หวาย-คุณแม่ เปิดความผูกพัน เกิดต่างยุคแต่รู้ใจจนจองบัตรคอนเสิร์ตให้กันได้
Highlight
- ที่ผ่านมา หวาย-ปัญญริสา ชุมรุม กับ หน่อง-ปัญชนิตย์ เธียรประสิทธิ์ เป็นคู่แม่ลูกที่เรียกได้ว่าตัวติดกันตั้งแต่หวายเกิด จนคุณแม่ถ่ายทอดความชอบดนตรีและสื่อบันเทิงให้กับหวาย จนทั้งสองมีเทสใกล้เคียงกัน และมักดูซีรีส์หรือไปคอนเสิร์ตด้วยกัน
- แม้ว่าจะเกิดต่างยุคสมัย จนทำให้ค่านิยมเพื่อนร่วมยุคของหวาย นั้นต่างจากยุคของคุณแม่ แต่ทั้งสองได้แชร์มุมมองของตัวเอง ทั้งเรื่องความฝันของเพื่อนร่วมยุค และต่างตื่นเต้นกับเรื่องราวของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพในฝัน กิจกรรมยามว่าง หรือวิธีการสื่อสาร
- แต่ด้วยบุคลิกบางอย่าง ก็มีบางเรื่องที่หวายและคุณแม่เห็นไม่ตรงกัน แต่ทั้งสองก็มีความรักความใส่ใจที่ทำให้ความโกรธไม่เคยอยู่นาน และมีความเชื่อว่าการพูดคุยคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด จนทำให้บางครั้งเพื่อนของหวายก็มาขอคำปรึกษาจากคุณแม่หน่องเอง
ใครที่ติดตาม หวาย-ปัญญริสา ชุมรุม จะทราบเรื่องราวว่า เธอและคุณแม่ หน่อง-ปัญชนิตย์ เธียรประสิทธิ์ เป็นคู่แม่ลูกที่สนับสนุนกันและกัน จนเรามักเห็นหวายกับคุณแม่ไปไหนมาไหนด้วย แม้แต่เวลาเดินสายโปรโมตผลงานใหม่ๆ ตั้งแต่อยู่สังกัดเก่า จนมาอยู่บ้าน XOXO Entertainment ในปัจจุบัน จนทางเราได้พาทั้งสองมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์และ Generation Gap ว่าทั้งสองมีมุมไหนที่คล้ายและเหมือนกัน
การถ่ายทอดความชอบจากแม่สู่ลูก
ด้วยความที่คุณแม่ปัญชนิตย์เลี้ยงดูหวายมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอได้ถ่ายทอดความชอบบทเพลง และภาพยนตร์ โดยคุณแม่เล่าว่า "สมัยก่อนชอบดูมิวสิคัล (ภาพยนตร์เพลง) ซึ่งที่เราชอบ ก็จะจัดให้เขาดูหมดเลย West Side Story ชอบมาก My Fair Lady, South Pacific เป็นมิวสิคัลเขาดูตลอดเวลา และแอคตามทั้งเรื่องเลย" และหวายได้พร้อมเล่าถึงซีรีส์ที่ดูตอนโตว่า "ก็คือจะชอบมากๆ ต้องดูทุกวัน อยากดู ไม่งั้นจะรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ คุณแม่ต้องเปิดให้ นี่ก่อนพูดได้นะ แต่ช่วงที่โตขึ้นมาหน่อย หนูชอบ เรามาดู CSI ด้วยกัน CSI Crime Scene Investigation มีหลายซีซั่นมาก 20 กว่าซีซั่น และมีของ MIAMI LA (Las Vegas), New York หลังๆ ก็มีเกาหลี เปลี่ยนแนวเรื่อยๆ เริ่มด้วย Full House, Coffee Prince ดูด้วยกันทุกอย่าง"
"สมัยแม่วัยรุ่นเลยนี่ แอกเนส ชาน สมัยจะนั้นมีคาสเซ็ทเทป ก็จะมีคาสเซ็ทเทป และจะแต่งตัวเหมือน ใส่กระโปรงมินิสเกิร์ต และถุงเท้ายาวขึ้นมาถึงหัวเข่า สมัยนั้นอะ น้องคนนี้เขาดังมาก เสร็จแล้ว สมัยนั้นก็ฟังไปเรื่อยๆ ชอบฟังดนตรีอยู่แล้ว ฟังทุกอย่างค่ะ แล้วก็ถ้าเลยวัยรุ่น สัก 30-40 ก็ชอบ Eminem มาก แล้วก็เปิดให้หวายฟัง หวายก็ชอบตามไปด้วย แต่เราก็ชอบดนตรีทุกอย่างนะ" คุณแม่ของหวายเปิดใจเรื่องการติดตามศิลปินสมัยวัยรุ่น และหวายได้เล่าถึงความสุขที่ได้ติดตามศิลปินกับคุณแม่ว่า "เหมือนฟังหลายแนวด้วยกัน คุณแม่ พาไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน เยอะมากที่มาเมืองไทย ชีวิตนี้หนูโชคดีมาก เพราะคุณแม่ชอบศิลปิน ชอบฟังเพลง ชอบคอนเสิร์ตเหมือนกัน ทุกคอนเสิร์ตใครมาได้ไปดูหมด" ก่อนจะเล่าเรื่องที่ทำให้เราตื่นเต้นกับความใจตรงกันของแม่ลูกคู่นี้
"ล่าสุด หนูหลับอยู่นะคะ ตื่นมาโทรหาแม่ แม่อยู่บ้านเดียวกันนะคะ จะโทรไป "ฮัลโหลแม่ ตื่นแล้ว" "ฮัลโหล แม่ทำอะไรอยู่" แม่บอก แม่เพิ่งกลับมานะ ซื้อบัตร Billie Eilish มา เราก็... อ้าว นี่ลูกยังไม่รู้เลยว่า Billie Eilish มา แล้วคือแม่อยู่ดีๆ คือซื้อแล้ว จะไปดูด้วยกัน"
ชีวิตวัยรุ่นที่แตกต่างหลายมุม แต่มิตรภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ
ด้วยวัยที่ต่างกัน ทำให้บางเรื่องราวในชีวิตของหวายและคุณแม่แตกต่างกันมาก แต่ด้วยความสนิทและนิสัยที่คล้าย ทำให้หวายรีแอคด้วยความตื่นเต้นเวลาคุณแม่เล่าเรื่องในยุคตัวเอง โดยคุณแม่ได้เล่าถึงเรื่องการใช้ชีวิตสมัยเรียนว่า "สมัยแม่หลังโรงเรียนคือกลับบ้าน คือไม่ได้ไปไหนเลย สมัยก่อนเด็กไม่ค่อยไปไหนหลังเลิกเรียนเท่าไหร่ แต่จะไปเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น เสาร์อาทิตย์ก็นัดกับเพื่อน ไปโบว์ลิ่ง ประมาณนี้คะ แล้วก็เดินเล่น เดินเล่นที่ต่างๆ สมัยนั้นสยามก็ยังมีอยู่ สยามสมัยนู้นเลยนะ แต่จะโบว์ลิ่งอะ เด็กๆ สมัยนั้น แล้วก็แค่ Weekend (สุดสัปดาห์)" ส่วนเรื่องราวของหวายนั้นก็ไม่ต่างจากที่หลายคนคิด เนื่องจากเธอเข้าวงการตั้งแต่อายุแค่ 13 ปี
"รุ่นหนูก็จะแบบ คือไม่ค่อยได้นัดเจอเหมือนกัน เพราะส่วนมากจะอยู่กับแก๊งค์ก๊วนทำงาน ด้วยความที่เราวัยเดียวกัน และเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ก็กลายเป็นสนิทกับแก๊งค์เพื่อนๆ ทำงาน ก็เลยอยากไปที่ตึก ไปหาเพื่อนที่ทำงาน ก็เป็นที่ๆ หวายอยากไปมากที่สุด Comfortable (สบาย) ที่สุด หลังเลิกเรียน ถ้าสมมุติไม่ไป ก็นัดเพื่อนมาบ้าน ชอบให้เพื่อนๆ มาเล่นที่บ้าน มาอยู่กับเราที่บ้าน มาเจอคุณแม่ สนุก จนวันนี้ก็ยังทำแบบนั้นอยู่"
เรื่องราวเทคโนโลยีและแฟชั่นยุคแม่ที่ทำคนรุ่นใหม่ตื่นเต้น
อีกหนึ่งเรื่องราวที่ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้เจอเหมือนกัน แต่ก็ยังพอเข้าใจความท้าทายก็คือเรื่องการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่เทคโนโลยีในโซเชียลยังไม่พัฒนาแบบปัจจุบัน ซึ่งคุณแม่เล่าถึงข้อจำกัดในการสื่อสารสมัยที่มีความรักและพูดคุยกับคนที่ชอบจนเราเห็นว่ามันต่างจากยุคปัจจุบันจริงๆ
"ของแม่นะ โทรศัพท์อย่างเดียวแบบหมุนๆ และต้องถือ จีบกันก็โทรศัพท์อย่างเดียว ไม่ได้ไปไหน ไม่ค่อยได้ส่งจดหมาย นอกจากอยู่ต่างประเทศถึงจะส่งจดหมาย ถ้าอยู่ที่นี่ก็โทรศัพท์ แค่นี้เอง"
ขณะที่หวายก็เล่าถึงข้อจำกัดในยุคของเธอว่า "ตอนช่วงนั้นเพิ่งเริ่มโทรศัพท์ Nokia เล็กๆ หลังรุ่นใหญ่นะ ตอนนั้นรุ่นใหญ่คือ ป.5 ตอนขึ้น Middle School มันจะเป็นรุ่นเล็กที่เล่นสเนค (เกมงู) ได้อยู่แบบมันๆ ชอบมาก แล้วเราก็ใช้นี่พิมพ์ๆๆๆ สนุกมาก ตอนนั้นก็จะ Text Message หากันตลอดเวลา เมื่อก่อนคือ Text นึงกี่บาทก็ไม่รู้ และนี่ส่งเยอะมาก แบบ Message นึง 3 บาท โทรศัพท์ตอนนั้นจำได้เลยคือตอนจีบกัน เพื่อนต้องแอบอยู่อีกสาย ต้องแอบเหมือนเข้ามาฟังกิ๊กกั๊กกัน เป็น Conference Call 3 สาย" ก่อนคุณแม่จะยืนยันจากปากตัวเองว่า "มีค่า Message ของหวายเยอะมาก จำได้"
การพูดคุยกับหวายและคุณแม่ก็อีกเครื่องยืนยันว่าแฟชั่น การแต่งตัวนั้น เป็นเรื่องวัฎจักร เพราะเสื้อผ้าหลายชิ้นในยุคของคุณแม่ ก็เป็นไอเทมที่หวายกับเด็ก Gen Y หลายคนชอบสวมใส่ ซึ่งคุณแม่บอกเรื่องราวยุคนั้น
"แฟชั่นสมัยก่อนเหรอ ก็ "กางเกงขาบาน" ซึ่งมันก็กลับมาฮิตอีก คือแฟชั่นมันกลับมาได้ตลอดเวลาเลย เพราะฉะนั้น มันก็ซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมา แถวนี้ แต่ตอนสมัยแม่วัยรุ่นคือมีกางเกงขาบาน กางเกงเอวต่ำ แบบนี้อะ แล้วก็มีคาดศรีษะด้วย สมัยนั้นใครใส่ก็ฮิปปี้นะ ก็ประมาณนี้ค่ะ มันก็ฮิปปี้ แบบร็อคๆ นิดๆ ด้วย"
ในขณะที่หวายซึ่งชื่นชอบแฟชั่นคุณแม่ก็เล่าว่า "คุณแม่อินกับแฟชั่นตั้งแต่สมัยก่อน เราก็จะเก็บเสื้อผ้าไว้อย่างดี จะได้เห็นว่าคุณตอนวัยรุ่นคุณแม่ใส่อะไรบ้าง ทั้ง Crop top คุณแม่ กางเกงเอวต่ำคุณแม่ จากเราเคยมอง เหมือนมันไม่ค่อยอยู่ในเทรนด์เลยนะ แต่ทำไมตอนนี้เรารู้สึกว่า อ้าว ทำไมเรารู้สึกว่ามันอินเทรนด์อะไรอย่างนี้ ตอนนี้ก็เลยเอาเสื้อผ้าคุณแม่มาใส่หมดเลย ทั้ง กางเกงเอวต่ำ Turtle Neck (เสื้อคอเต่า) และ กระโปรงเอวต่ำ อย่างนี้อะคะ คือได้จากคุณแม่หมด ก่อนจะทิ้งท้ายสั้นๆ ว่า "ต้องเอารูปมาโชว์ แบบว่าสุดปัง แฟชั่นแม่ปังมาก" ซึ่งทำให้เราไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นเธอมาสัมภาษณ์ในลุควินเทจที่เข้ากับเธอสุดๆ
ความขัดแย้งที่ไม่เกิดบ่อยและมักจะจบลงอย่างรวดเร็ว
จากเรื่องราวความสนิทของแม่ลูก ทำให้เราไม่แปลกใจเมื่อหวายกับคุณแม่เผยว่าทั้งสองแทบไม่เคยทะเลาะเรื่องใหญ่ๆ กันเลย ซึ่งหวายได้แสดงความเห็นไว้ว่า "ความคิดเห็นคนเรามันไม่ตรงกันทุกเรื่องอยู่แล้ว บางที่เราคิดว่านี่เป็นไอเดียที่ดี เขาอาจจะคิดว่าไอเดียนี้ไม่ดี บางไอเดียที่เขาคิดว่าดี เราอาจจะคิดว่าไม่ดี มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั้นมากกว่า นอกจากอารมณ์ไม่ดี คุณแม่ก็จะบอกว่า Calm down (ใจเย็นๆ) นะ แบบ It's Ok เพราะเราจะเป็นคนที่ควบคุมความรู้สึกไม่เก่ง Sensitive Emotional อารมณ์ตี๊สต๊าสมาก ก่อนจะทิ้งท้ายเรื่องอารมณ์ตัวเองว่า "ติสท์สุดๆ ใครเจอก็จะแบบ "น้องติสท์มาก"
การพูดคุยและเปิดใจคิดอีกมุม คือวิธีการก้าวผ่านความขัดแย้ง
จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา คุณแม่ปัญชนิตย์ ได้เผยว่าการพูดคุยเปิดใจ คือวิธีที่ช่วยก้าวผ่านความไม่เข้าใจได้ดีที่สุด โดยเธอได้ย้ำเรื่องนี้ว่า "พูดคุยเยอะๆ ต้องคุยกันเยอะๆ เราต้องเอาใจเขาใส่ใจเรา ต้องคิดแบบเด็ก ส่วนเขาต้องคิดแบบผู้ใหญ่ เพื่อนหวายก็มาคุยกับแม่"
ส่วนหวายที่ผ่านชีวิตวัยรุ่นเข้าสู่ชีวิตช่วง 20 ตอนปลาย ก็ได้เสริมว่า "เหมือนที่หวายบอกไป อะไรที่ Disagree มันก็ต้องบอกกันอะ เฮ้ย แต่เรารู้สึกแบบนี้นะ เรารู้สึกแบบนี้จริง และถ้าบอกคุณแม่ไป ถ้าเขาฟังแล้วเข้าใจ หวายว่ามันพอแล้ว มันไม่เกี่ยวว่าบ่นหรือไม่บ่นนะ นั่นอีกเรื่อง แต่ขอให้เขาเข้าใจและรับฟัง มัน Matter (สำคัญ) มากสำหรับหวาย เรื่องนี้มันสำคัญสำหรับหวายจริงๆ เพราะคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง" "เพื่อนโทรหาแม่ คุยกับแม่ อยากมานอนบ้าน เพราะอยากปรึกษาคุยกับแม่ หนูก็แบบยินดีมาก ชอบมากที่คุณแม่เข้าใจทุกคน"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ