“ตัน Fight ตัน” สมรภูมิสุดหรรษาที่พา "โอ๊ต-ป๊อบ"และผองเพื่อนแหกคอมฟอร์ตโซน (วันแรก) | Sanook Music

“ตัน Fight ตัน” สมรภูมิสุดหรรษาที่พา "โอ๊ต-ป๊อบ"และผองเพื่อนแหกคอมฟอร์ตโซน (วันแรก)

“ตัน Fight ตัน” สมรภูมิสุดหรรษาที่พา "โอ๊ต-ป๊อบ"และผองเพื่อนแหกคอมฟอร์ตโซน (วันแรก)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง และ โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ถือเป็นศิลปินและวาไรตี้สตาร์แห่งยุคที่มากับฝีปากและเสียงร้องที่สามารถทำให้ทุกคนขำ และทำให้ทุกผลงานที่มีชื่อทั้งสองอยู่ได้รับความสนใจ ทั้งเพลง, ไลฟ์ ไปจนถึงคอนเสิร์ตอย่างเช่นงาน ตัน Fight ตัน Variety Concert ที่ “GMM SHOW” จัดขึ้นมา โดยมีทั้งสองศิลปินเป็นหัวเรือดูแลภาพรวม จนเราไม่รู้เลยว่างานนี้จะออกมาในทิศทางไหน มันจะหลุดโลก หรือจะมากับความตลกร้ายขนาดไหน 

โดยนอกจากทั้งสองศิลปินแล้ว ยังมี Billkin (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล), Ice Paris (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต), ซานิ-นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, ลุลา-กันยารัตน์ ติยะพรไชย, แอลลี่-อชิรญา นิติพน, วี-วิโอเลต วอเทียร์, UrboyTJ (จิรายุทธ ผโลประการ) และ MILLI (มิลลิ) หรือ ดนุภา คณาธีรกุล จนงานนี้เท่าให้เชื่อได้ว่า แฟนๆ จะได้ชมการแสดงหลากหลายแนวดนตรีจากแขกรับเชิญที่มีความถนัดต่างกัน 

ในวันที่ 6 สิงหาคม ที่เป็นวันงาน เราเองได้พบกับเหตุการณ์ตกใจ เมื่อต้นสังกัดได้เผยว่าบิวกิ้นได้พบเชื้อโควิด-19 จนไม่สามารถขึ้นแสดงได้ ซึ่งทำให้เรากังวลกับงานทั้งพาร์ทของแฟนๆ ที่เดินทางมาชม ไปจนถึงการที่โชว์น่าจะต้องปรับแบบกะทันหัน เพราะการที่บิวกิ้นถูกประกาศชื่อว่าร่วมงาน ทำให้เขาน่าจะเป็นพาร์ทใหญ่ของการแสดงแน่นอน แต่ทว่าในงานจริง ผู้จัดก็มากับการเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมาย 

 

การแสดงได้เริ่มต้นขึ้นด้วย VTR ที่มากับสตอรี่ที่สื่อถึงความขัดแย้งของป๊อบกับโอ๊ต และการเข้าเวทีราวกับการแนะนำนักมวยที่ทำเอาเราอดอุทานไม่ได้ว่า “เล่นใหญ่จังวะ!” ก่อนจะนำเข้าสู่การแสดงที่ทั้งสองมากับเพลง “แดงกับเขียว” ของ TaitosmitH ที่มีการขยี้ข่าวบ้านการเมืองเบาๆ ก่อนจะมากับเพลงเดือด “YEAh!YEAh!” ของ Y NOT 7 ก่อนจะต้อนรับทุกคนพร้อมทั้งรับบทคู่ปรับบนเวทีไปพร้อมกันรวมถึงมีซีนประลองพลังแบบในเกม ก่อนเข้าโชว์แรกก็มีการเฉลยว่า อาร์ต-มารุต ชื่นชมบูรณ์ จะรับหน้าที่เป็นเหมือนพิธีกรการต่อสู้ของทั้งสอง ในขณะที่ คารีสา สปริงเกตต์ นักแสดงนางแบบอารมณ์ดีที่เป็นญาติของป๊อบและศิลปินที่โอ๊ตดูแลจะมาเป็นริงเกิร์ลจอมขโมยซีน ซึ่งตลอดงาน คารีสา มาพร้อมบทสนทนาสุดฮาและความพยายามที่อยากร้องเพลงบนเวทีแบบชัดเจนแรงกล้าสุดๆ จนเราแทบลืมภาพสาวเฟียสจาก The Face Thailand ไปเลย

โดยการแสดงยกแรกนั้น ลุลา ได้มากับเพลง “...Baby One More Time” ของ Britney Spears ที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นอีกครั้งว่าเสียงสุดยูนีคของเธอร้องเพลงแนวไหนก็อร่อยจริงๆ และในโชว์นี้เราได้เห็นลุลาเต้นกลางสายน้ำด้วย ก่อนที่ซานิจะมากับเพลง “Survivor” ของ Destiny’s Child พร้อมพลังเสียงเดือดๆ สมกับเป็นแชมป์ Academy Fantasia ซีซั่น 6 และยังมาพูดคุยกับโอ๊ตป๊อบ ก่อนที่จะร้องเพลงอีสานอย่าง “รักควรมีสองคน” ของ  พร จันทพร และ เนย ภัสวรรณ และตามด้วยเพลง “หน้ารูปไข่” ของซานิ ซึ่งถ้าพูดตามตรงแล้ว การโชว์ของซานิกับลุลานั้นดีจนเราแอบอยากให้มีช่วงเพลงพ่นไฟที่ป๊อบ โอ๊ต ซานิ และ ลุลา ร้องด้วยกันสักเพลงเหมือนกัน 

และพาร์ทที่สองก็เป็นการแสดงของพี่น้องร่วมวงการที่แม้จะอายุต่างกันถึง 11 ปี แต่เคมีเข้ากันสุดๆ อย่าง แอลลี่ และ วี วิโอเลต โดยวีมากับเพลง “7 rings” ของ Ariana Grande ที่เปิดโอกาสให้เธอโชว์การเต้น ส่วนแอลลี่ก็มากับเพลง “ยังโสด” ของ Olives และทั้งสองก็ได้พูดคุยกับป๊อบโอ๊ตแบบหอมปากหอมคอ พร้อมเผยความตั้งใจที่จะไม่สู้กัน ก่อนที่จะมาร้องเพลง “Smoke” ของวี และ “How To Love” ของแอลลี่ และปิดท้ายด้วยเพลงUmbrellaของ Rihanna ที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ถึงพัฒนาการการร้องของแอลลี่ที่มีพลังมากขึ้นและพยายามจะแร็ปเกาหลีในท่อนของ Gray เอง รวมถึงเคมีที่เข้ากันของเธอและวี จนเราอยากให้ทั้งสองมีซิงเกิลคู่แบบจริงจัง และระหว่างที่โชว์สามเพลงหลัง โอ๊ตกับป๊อบ ก็เข้าซีนมาสร้างสีสัน ด้วยการเปิดเครื่องพ่นควันในโชว์เพลง “Smoke” และเป็นแดนเซอร์เพลง “How To Love” ที่ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นในคอนเสิร์ตวาไรตี้อื่นๆ ที่ปกติเจ้าของงานจะร้องกับแขก หรืออีกทีคือปล่อยเวทีให้เขาโชว์กันไปเลย และเมื่อพาร์ทนี้จบลงเราก็รู้สึกดีใจกับแอลลี่เพราะพูดตรงๆ ในบรรดาแขกรับเชิญคนที่เรารู้สึกห่วงสุดคือแอลลี่ เนื่องจากเป็นน้องเล็กและความที่เดบิวต์ช่วงโควิด-19 ก็ทำให้เธอมีประสบการณ์บนเวทีน่าจะน้อยมาก แต่โดยรวมแล้วเธอก็แสดงไปกับศิลปินรุ่นพี่ได้แบบลงตัว และแสดงพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   

ตามสคริปต์คอนเสิร์ตที่มีโอ๊ตกับป๊อบ แฟนๆ ต้องมีโอกาสได้ฟังช่วงเพลงช้า แต่การมาครั้งนี้มันก็มีการหักมุมเพราะหลังจากโอ๊ตร้องเพลง “สุขสันต์วันเจ็บ” และป๊อบร้องเพลง “สลักจิต” ที่เพิ่งปล่อยแล้ว ทั้งสองก็มากับลุคเลียนแบบตัวละครเป็นเชิงเทียน และ นาฬิกา และร้องเพลง “อยากรู้...แต่ไม่อยากถาม” ก่อนจะแข่งกันแอดลิป จนดีเจอาร์ตต้องออกมาปราม และร้องเพลง “ของตายที่ยังหายใจ” ของตัวเอง แบบสั้นๆ ก่อนถูกตัดโชว์แบบตลกๆ 

หลังจากที่เราได้ดู VTR ที่คารีสาไปขอบนบาลศาลให้ได้ร้องเพลง ก็ถึงพาร์ทการแสดงของ ไอซ์ พาริส ที่มากับเพลง “Stay” ของ The Kid LAROI และ Justin Bieber ก่อนที่เขาจะจับกีตาร์กับเพลง “เสแสร้ง” ของ Paper Planes และโชว์ความร็อคก่อนที่โอ๊ตกับป๊อบจะออกมาแจม ซึ่งความยากของโชว์นี้คือการที่จริงๆ แล้วเพลงนี้ไอซ์ต้องโชว์กับบิวกิ้นที่ไม่สามารถขึ้นเวทีได้ แต่สุดท้ายเขาก็ลุยร้องเพลงเองไปเกินครึ่งเพลงก่อนที่พ่องานทั้งสองจะตามมาสมทบช่วงท้าย 

แม้ว่าเราจะทราบกันว่าบิวกิ้นมาร่วมแสดงไม่ได้ แต่สุดท้ายโอ๊ตก็ดึงไม้เด็ดด้วยการเผยว่าเขามีตัวละครลับ ซึ่งก็คือ นนท์-ธนนท์ จำเริญ แขกรับเชิญชูชีพที่มากับเพลง “พิง” และ “โต๊ะริม” ของตัวเอง พร้อมพูดคุยกับไอซ์และป๊อบกับโอ๊ตแบบออกรสชาติพร้อมพูดคุยถึงบิวกิ้นเพื่อให้เกียรติการทุ่มเทเตรียมงานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนที่นนท์จะให้โอ๊ตป๊อบ และ ไอซ์ ร้องเพลง “ถ้าเราเจอกันอีก” ของ Tilly Birds ชนิดที่ทำเอาหลายคนแปลกใจแม้จะมีแค่ 3 คน ซึ่งโชว์ที่เราดูทำให้เรารู้สึกเลยว่าไอซ์มีพัฒนาการเรื่องการร้องแบบไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับที่เราได้เห็นก่อนหน้าในงานแบบ Fantopia 2020 โดยนอกจากเราจะเซอร์ไพรส์กับความเป็นจริงที่นนท์รู้ว่าตัวเองจะต้องขึ้นแสดงเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันที่ 6 สิงหาคมแล้ว วันนั้นเขาก็เป็นเกสต์อีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ Lido Connect ด้วย แต่ยังมาขึ้นแสดงตามคำขอของโอ๊ต

และแล้วก็ถึงการแสดงของ 2 ศิลปินตัวแทนฮิปฮอปอย่าง UrboyTJ ที่มากับเพลง “Super Saiyan” และ MILLI ที่มากับเพลง “Mirror Mirror” กับซีนท้าแรงดึงดูดด้วยสลิง ก่อนที่ป๊อบและโอ๊ตจะมาสมทบทั้งสองในเพลง “วัดป่ะหล่ะ” ของ 4EVE ที่ทีเจเป็นคนโปรดิวซ์ ภายใต้ชุดสุดแฟนตาซีสไตล์เกิร์ลกรุ๊ปและคำว่า 4EAT ก่อนที่ทั้ง 4 จะนั่งพูดคุยล้อมวงทายหมูกระทะด้วยกันเพื่อล้อการทานข้าวเหนียวมะม่วงของ MILLI ในเทศกาลดนตรี Coachella โดยระหว่างที่พูดคุยแฟนๆ ก็ส่งเสียงเชียร์ทีเจอย่างต่อเนื่องจนเขาน้ำตาไหลออกมา 

ช่วงเมดเล่ย์เพลงสนุกในตอนท้าย เราได้เห็นแขกรับเชิญหญิงมากับเพลง “เหรอ” ของ Zaza และป๊อบกับ MILLI ในเพลง “สุดปัง” ก่อนที่ MILLI จะแจมกับไอซ์ในเพลง “รักติดไซเรน” ก่อนที่ไอซ์จะแจมกับทีเจในเพลง “ดี๊ดี” ก่อนที่ทีมแขกรับเชิญชายจะมากับเพลง “เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ” และแขกรับเชิญหญิงร้องเพลง “ผู้ชายห่วยๆ” ของ มาช่า วัฒนพานิช ก่อนที่ทุกคนจะสนุกกับเพลง “Sad Aerobic” ของ MILLI และโชว์ลีลาแอโรบิกแบบตัวเอง ก่อนที่เรื่องความขัดแย้งทั้งหมดจะสรุปลงเมื่อทั้งสองพูดจาสงบศึกก่อนจะร้องเพลง “จับมือกันไว้” กับแขกรับเชิญ ราวกับว่างานจบแล้ว พร้อมทั้งทำเป็นเหมือนให้คารีสาได้ร้องเพลง ก่อนจะตัดลงอย่างรวดเร็ว 

แต่เพื่อเป็นการหักมุมส่งท้าย เมื่อภาพจากจอและนักดนตรีลาเวทีหมด โอ๊ตกับป๊อบก็ทำทีเหมือนว่ามีการแสดงต่อ แต่พวกเขาไม่เหลือทีมงานแล้ว ก่อนจะร้องเพลง “ยิ้ม” ด้วยกันท่ามกลางทะเลดาว ก่อนที่นักดนตรีและเอฟเฟกต์ต่างๆ จะกลับมาทำงานตอนท้ายโชว์จนเป็นซีนปิดแบบไม่เหมือนใคร 

ทางด้านการร้องเพลงและโชว์โดยรวมนั้น การแสดงของโอ๊ตและป๊อบก็พิสูจน์ได้ว่าเสียงพวกเขาทั้งสองคุณภาพสูงมาก ทั้งเพลงร็อคเพื่อชีวิตแบบ TaitosmitH ไปจนถึงเพลงบัลลาดและป็อปแดนซ์ แม้แต่โชว์ “อยากรู้...แต่ไม่อยากถาม” ที่ทั้งสองแข่งกันแอดลิปรัวๆ ซึ่งศักยภาพของทั้งสองเรื่องการร้องเพลง ทำให้เรามองว่า พวกเขาควรจัดคอนเสิร์ตที่เน้นการร้องเพลงได้ แบบในเคสของ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ที่มีคอนเสิร์ต แบบเบิร์ดเบิร์ด ที่เป็นวาไรตี้โชว์ ร้องเต้นเล่นมีสตอรี่ และงาน Singing Bird ที่เป็นงานเน้นการร้องเพลง แต่มีแขกรับเชิญและการพูดคุยเป็นสีสันเสริมบ้าง 

ส่วนทางด้านของภาพรวมโชว์ที่ทั้งสองจัดมานั้น บอกเลยว่าเป็นงานที่สนุกสนาน แบ่งช่วงต่างๆ เป็นอย่างดี ในภาพรวม 3 สิ่งที่เราชอบในงานนี้คือการที่พวกเขายึดมั่นกับธีมการเป็นสังเวียนต่อสู้ได้ตั้งแต่ต้น ที่มีทั้งความจิกกัดและการปั่น ก่อนจะคลี่คลายในช่วงท้าย เพราะบางคอนเสิร์ตที่มากับธีม มักเจอเหตุการณ์หลุดธีม หลุดคอนเซ็ปต์เมื่อเข้าถึงช่วงกลางงาน กับอีกสิ่งที่เราชอบคือการที่พวกเขาพยายามจะแหกมุกหรือภาพจำคอนเสิร์ตที่ผ่านมา อย่างการทำตอนจบแบบเวอร์ชั่นรวมศิลปิน ก่อนจะใช้มุกงานจบเร็วกว่าที่ตั้งใจ หรือการที่มีอาร์ตและคารีสามาสร้างสีสันช่วงเปลี่ยนผ่านยก และอีกเรื่องที่เราต้องยกนิ้วให้เลยคือ การแสดงครั้งนี้มีแขกรับเชิญหลายรูปแบบทั้งสายที่ถนัดวาไรตี้แบบลุลา, ซานิ, ไอซ์ พาริส, MILLI หรือแม้แต่ นนท์ ดีเจอาร์ต และคารีสา รวมถึงคนที่บุคลิกที่สนุกได้แต่ก็แอบนิ่งๆ อย่างวี ไปจนถึงสายที่พูดน้อยและออกแนวขี้อายอย่างทีเจกับแอลลี่ แต่ป๊อบและโอ๊ตก็เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมเต็มที่จนไม่มีใครจมหาย แม้แต่บิวกิ้นที่มางานไม่ได้ ก็ยังถูกพูดถึงเรื่องความตั้งใจตลอดงาน จนเราแอบคิดเลยว่า ถ้าบิวกิ้นมาฟังสิ่งที่ทุกคนพูดบนเวทีเกี่ยวกับเขาคงใจฟูแน่นอน  

ทางมุมของแขกรับเชิญ เรามองว่านอกจากป๊อบ กับ โอ๊ต จะทะลุขีดจำกัดตัวเองจากงานที่ผ่านมา ในแง่การแสดง การรับมือเหตุการณ์สุดวิสัย ไปจนถึงการเป็นครีเอทีฟภาพรวมงานแล้ว ตัวของแขกรับเชิญยังได้ท้าทายตัวเองด้วย โดยเราได้เห็น ซานิ กับ ลุลา ร้องเพลงในสไตล์ที่เราไม่ค่อยได้เห็นทั้งสองโชว์ ได้เห็นวีมาโชว์สเต็ปการเต้น รวมถึงได้เห็นแอลลี่ทลายความเขินเล่นกับแขกรับเชิญคนอื่นๆ พร้อมโชว์พลังเสียงควบคู่ไปกับการเต้นตัวเอง ในขณะที่ MILLI ก็นำการใช้สลิงมาเล่นกับโชว์ ส่วน UrboyTJ ก็มากับโชว์ที่เดือด ในขณะที่อีกสองเพลงก็โชว์ความเป็นโวคอล หรือแม้แต่ไอซ์ที่อัปเลเวลการร้องในเพลง “เสแสร้ง” และ “ถ้าเราเจอกันอีก” ไปอีกระดับ 

และเอาจริงๆ นอกจากชื่อที่กล่าวมา เราก็ขอชื่นชมคารีสากับสกิลล์วาไรตี้ ที่ทำให้เรามองว่าเธอสามารถเป็นพิธีกรหรือวาไรตี้สตาร์อนาคตไกลได้อีกคนเลย และอีกคนที่ประทับใจคืออาร์ตที่โชว์ร้องเพลงสั้นๆ บนเวทีแต่ก็มากับเสียงที่แอบเท่ รวมถึงนนท์ที่มาแสดงในอิมแพ็คด้วยเวลาเตรียมตัวที่น้อยสุดๆ แต่ทุกอย่างลื่นไหลออกมาดี ทั้งการร้องที่โดดเด่นเหมือนที่ผ่านมา และความตลกแบบท็อปฟอร์มจนเราจะไม่แปลกใจถ้ามีคนดูในฮอลล์ไปแก้ประวัตินนท์ในวิกิพีเดียว่าเป็น “ตลก” อีก ซึ่งความสามารถของแขกรับเชิญก็ทำให้เราแอบเสียดายมากที่อาร์ตไม่ได้ร้องเพลงเต็มๆ และคารีสาก็ไม่ได้โชว์เพลง เพราะสตอรี่ของคารีสาที่พยายามอยากร้องเพลงตลอดงานจนมีซีนที่ไปบนบาลกับศาล ได้บิ๊วให้เรามีอารมณ์เอาใจช่วยให้เธอได้มีโชว์อย่างน้อยสักครึ่งเพลงก็ยังดี แต่ก็นั่นแหละ คอนเสิร์ตนี้มันมีเสน่ห์ตรงที่ความคาดเดาไม่ได้กับความตลกร้ายนี่เนอะ

สำหรับรายละเอียดโปรดักชั่นที่ GMM SHOW เตรียมมา ส่วนตัวแล้วเราประทับใจทั้ง แสง สี เสียง เอฟเฟกต์ ต่างๆ ที่ร้อยเรียงไปกับจินตนาการของป๊อบและโอ๊ตได้ลงตัว ในขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รับกับเหตุการณ์สุดวิสัยได้ดี ส่วนซาวด์ในงานก็ค่อนข้างโอเค ซึ่งสำหรับเรา พาร์ทเดียวของโปรดักชั่นที่เราเสียดายก็คือโชว์เพลง “Umbrella” ของวีกับแอลลี่ เพราะก่อนหน้านี้เราได้ดูโชว์เพลงนี้จากซีรีส์ GLEE และการแสดงของนักแสดงหนุ่ม Tom Holland ในรายการ Lip Sync Battle ที่ระหว่างแสดงมีแดนเซอร์ ออกมาเต้นกับร่มและการทำสายฝนจำลอง ซึ่งเรามองว่าถ้าคอนเสิร์ต ตัน Fight ตัน มีการใช้ลูกเล่นกับโชว์เพลง “Umbrella” มากขึ้นคงเป็นซีนที่น่าจดจำ ซึ่งในการแสดงวันที่ 2 ทางทีมงานก็ได้มีการเติมร่มและเล่นกับเอฟเฟกต์มากขึ้นในพาร์ทเพลง “Umbrella” ด้วย  

สำหรับเรา ตัน Fight ตัน เป็นอีกหนึ่งงานคอนเสิร์ตที่เราว่าเต็มอิ่มหลายๆ แง่มุม และถ้าว่ากันตามตรงแล้ว เป็นงานที่มีโพเทนเชี่ยลในการทำเป็นซีรีส์ที่มีภาคต่อโดยมีโอ๊ตป๊อบเป็นตัวยืนพื้น หรืออาจจะให้ซานิกับลุลาหรือเพื่อนๆ คนอื่นมาเป็นตัวหลัก หรือแขกรับเชิญร่วมทีมในอนาคต โดยเราต้องมาติดตามว่าทาง GMM Show จะต่อยอดโชว์นี้ในรูปแบบไหน เพราะด้วยฟีดแบคและการขึ้นแท่นคอนเสิร์ต Sold Out ทำให้เรามองว่าการไม่ต่อยอดงานนี้ จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายจริงๆ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ ของ “ตัน Fight ตัน” สมรภูมิสุดหรรษาที่พา "โอ๊ต-ป๊อบ"และผองเพื่อนแหกคอมฟอร์ตโซน (วันแรก)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook