"อีซูมาน" แห่ง SM กล่าวสุนทรพจน์ในงาน 3rd World Cultural Industry Forum
- “เราจะสร้างโลกความบันเทิง Metaverse ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ”
- “อนาคต คือ การก้าวเข้าสู่ยุคของ Web 3.0 และยุคของ IP กับคอนเทนต์”
- นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ของยุค Metaverse “K-CITY จะเป็นเมกกะของ Hallyu ที่ซึ่ง Metaverse ทั้งทางกายภาพและเสมือนจริงอยู่ร่วมกัน รวมถึงแแฟนด้อมและครีเอเตอร์หลายร้อยล้านคนมารวมตัวกัน”
โปรดิวเซอร์ อีซูมาน (Soo-Man Lee) แห่ง SM Entertainment (เอสเอ็ม เอ็นเทอร์เทนเม้นท์) เข้าร่วมงาน 3rd World Cultural Industry Forum (หรือ WCIF) ที่ถ่ายทอดทาง YouTube เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวสุนทรพจน์หลักภายใต้หัวข้อ วิสัยทัศน์ใหม่ที่เปิดยุค Metaverse: Metaversal Origin Story
ในวันนั้น โปรดิวเซอร์อีซูมาน ได้กล่าวว่า "SM Culture Universe (SMCU) ซึ่งเป็น Metaverse ของ SM ที่นำเสนอค่านิยมหลักและวิสัยทัศน์ของโลกความบันเทิงแห่งอนาคตนั้น เป็นโลกทัศน์ วิสัยทัศน์ และพิมพ์เขียว ที่เราเตรียมการมาเป็นเวลานาน ด้วยความหวังว่า K-Pop และ Hallyu จะกลายเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความรักตลอดไป ไม่ใช่แค่กระแสความนิยมในรุ่นใดรุ่นหนึ่ง โดยเราได้ตั้งชื่อใหม่และกำลังพัฒนาให้เป็น ‘Metaversal Origin Story’ แนวคิดที่รวบรวมเรื่องราวอันมีเอกลักษณ์ของศิลปิน SM ที่ข้ามไปมาระหว่างโลกเสมือนจริงและโลกจริง สิ่งที่มักเรียกกันว่า โลกทัศน์"
พร้อมกล่าวเสริมว่า "ด้วยการรวมเทคโนโลยี Blockchain และ Metaverse เข้าด้วยกัน คอนเทนต์ของ SM จะสามารถผลิตซ้ำและขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็น Recretable Content ที่ทุกคนสามารถมีส่วนในการร่วมสร้างสรรค์ได้ รวมถึงจะเกิดเป็นโลกความบันเทิงแห่งอนาคต ที่ถูกเชื่อมโยงด้วยวัฒนธรรมอันอยู่เหนือกาลเวลาและพื้นที่ โดยในโลก Metaverse นั้น Killer Content และ Original Content ที่ตัวผมและ SM ได้สร้างขึ้นมา จะถูกเพิ่มมูลค่าสูงสุด ผ่านการสร้างสรรค์ใหม่ (หรือ Recretable) โดยแฟนด้อม K-POP และโปรซูเมอร์ทั่วโลก และเพื่อที่จะกลายเป็นโลกความบันเทิง Metaverse ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสร้างสรรค์ได้นั้น ผมได้นำเสนอ P2C (Play2Create) วิสัยทัศน์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการสร้างวัฒนธรรม เช่น เพลง วิดีโอ การออกแบบ และเกมในอนาคต เรากำลังสร้างระบบนิเวศ P2C แบบใหม่ ที่ปลุกความคิดสร้างสรรค์ด้วยการขยายเทคโนโลยีทางวัฒนธรรม และกลายเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการสร้างสรรค์"
อีกทั้งยังกล่าวย้ำว่า "P2C จะจัดหา IP ที่เป็น Killer Content และจะกลายเป็นระบบนิเวศบนพื้นฐาน Blockchain ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ จาก IP เนื่องจากทุกคนสามารถใช้และบันทึกได้อย่างอิสระ ดังนั้น คุณสามารถแบ่งปันลิขสิทธิ์กับผู้อื่นได้ อีกทั้งทุกคนยังสามารถสร้างรายได้ ขณะเพลิดเพลินไปกับกระบวนการสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการใช้ IP ที่เป็น Original Content นี้ กิจกรรมสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ จะกลายเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอีกไม่ช้า จากนี้ไป เรากำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล จากยุค Web 2.0 ที่มีสื่อและการจำหน่ายเป็นศูนย์กลาง ไปสู่ยุค Web 3.0 ที่เป็นยุคของ IP และคอนเทนต์ ในโลก Metaverse ทางกายภาพและเสมือนจริง ที่มีโลกเสมือนและโลกจริงอยู่ร่วมกันนั้น พลังของวัฒนธรรมจะสร้างทั้งความเป็นไปได้ใหม่ๆ และสร้างเศรษฐกิจของครีเอเตอร์สำหรับพวกเรา"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรดิวเซอร์อีซูมาน ได้เล่าถึงกรณีที่ประเทศเกาหลีใต้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เนื่องจากความนิยมของ K-POP และ Hallyu ดังนี้
"Culture First, Economy Following Next ได้เกิดขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล ในโลกอนาคตเองก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน K-CULTURE เมกกะของ Hallyu ที่ถูกสร้างจากการที่ Metaverse ทั้งทางกายภาพและเสมือนจริงอยู่ร่วมกันนั้น จะสร้างเมืองเสมือนจริงที่สะท้อนเมืองของเกาหลีใน Metaverse ซึ่งในที่แห่งนั้น แฟนด้อมและโปรซูเมอร์ จะสร้าง K-CITY เสมือนจริงแห่งอนาคต ที่เกิดเป็นพื้นที่และกิจกรรมใหม่ ๆ ดังนั้น หาก K-CITY เสมือนจริงที่สร้างขึ้นจากการจำลองดังกล่าว ได้รับการสะท้อนอีกครั้ง และสร้าง K-CITY ขึ้นในโลกจริง เหล่าแฟนด้อมและครีเอเตอร์หลายร้อยล้านคน จะหลั่งไหลกันเข้ามาหาประเทศของเรา ในโลก Metaverse นั้น พื้นที่ กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และคอนเทนต์ จะถูกสร้างขึ้นอย่างเหนือจินตนาการ ด้วยการแลกเปลี่ยนเมืองและวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ"
ก่อนจะกล่าวปิดท้ายว่า "วิสัยทัศน์สูงสุดของ K-Pop และ Hallyu คือ ‘การสร้าง’ ซึ่งเป็นสภาพธรรมชาติสูงสุดของมนุษย์ที่พระเจ้าประทานให้ มันเป็นโลกที่ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการสร้างสรรค์" และ "Original Content ของ SM จะเปลี่ยนเป็น Recreatable Content เพื่อให้โปรซูเมอร์สามารถสร้างคอนเทนต์ใหม่ได้อีกครั้ง และจะกลายเป็นรากฐานให้กับศิลปิน ครีเอเตอร์ และโปรซูเมอร์มากมายในอนาคต ที่พยายามทำให้ความฝันในการสร้างสรรค์เป็นจริง อีกทั้งผมยังหวังว่า สิ่งนี้จะได้รับการบันทึกไว้เป็นมรดกที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมและสันติภาพของมนุษย์ เวลาแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว หวังว่าทุกคนเองก็จะเข้าร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ และหวังว่ามนุษยชาติและจิตวิญญาณของ SM จะถูกส่งต่อถึงทุกคน พร้อมกับความสุขในการสร้างสรรค์นี้ Be Kind, Be Humble, Be the Love ตัวผมและ SM จะเตรียมการล่วงหน้าสำหรับโลกความบันเทิงแห่งอนาคตต่อไป และทำงานให้หนักยิ่งขึ้นในฐานะผู้บุกเบิก"
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซีอีโอของ SM อีซองซู (Sung-Su Lee) ก็ได้กล่าวสุนทรพจน์พร้อมแบ่งปันเรื่องราวจุดเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่าง SM และสวีเดน ดังนี้
"เพลง ‘Dreams Come True’ ของ S.E.S. ที่วางจำหน่ายในปี 1998 เป็นเพลงที่โปรดิวซ์โดยนักแต่งเพลงชาวฟินแลนด์ Risto และถูกปล่อยในยุโรป เพื่อให้ S.E.S. ได้ร้องเพลงนี้ ในตอนนั้น โปรดิวเซอร์อีซูมาน ได้ไปเยือนฟินแลนด์ด้วยตัวเองและขอเพลงนี้ ซึ่ง Risto ที่รู้สึกซาบซึ้งใจก็อนุญาตให้ปล่อยเพลงนี้ออกมา ตั้งแต่นั้นมา SM ก็ได้นำเพลงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และเปลี่ยนเพลงเหล่านั้นให้เป็น K-POP และนำเสนอไปทั่วโลก" ตลอดจนความคาดหวังในการร่วมมือกันว่า "เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Stina Billinger เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธุรกิจ อุตสาหกรรมและนวัตกรรมของสวีเดน และ Daniel WOLVÉN เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำเกาหลีใต้ ได้มาเยือนสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ SM ซึ่งทาง Stina Billinger ได้กล่าวว่า ‘SM และดนตรีของสวีเดน มีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่าง จึงตั้งตารอถึงการแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องกับ SM’ โดยพวกเราจะร่วมมือกับสวีเดน เพื่อเผยแพร่ K-POP ไปทั่วโลก และพัฒนาให้เป็นแนวเพลงที่ดีที่สุด"
ทั้งนี้ งาน 3rd World Cultural Industry Forum ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2022 ภายใต้ธีม “ยุคสมัยของ Metaverse: อุตสาหกรรมดนตรีและความบันเทิง” โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ โปรดิวเซอร์ Soo-Man Lee, ซีอีโอของ SM Sung-Su Lee, เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำเกาหลีใต้ Daniel WOLVÉN, ซีโอโอ Sebastien Borget ของ The Sandbox, Zhao Yun ศาสตราจารย์ในสถาบันวิจัยระบบอัตโนมัติ ที่สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และซีอีโอ Hayden Bell ของ Bell Partners