ไม่เสียใจใช้รางวัลเกลี้ยง "อนันต์ ไมค์ทองคำ" เติมทรัพย์ได้ ใช้ทรัพย์เป็น

"นัน อนันต์" หรือ "อนันต์ ไมค์ทองคำ" นักร้องหนุ่มชนเผ่ากะเหรี่ยง หรือ ปกาเกอะญอ ที่เติบโตมาจากการเป็นแชมป์ ไมค์ทองคำ ซีซั่น 6 เปิดบ้านใน อ.แม่สอด จ.ตาก ต้อนรับทีมข่าว Sanook.com ให้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ ภายหลังตกเป็นข่าวพาดหัวเรียกแขก ใช้เงินรางวัล 1 ล้านหมดในพริบตา การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นไปด้วยความยากลำบาก

นัน อนันต์ บอกว่า รางวัลแชมป์ไมค์ทองคำ ที่ได้รับประประกอบด้วย เงินรางวัล 1 ล้านบาท รถไถนา รถกระบะ ในส่วนของเงินรางวัล 1 ล้านบาท หลังจากหักภาษีแล้วเหลือประมาณ 9 แสน 5 บาท

เมื่อได้รับเงินแล้ว ได้นำไปฝากธนาคาร หวังว่าจะได้รับดอกเบี้ย มาใช้สร้างบ้านให้กับพ่อแม่ แต่หลังจากฝากไปครบหนึ่งปี ไม่เป็นไปตามความพึงพอใจ จึงตัดสินใจเบิกทั้งหมดออกมาใช้สร้างบ้านให้กับพ่อแม่ บนที่ดินริมถนน แม่สอด-แม่เสรียง

เพราะต้องการให้พ่อแม่ในวัยชรา ได้อาศัยอยู่ในที่ ที่เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ยามเจ็บไข้ได้ป่วยไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ทันควัน

ยอมรับว่า เงินรางวัลแชมป์ไมค์ทองคำ ใช้หมดแล้วจริง และหมดไปนานแล้ว เพราะระหว่างสร้างบ้าน ประสบปัญหาหลายอย่าง ปัญหาใหญ่สุดคือ ช่างทิ้งงาน ทำให้ต้องจ้างช่างทีมใหม่เข้ามาสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ทำให้งบบานปลาย ต้องนำค่าตัวที่ได้รับจ้างการเดินสายร้องเพลง และมาลัยน้ำใจที่แม่ๆ แฟนคลับ ให้การสนับสนุน มาสมทบ

"ผมเกิดบนดอยแม่ต้อคี อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ห่างไกลความเจริญ ตอนที่ยังไม่เข้ามาเป็นนักร้อง บ้านก็ตามสภาพของคนบนดอยครับ เป็นบ้านไม้ไผ่ หลังคามุงด้วย ใบหญ้าคา พอฝากเงินครบปีก็สร้างบ้านเลย"

"ผมอยากทำให้พ่อกับแม่อยู่แล้ว ลงมาสร้างที่ใกล้ถนนแล้ว พอสร้างไปปุ๊บ ช่างเขาทิ้งงาน ก็หาช่างใหม่ มันก็เพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นไปอีก เงินรางวัลมันก็หมด ขอบคุณแม่ๆ แฟนคลับช่วย ทุกๆ คนนั่นแหละ เป็นคนทำให้ผมนะ"

"ผมไม่รู้ว่า ผมจะอยู่ตรงนี้ได้นานแค่ไหน มันไม่มีเงิน แต่ถ้ามันมีบ้าน มันก็มีที่อยู่ครับ ถ้าผมมีเงินล้านนึง แล้วก็เก็บไว้ บางทีเราไปซื้อบางอย่างมันลดอ่ะ"

"อย่างเช่น ซื้อรถอย่างนี้ จำเป็นกับชีวิตประจำวันก็จริง แต่ว่าเราซื้อปุ๊บ จากมือหนึ่ง เราขายต่อ ราคามันก็เป็นมือสองแล้ว อยากสร้างบ้านก่อน อยากได้ที่มันมั่นคงก่อน"

นักร้องหนุ่มวัย 23 ปี บอกต่อว่า หลังจากสร้างบ้านให้พ่อแม่ เป็นศูนย์รวมของครอบครัว เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชีวิตของเขายังดำเนินไปตามปกติ ไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มีงานร้องเพลง แม่ๆ แฟนคลับสนับสนุนมาลัยน้ำใจต่อเนื่อง เขายังทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ เสริมความงาม ออกมาจำหน่าย รวมถึงขายครก ขายพริก หารายได้เติมทรัพย์กลับเข้าบัญชี ไว้หล่อเลี้ยงครอบครัวในอนาคต และนำไปสร้างบ้านให้กับพี่น้อง ซึ่งเขามีความตั้งใจจะสร้างให้กับพี่น้องทุกคน

"หลังจากสร้างบ้านให้แม่เสร็จปุ๊บ ตอนนี้ก็สร้างให้พี่ชาย และก็พี่สาว เป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว อยากจะทำให้พี่ทุกๆ คน"

"ตอนที่ผมได้เข้าไปไมค์ทองคำครับ ผมก็พูดเสมอว่า ถ้าผมมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมก็จะไม่ทิ้งครอบครัว หรือว่าจะไม่ทิ้งพี่น้องที่อยู่ข้างๆ ครับ"

"มาลัยน้ำใจจากแม่ๆ แฟนคลับ ทุกๆ คนที่ให้มา ผมก็เอามาเก็บไว้ แล้วก็ค่อยๆ สร้างขึ้น ทีละนิดๆ นอกจากร้องเพลง ผมทำทุก ผมขายทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นพริก ครก ลิปสติกก็ขายนะ ผมไม่อายที่ทำมาหากิน"

"อนาคตข้างหน้าครับ ผมยังต้องใช้เงินอีกเยอะ มีหลานผมหลายๆ คนเลย ที่จะต้องเรียนต่อ อันไหนที่ผมสนับสนุนได้ ผมก็จะสนับสนุนเขาเต็มที่"

"เมื่อก่อนเราซื้อของมันราคาเท่านี้ พอมาวันนี้ โอ้โหมันสูงกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย แล้วเราไม่คิดไปข้างหน้า ถ้า 20 ปี ถ้าผมมีอายุ 40 แล้วของจะแพงขนาดไหน อายุยังน้อยอยู่ ก็เลยอยากหารายได้เสริม ที่ยังใช้จ่ายในทุกวันนี้ก่อน แต่ส่วนที่เรา ได้ค่าที่ร้องเพลง เราก็เก็บไว้เผื่ออนาคตครับ"

ในการพูดคุยครั้งนี้ นัน อนันต์ แสดงความคิดเห็นส่วนตัวด้วยว่า ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต ใหญ่ก็เล็กได้ รวยได้ก็จนได้ แข็งแรงได้ก็ป่วยได้ อย่าคิดว่ามีเงินใช้แล้วจะมีแบบนี้ตลอดไป มีทรัพย์แล้วต้องใช้ทรัพย์ให้เป็นด้วย

รายได้ที่หามาได้ในปัจจุบันนี้ ส่วนตัวนอกจากเก็บสะสมในรูปแบบของเงินฝากเข้าบัญชี ยังได้นำไปซื้อบ้านใน อ.แม่สอด จ.ตาก และซื้อที่ดินเก็บไว้รองรับอนาคต

"คือผมมองว่า ซื้อพวกนี้ดีกว่า คืออย่างน้อยอนาคตมันก็ขึ้น แล้วผมก็นำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับน้องๆ บ้างครับ โรงเรียนเก่าผมแหละ เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เรารู้ว่าเด็กเขาต้องการอะไร เขาขาดเหลืออะไร"

"น้องที่อยู่บนดอย ไม่ว่าจะโอกาส หรือว่าอะไรหลายๆ อย่าง มันเทียบกับข้างล่างไม่ได้ แล้วก็มีในส่วนของโรงพยาบาล ผมก็ไปบริจาคครั้งละหมื่นสองหมื่น ผมก็ทำมาตลอด ทำเท่าที่ผมมีกำลัง"

"ชีวิตตอนนี้ก็ดี ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ หน้ามือเป็นหลังมือ ขอบคุณโอกาสครับ ตราบใดที่แฟนคลับยังให้กำลังใจ ยังสนับสนุน ผมก็จะร้องเพลงให้เขา เพราะว่าถ้าเขามีความสุขกับการที่ผมร้องเพลง ผมก็ยังทำอยู่ แต่ถ้ามันไม่มีแล้ว ผมก็ไม่เอาแล้ว ก็คงพอ"