ศิลปินผู้ทำให้เพลงเก่าคืนชีพ โดย อนุสรณ์ สถิรรัตน์ | Sanook Music

ศิลปินผู้ทำให้เพลงเก่าคืนชีพ โดย อนุสรณ์ สถิรรัตน์

ศิลปินผู้ทำให้เพลงเก่าคืนชีพ โดย อนุสรณ์ สถิรรัตน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ่านหัวเรื่องแล้วเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวที่ไม่มีอะไรน่าสนใจนะครับ แต่เชื่อไหมครับว่าบางเพลงที่ประสบความสำเร็จในอดีต เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็หลงลืม และไม่มีใครสนใจความสำเร็จของมันอีกเลย จนกระทั่ง... มีศิลปินบางรายหยิบมันมาปัดฝุ่น นำมาร้องใหม่ อาจจะด้วยความประทับใจในอดีตที่ฟังตอนยังเด็ก หรืออาจเพราะเห็นว่าหากนำมาเพลงระดับนี้มาร้อง มันอาจจะช่วยผลักดันให้ตนเองประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม หรือแจ้งเกิดในอุตสาหกรรมดนตรีได้ไม่ยาก แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นิยามของการหยิบยกเพลงเก่ามาร้องที่เปรียบได้กับการปลุกผีเช่นนี้ มีให้เห็นให้ฟังกันเรื่อยๆ อาจจะไม่บ่อย แต่เมื่อมีเกิดขึ้นแล้ว ในวงการเพลงก็ฮือฮากันพอสมควรครับ สมัยนี้เรารู้จักการทำเพลงประเภทนี้ว่าคัฟเวอร์ครับ

เหตุการณ์ที่ศิลปินนำเพลงเก่ามาร้องใหม่จนทำให้เพลงเก่าที่ถูกลืมไปแล้ว หรือหมดความนิยมไปแล้ว กลับมาเป็นที่รู้จัก ได้รับความนิยมจนประสบความสำเร็จอีกมีไม่น้อยเลยครับ คอลัมน์นี้จึงขอหยิบยกมาให้อ่าน เอาแบบที่ยังหาเพลงดั้งเดิมมาฟังประกอบได้นะครับ แล้วจะทราบว่าเพลงเก่าที่เป็นอมตะ เวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด มันก็ยังเป็นอมตะอยู่ดี มาไล่ดูเพลงกันตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์กันเลยครับ (50-60 ปีก่อนไล่ขึ้นมาครับ)

 

เพลง "Go Away Little Girl"

Steve Lawrence (1963)

แต่งโดย Gerry Goffin และ Carole King ที่ Bobby Vee บันทึกเสียงครั้งแรกในปี 1962 แต่เวอร์ชันของ Lawrence ขึ้นอันดับ 1 ใน Billboard Chart ปี 1963

Donny Osmonds (1971)

ดนตรีนุ่มไพเราะเช่นเดียวกับเสียงร้องใสๆ ของ Donny ขึ้นอันดับ 1 เช่นกันในปี 1971 อันเป็นยุคที่ศิลปินแนวครอบครัวเล่นดนตรีทั้งวงเป็นที่นิยมในอเมริกา อาทิ The Osmonds, Jackson 5, Partridge Family

 

 

เพลง "The Loco-Motion"

Little Eva (1962)

เพลงจากปลายปากกาของ Goffin & King อีกเพลง ที่แต่งให้ Dee Dee Sharp แต่เธอเชิดใส่ จึงเป็นเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาของ Eva แทนแบบสุดฟลุก

 

Grand Funk Railroad (1974)

วงฮาร์ดร็อค/โซลอเมริกันที่คนฟังเพลงยุค '70s บ้านเราชื่นชอบกันมากจากเพลง Bad Time และเพลงนี้ ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา และยังคงความขลังข้ามไปยุค '80s

 

Kylie Minogue (1987)

ซิงเกิลแรกของเธอที่ขึ้นอันดับ 2 ในอังกฤษ และอันดับ 3 ในอเมริกา ดนตรีเป็นสไตล์ Stock Aiken Waterman ที่กำลังครองตลาดเพลงป็อปในยุคนั้น

 

เพลง "Please Mr. Postman"

The Marverettes (1961)

ขับร้องโดยสามนักร้องสาวสังกัด Motown ที่ประวัติศาสตร์จารึกว่าเป็นเพลงซิงเกิลอันดับ 1 เพลงแรกของสังกัดอีกด้วย ส่วน The Beatles คัฟเวอร์ในปี 1963

The Carpenters (1974)

เป็นเวอร์ชันที่คนทั่วโลกรู้จักกัน รวมทั้งในบ้านเรา ด้วยทำนองทันสมัยของยุคนั้น บันทึกเสียงละเอียด เนี้ยบ และเสียงร้องสะกดคนฟังของ Karen Carpenter

 

เพลง "Venus"

Shocking Blue (1970)

เพลงดังระดับโลกประเภท One Hit Wonder ของวงจากเนเธอร์แลนด์ ขึ้นอันดับ 1 หลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งอเมริกา เป็นเพลงสไตล์เพาเวอร์ป็อปที่เสียงกีตาร์และเสียงร้องเป็นจุดขาย

Bananarama (1986)

จากเพลงสไตล์เพาเวอร์ป็อปมาเป็นป็อปแดนซ์ตามยุค80s สไตล์ SA&W ที่ประสบความสำเร็จไม่ยิ่งหย่อนกว่าต้นฉบับ ติดอันดับ 1 ในอเมริกาและอีกหลายประเทศ

 

เพลง "Lean On Me"

Bill Withers (1972)

ซิงเกิลอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงป็อปและโซล เป็นเพลงช้าร้องโซลกึ่งกอสเปสที่ไพเราะมาก ไม่แปลกที่ขึ้นอันดับ 1 และทำให้เขาได้ไปร้องในเพลง "Just the Two of Us" ของ Grover Washington, Jr.

Club Nouveau (1986)

วงอาร์แอนด์บีที่คัฟเวอร์จนติดอันดับ 1 นาน 2 สัปดาห์ในปี 1987 รวมทั้งในชาร์ตเพลงแดนซ์ด้วย ด้วยดนตรีทันสมัย ทำให้คนหันมาสนใจเพลงต้นฉบับของ Withers กันไม่น้อยเลย

 

เพลง "You Keep Me Hangin' On"

Supremes (1966)

ซิงเกิลอันดับ 1 ในอเมริกาจากการแต่งของสามเสือโมทาวน์ Holland-Dozier-Holland เป็นเพลงระดับตัวแทนของเกิร์ล กรุ๊ปของยุค '60s และ Motown Sound

Kim Wilde (1987)

เวอร์ชันของเธอก็ขึ้นอันดับ 1 เช่นกัน หากแต่แตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับมาก เป็นสไตล์ Hi Energy ที่เน้นบีตและเทมโป ซึ่งทำได้ดีมากสมกับอันดับ 1 จริงๆ

 

เพลง "When A Man Loves A Woman"

Percy Sledge (1966)

ซิงเกิลที่ขึ้นอันดับ 1 ทั้งชาร์ตอาร์แอนด์บีและป็อป เป็นเพลงที่คนฟังเพลงบ้านเราและทั่วโลกรู้จักดี ทั้งจากภาพยนตร์และโฆษณาที่นำเพลงนี้มาใช้ประกอบ

Michael Bolton (1991)

รายนี้ผันตัวจากนักร้องเพลงร็อคมาร้องประเภทหยิบสิบ เลือกเพลงที่เข้ากับเสียงร้องโทนโซลได้อย่างดีเยี่ยม จนขึ้นอันดับ 1 ทั้งชาร์ตเพลงป็อปและเพลง A/C

 

เพลง "I'll Be There"

Jackson 5 (1970)

แต่งโดย Berry Gordy & Hal Davis คู่หูมือทองนักแต่งเพลงร่วมกับเพื่อนอีกสองคน เป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่ 3 และซิงเกิลอันดับ 1 เพลงที่ 4 ต่อจาก "I Want You Back", "ABC" และ "The Love You Save"

Mariah Carey (1991)

เวอร์ชันของ Mariah เป็นซิงเกิลที่ตัดจากอัลบั้ม MTV Unplugged ที่ฟีเจอริงกับ Trey Lorenz ออกไปทางสไตล์กอสเปล ส่วน Trey ก็ยังร่วมงานกับเธอมาตลอด 30 ปี

 

เพลง "Lady Marmalade"

LaBelle (1975)

เพลงอันดับ 1 ในหลายประเทศที่บ้านเรารู้จักกันดีจาก OST. Moulin Rouge ต้นฉบับนี้ออกมาในยุคดิสโกเริ่มได้รับความนิยม Patti LaBelle อยู่วงนี้ก่อนจะประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวภายหลัง

Christina Aguilera, Pink, Lil' Kim & Mya (2001)

MV เพลงนี้ยอดเยี่ยม สมกับที่ได้ศิลปินดังแห่งยุคมาร่วมร้องและแสดงกัน ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันไหน ท่อนฮุก "Voulez-vous coucher avec moi? โดดเด่นเสมอจนเป็นจุดเด่นของเพลงไปโดยปริยาย

 

เพลง "Walk This Way"

Aerosmith (1975)

ซิงเกิลอันดับ 10 ในอเมริกาของวงฮาร์ดร็อคที่ได้รับความนิยม เป็นยุคก่อนที่พวกเขาจะหันมาเล่นเพลงร็อคสไตล์ฟังสบายในช่วงปลายยุค80s เมื่อเพลงนี้ถูกปลุกจนดังในปี 1986 นั่นทำให้พวกเขากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งต่อมาอีก 30 ปีเลยทีเดียว

Run-DMC (1986)

เมื่อศิลปินฮิป ฮอป/แร็ปนำเพลงนี้มาคัฟเวอร์ในเพลงของพวกเขาที่อยู่ในอัลบั้ม Raising Hell ปรากฏการณ์แร็ปร็อคจึงบังเกิด ยังผลให้ปี 1987 ได้รางวัล Soul Train Music Award สาขา Best Rap Single และปลุกผี Aerosmith ที่กำลังเสื่อมความนิยมให้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง

 

เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเพลงซิงเกิลดังในอดีตไม่เคยถูกลืมเหมือนอย่างที่หลายคนคิด เพียงแต่มันจะถูกนำมาปัดฝุ่นทำใหม่เมื่อใดเท่านั้นเอง และยังมีเพลงดีๆ อีกมากมายที่รอศิลปินยุคนี้และยุคต่อไปนำมาทำใหม่เหมือนที่รุ่นพี่รุ่นพ่อเคยทำมาแล้ว ถ้าผมเป็นนักดนตรี และมีโอกาสทำเพลง ผมก็คงทำเพลงที่นำอิทธิพลทางดนตรีที่ตัวเองชอบมาใส่ในเพลงของตัวเองบ้างไม่มากก็น้อยครับ แต่ไม่ถึงกับลอกนะครับ แหะ แหะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook