"Today is Monday!" เมื่อความร็อคปะทะสายฝนจนเป็นปฐมบทที่ยากจะลืมของ Only Monday

แม้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาวงการเพลงจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ค่ายเพลง GMM Grammy ได้แนะนำศิลปินใหม่จำนวนมากให้แฟนๆ ได้รู้จัก โดยเฉพาะค่าย Gene Lab ที่แนะนำศิลปินใหม่ถึง 8 เบอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสามารถควบคู่คาแรคเตอร์ ตามความตั้งใจของ โดยหนึ่งในนั้นคือ Only Monday วงดนตรี 3 ชิ้นที่มีสมาชิกอย่าง  ธีร์-ทีปกร คำสุรีย์ (ร้องนำ-กีต้าร์), โปรด-วริศ สาระเขตต์ (มือเบส) และ เฟรม-คฑาวุธ ขำทอง (มือกลอง) โดยพวกเขาได้เปิดตัวในค่ายกับเพลง “สองมาตรฐาน” ก่อนจะกราฟพุ่งรวดเร็วกับเพลง “ได้แต่นึกถึง” ที่เคยขึ้นถึงอันดับ 2 ชาร์ต JOOX และมียอดวิวหลัก 10 ล้านในเวลาไม่นาน และหลังจากนั้นพวกเขาก็มีผลงานต่อเนื่อง และมีอัลบั้มชุดแรกในชื่อเดียวกับวงในที่สุด

Only Monday

จากการสัมผัสของเรา Only Monday ถือเป็นอีกวงที่มีคาแรคเตอร์ต่างจากศิลปินกลุ่มอื่นใน Gene Lab ค่อนข้างชัดเจน โดยภายนอกพวกเขาดูมีบุคลิกเข้าถึงง่าย อารมณ์แบบรุ่นพี่ที่รุ่นน้องพึ่งพาและปรึกษาได้ในชมรมดนตรีและดูเป็นมิตร แต่เมื่อจับเครื่องดนตรีประจำกายพวกเขาจะกลายเป็นวง 3 ชิ้นที่ซาวด์ต่างๆ แน่นมากทั้งพาร์ทดนตรีและการร้องของธีร์ที่มีลูกเล่นเยอะทั้งพลังเสียงเกรี้ยวกราดและการถ่ายทอดอารมณ์ให้คนอิน ในขณะที่เนื้อหาเพลงพวกเขามีภาษาที่เข้าถึงหลายๆ คนและตรงไปตรงมาจากปลายปากกาของธีร์ ซึ่งจากองค์ประกอบที่กล่าวมา เรามองว่าพวกเขามีหลายสิ่งที่จะทำให้พวกเขามีความสำเร็จที่โตขึ้นเรื่อยๆ 

Only Monday

และแล้วหลังไมล์สำคัญของการเป็นวงดนตรีก็มาถึง เมื่อ Only Monday ได้มีงาน Today is Monday! 'วันนี้วันจันทร์' คอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรก ที่เรามองว่าใช้ชื่อได้เหมาะมากๆ เพราะวันจันทร์นั้นเป็นชื่อวงและวันแรกของการทำงานที่สื่อถึงการเริ่มต้นได้เช่นกัน อีกทั้งยังพ้องเสียงกับคำว่า "มัน" ที่ภาษาไทยสื่อถึงความสนุก โดยงานนี้จัดในวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ลาน Siam Square One ซึ่งด้วยความที่เป็นลาน Outdoor ก็ทำให้ตัวงานได้รับผลกระทบจากสายฝนเต็มๆ แต่เมื่อฝนเบาลง ทางวงก็ได้ขึ้นเวทีสัมภาษณ์เรื่องอัลบั้มและจัดเต็มการแสดงทันที 

Only Monday

โดยงานนี้วงได้นำเพลงจากอัลบั้มและเพลงที่เคยทำมาแสดง 11 เพลง ทั้ง “ไม่ต้องมา” ซิงเกิลล่าสุดที่มาพร้อมความเดือดจนเราเข้าใจทันทีว่าทำไมหลายคนถึงยกให้พวกเขามาเป็นวง 3 ชิ้นที่แน่นมากๆ ทั้งเบส กีตาร์ กลอง และเสียงของธีร์ที่เกรี้ยวกราดและมีพลัง ส่วนดนตรีของโปรดและเฟรมก็หนักแน่น แม้จะมีบางช่วงที่เสียงของธีร์จะจมกับดนตรีบ้าง แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบการแสดงของพวกเขามาก และหลังจากเพลงแรกจบ ก็ถึงคิวเพลง “สองมาตรฐาน” ผลงานแรกในบ้าน Gene Lab ก่อนที่งานจะค่อยๆ มากับเพลงรักอย่าง “ฉันเป็นของเธอ” ที่เป็นอีกแนวที่พวกเขาทำได้ดี และอีกเพลงที่สนุกแต่แอบเศร้าอย่าง “รอเธอตั้งนาน” และเพลง “แค่น้อยใจ นิดหน่อย” 

Only Monday

หลังจากเพลงสนุกๆ เราก็ได้ฟังเพลง “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ที่ธีร์จมกับความเศร้าแต่ก็ยังแผดเสียงแบบโหด และหลังจากนั้นก็เป็นช่วงเพลงในอัลบั้มอย่าง “ไม่คิดจะลืม”, “ทิ้งไป” ที่เป็นเพลงเศร้าที่น่าจะเข้ากับฟีลลิ่งคนยุค 20 และ 30 หลายคน ก่อนที่ทางวงจะมากับเพลง “ทุกความทรงจำ” ที่เข้มข้นสุดๆ ทั้งพลังและความเศร้า และหลังจากนั้นก็มีโชว์เพลง “ได้แต่นึกถึง” ที่ธีร์ชวนทุกคนเล่นทะเลดาว ก่อนที่วงจะโชว์เพลงสุดท้ายที่ตอนนี้ (9 กรกฏาคม 2565) แฟนๆ ยังโหวตให้ฟังกันอยู่ ก่อนที่ทางวงจะขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องและลาแฟนๆ 

Only Monday

ด้วยความที่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ชมการแสดงของวง Only Monday บอกเลยว่า เราประทับใจการเล่นสดของพวกเขามาก เพราะพวกเขาคือวงดนตรี 3 ชิ้นอีกวงที่เรามองว่า เล่นดนตรีแน่นจริงๆ ส่วนธีร์นอกจากการแต่งเพลงที่เข้าถึงหลายๆ คนแล้ว ยังมีพลังเสียงและการถ่ายทอดเพลงที่เรามองว่าน่าสนใจ และตัวเขาก็ดูอินกับสิ่งที่สื่อและอยากเล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่เราเห็นและฟังขณะแสดงก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า Only Monday ศักยภาพพร้อมจะเป็นดาวเด่นในวงการ 

Only Monday

นอกจากเรื่องการแสดงดนตรีแล้ว วันนี้เรายังได้เห็นธีร์พูดคุยกับแฟนๆ นำเข้าสู่เพลงต่างๆ ซึ่งเท่าที่ดูเรามองว่าพวกเขาธีร์เป็นคนพูดไม่มาก แต่ค่อนข้างตรงประเด็นและเป็นกันเอง ส่วนโปรดกับเฟรมเราก็แทบไม่ได้เห็นเขาพูด นอกจากตอนแสดงความรู้สึกหลังโชว์เสร็จ โดยสิ่งที่เราทำให้เรามองว่า ณ เวลานี้ เรื่องการพูดคุย เอนเตอร์เทน อาจจะไม่ใช่ภาพจำอันเด่นของวงในเวลานี้ เหมือนการเล่นและร้องสดที่แน่นนัก แต่เราก็ไม่ได้ติดอะไร เพราะการแสดงมากกว่า 10 เพลงพวกเขาทำได้ดีเลย

Only Monday

ที่ผ่านมาเราเจอหลายๆ วงดนตรีและศิลปินที่มีช่วง Talk กับแฟนๆ หลายรูปแบบ อย่าง Tilly Birds ที่มาสายบิ๊วและขยี้อารมณ์เวลานำเข้าแต่ละเพลง หรือ The Yers กับ ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ ที่จะมากับความกวน แต่ก็มีเสน่ห์ในการเล่าเรื่องพูดคุยกับแฟนๆ แบบเฉพาะตัว และก็มีวงอย่าง Paradox ที่ฉีกกรอบการเล่นสนุกบนเวทีไปไกลจนนักร้องนำอย่าง ต้า-อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา แทบไม่ต้องพูดหรือแม้แต่บางวงที่พูดน้อยต่อยหนักเล่นโชว์ต่อเนื่องแบบแทบไม่คุยแบบ Two Door Cinema Club ตอนมาไทย และนี่ทำให้เราอยากรู้มากว่าในอนาคตเมื่อวง Only Monday ออกงานเยอะขึ้่นเรื่อย เราจะเห็นการเอนเตอร์เทนเขาในรูปแบบไหน เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 น่าจะทำให้พวกเขาแทบไม่ได้ขึ้นโชว์เท่าไหร่ แต่ด้วยบุคลิกของ 3 หนุ่มที่เราเกริ่นว่ามีความจับต้องได้และเข้าถึงง่ายจนแอบนึกถึงรุ่นพี่ที่เป็นกันเองในชมรมดนตรี พวกเขาน่าจะหาวิธีเอนเตอร์เทนที่สร้างภาพจำของวงได้น่าสนใจ  

Only Monday

• Two Door Cinema Club Live in Bangkok 2019 เดือด โหด มันยันวินาทีสุดท้าย

ส่วนเรื่องเพลงของวงในอัลบั้มแรก เราชื่นชอบทิศทางการทำงานของ Only Monday กับความร็อคและป็อปที่เข้าถึงง่าย แต่ก็มีแฝงดีเทลน่าสนใจอย่างการเล่นเสียงคอรัสในบางเพลง การอิมโพรไวซ์และโซโล่ ส่วนเพลงก็เปรียบเสมือนกระบอกเสียงหัวใจหลายๆ คน ในแง่สถานะความรักความสัมพันธ์ ซึ่งจากสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ ก็ทำให้เราตื่นเต้นกับก้าวต่อไปว่าพวกเขาจะไปทางไหน เพราะจากความสามารถที่มี ตัวตนอันชัดเจน และการอยู่ในค่ายเพลงที่เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมสังกัดและพันธมิตรทางดนตรีที่แข็งแรงอย่าง Gene Lab ทำให้การแจม การคอลแลปส์ ที่จะทำให้เกิดสีสันใหม่ๆ ของวงนั้นเป็นไปได้ โดยเราอาจจะได้เห็นวงสอดแทรกความฮิปฮอป หรือแม้แต่การเล่นกับดนตรีพื้นบ้านแบบ ASIA7 ไปจนถึงวัฒนธรรมดนตรีไทย คือด้วยความสามารถของ Only Monday อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับพวกเขา 

Only Monday

สำหรับภาพรวมของงาน ด้วยความที่เป็นงานเปิดอัลบั้มกลางแจ้ง ทำให่งานครั้งนี้มีเวทีกับจอด้านหลังแบบเรียบง่าย แต่การแสดงที่สนุกของแต่ละโชว์ก็ทำให้เราอยู่กับโชว์แบบเต็มอิ่ม และอีกเรื่องที่เราแปลกใจคือ แม้ว่างานนี้จะจัดกลางแจ้งและใกล้ๆ กันมีการเล่นดนตรีซึ่งเป็นกิจกรรมช่วงเย็นของย่านสยามช่วงนี้ แต่งานครั้งนี้มีซาวด์ดนตรีค่อนข้างโอเคเลยสำหรับเรา 

Only Monday

งาน  Today is Monday! 'วันนี้วันจันทร์' เป็นก้าวแรกที่ทำให้เรามองว่า Only Monday มีศักยภาพที่น่าสนใจมากในฐานะศิลปิน เพราะพวกเขามีทุกอย่างที่จะพาสู่ความสำเร็จ และทำให้เราอยากรู้มากว่าเมื่อวันคืนเปลี่ยนไป การเติบโตพวกเขาในฐานะวงที่ชัดเจนตัวตนจะเป็นไปในทิศทางไหน