง่ายเปิดให้ทุกคนได้สัมผัสการร้องที่เรียกได้ว่า “ระดับท็อป” และเอาอยู่ทุกเพลง หรือแม้แต่ตอนร้องแบบไม่มีดนตรี ส่วนเรื่องการเต้นนั้น แม้ชื่อเสียงของจุนซูจะเน้นไปทางเรื่องการร้อง แต่บอกเลยว่าสเต็ปและมูฟเมนต์ของจุนซูไม่ธรรมดาเลย

แต่ในงานครั้งสิ่งที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ที่สุดไม่ใช่เรื่องการร้องเพลง แต่เป็นสกิลวาไรตี้ของจุนซู เพราะแม้ 10 ปีที่ผ่านมา เขาจะแทบไม่ได้ออกรายการแนวนี้ แต่สกิลวาไรตี้และเซนส์การเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ของจุนซูเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย โดยสิ่งที่เรามองว่าทำให้จุนซูโดดเด่นเรื่องวาไรตี้คือไหวพริบ ความใส่ใจ และบุคลิกที่เป็นธรรมชาติไม่ห่วงมาดของเขา 

โดยการพูดคุยของจุนซู เราสังเกตได้เลยว่า แม้เขาจะไม่ได้มาไทยนาน แต่เขาพยายามที่จะสอดแทรกสคริปต์ภาษาไทยให้เยอะที่สุด จนถึงขั้นต้อนรับทุกคนด้วยภาษาไทยล้วน รวมถึงมากับสคริปต์ที่ตรงกับคาแรคเตอร์แฟนๆ ชาวไทยที่มีวัยช่วง 20-40 และมักจะชอบศิลปินหลายคนจนเขานำประเด็นนี้มาแซวเรื่อยๆ ก่อนที่จะเริ่มพูดถึงแฟนๆ ต่างชาติ พอรู้ว่ามีแฟนๆ จาก มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ บินลัดฟ้ามาชมด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็บอกรักแฟนๆ เรื่อยๆ อย่างเช่นตอนท้ายที่เขาสัญญาว่าจะมาเจอทุกคนไม่ว่าหลังจากนี้ฮอลล์คอนเสิร์ตหรือขนาดงานจะเล็กลงหรือไม่ก็ตาม รวมถึงการเซอร์วิสตามใจแฟนๆ ด้วยการสวมแว่นและที่คาดผมที่แฟนๆ ขอ จนเรารู้สึกเลยว่าเขาจริงใจและใส่ใจแฟนๆ ระดับหนึ่งเลย

อีกสิ่งที่เราประทับใจมากๆ ก็คือไหวพริบและความคิดสร้างสรรค์ของจุนซูที่เขาแสดงออก โดยจุนซูได้มาพร้อมพาร์ท Genie Time ที่เขาจะทำคำขอแฟนๆ 3 คนให้เป็นจริง ด้วยกติกาว่า ต้องเป็นกิจกรรมที่ทุกคนร่วมสนุกได้ โดยช่วงแรกเขาสานฝันแฟนๆ ด้วยการร้องเพลงจากละครเวที Death Note ที่เขาแสดงอยู่ แต่เป็นพาร์ทของนักแสดงคนอื่น ซึ่งเขาทำได้ดีมากๆ แม้ไม่มีดนตรี และอีกข้อนั้นแฟนๆ ก็ให้ร้องเพลงตามคำขอและตอบคำถามเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการตอบคำถามเร็วจากแฟนๆ ซึ่งมีทั้งเรื่องผี อาหาร สถานที่อยู่ โดยข้อที่เราชอบสุดๆ คือคำถามว่า ระหว่าง ห้ามเล่นเกมตลอดชีวิต กับ ห้ามกินชาบูตลอดชีวิต ให้เลือกอะไร และจุนซูได้ตอบว่าเลือกไม่กินชาบูตลอดชีวิต เพราะเขาชอบเล่นเกมจริงๆ ก่อนจะทำแฟนๆ กรี๊ดด้วยการตอบว่า ส่วนเรื่องชาบู ผมทานต้มยำกุ้งแทนได้ และช่วงท้ายงานเขาก็ฉีกแนวด้วยการสอนทุกคนเต้นเพลง “(Sakuranbo) ซากูราโบ” ปิดงาน จนทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับโชว์

สำหรับเราพาร์ท Genie Time และการสอนเต้นของจุนซูถือเป็นสีสันที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้เต็มอิ่มและคล้ายกับปาร์ตี้ส่วนตัวของจุนซูและแฟนๆ แต่ในขณะเดียวกัน เรามองว่าพาร์ทนี้จะมีความท้าทายถ้าทำกับแฟนๆ ที่ไม่ใช่ชาวเกาหลีใต้ เพราะการที่ต้องแปลทุกคำพูดและกำแพงภาษา รวมไปถึงการสื่อสารกับแฟนๆ ที่อยู่ล่างเวทีที่ไม่ง่าย นั้นทำให้โชว์ส่วน Genie Time กับการสอนเต้นค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร และอาจจะทำให้พาร์ทอื่นต้องลดทอนเวลาลงไปอย่างเช่นช่วงท้ายที่เป็นการอำลาแฟนๆ แต่โดยรวมแล้วเราชื่นชมความตั้งใจของจุนซูที่อยากทำให้คอนเสิร์ตแตกต่างและมีกิจกรรมร่วมกับแฟนๆ ที่ไม่เจอมานาน และแถมแฟนๆ กลุ่มนี้สามารถเชียร์และร่วมสนุกกับเขาได้เต็มที่ ไม่เหมือนงานในเกาหลีที่ผู้ชมทำได้แค่ปรบมือ (ปัจจุบันนี้คอนเสิร์ตในเกาหลีสามารถส่งเสียงกรี๊ดได้แล้ว) 

ทางด้านภาพรวมของงาน แม้งานครั้งนี้จะมีโปรดักชั่นและองค์ประกอบหลักจะมีแค่เอฟเฟกต์พลุ และสกรีนด้านหลังที่มากับเพลงต่างๆ รวมถึงพื้นที่ทำให้เขาปรากฎตัวกลางเวที แต่การแสดงของจุนซูและทีมแดนเซอร์คือเอาอยู่จริงๆ และงานครั้งนี้จุนซูก็เตรียมลุคมาหลากหลายจนแฟนๆ ว้าวทุกครั้งที่เขาปรากฎตัว ส่วนพาร์ทซาวด์นั้นด้วยความที่งานนี้ไม่ได้ใช้ดนตรีสด ทำให้พวกเขาไม่โดนผลกระทบเรื่องซาวด์จาก Thunder Dome ที่หลายวงมักจะโดนเวลาเล่นสด จนภาพรวมซาวด์งานของจุนซูออกมาค่อนข้างโอเค 

ตลอด 3 ชั่วโมงของงาน KIMJUNSU 2022 CONCERT "DIMENSION" TOUR IN BANGKOK เป็นทั้งคอนเสิร์ตที่มีการแสดงร้องเต้นที่สุดยอด แฟนมีตติ้งและปาร์ตี้ส่วนตัวที่จุนซูได้สนุกกับคนที่รักเขาจริงๆ และมีกิจกรรมมากกว่าหลายงานแฟนมีตที่เราเคยไปมาด้วย จนเป็นข้อพิสูจน์ว่า คิมจุนซู ไม่ใช่แค่ไอดอลสายโวคอลตัวท็อปของวงการ แต่คือดาวค้างฟ้าและซูเปอร์สตาร์ที่ครบเครื่องอีกคน และเรามองว่าในวันนี้ที่เขาเริ่มต้นใหม่กับค่ายที่ตั้งเอง มันจะทำให้เราได้เห็นอะไรที่เซอร์ไพรส์แฟนๆ อีกมากจากเขา