“Marathon Concert” 16 ชั่วโมง ของ 16 มหรสพ จากศิลปินที่คู่ควรเวที “อิมแพ็ค” Part 2 | Sanook Music

“Marathon Concert” 16 ชั่วโมง ของ 16 มหรสพ จากศิลปินที่คู่ควรเวที “อิมแพ็ค” Part 2

“Marathon Concert” 16 ชั่วโมง ของ 16 มหรสพ จากศิลปินที่คู่ควรเวที “อิมแพ็ค” Part 2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากความเร้าใจของงาน Marathon Concert Festival วันแรก ทำให้เราตัดสินใจเข้าร่วมงานวันที่ 2 ซึ่งเป็นวันที่เรียกได้ว่า 8 ศิลปินอย่าง  COCKTAIL, LOMOSONIC, ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ, POTATO, SLOT MACHINE, TAITOSMITH, TILLY BIRDS และ THREE MAN DOWN มากับความเดือดทุกวง แต่จะเดือดเบอร์ไหนนั้นเรามาชมกัน 

โดยการแสดงในเวลา 15.00 น. ก็เป็นการแสดงของ Tilly Birds วงดนตรีที่เราดูหลายครั้ง และพบว่าพวกเขาไม่เคยอิมโพรไวซ์โชว์แบบซ้ำกันซักงาน และเวทีนี้พวกเขาก็มากับเซ็ทลิสต์ที่คุ้นเคยทั้ง “เบื่อคนขี้เบื่อ”, “แค่พี่น้อง”“ลู่วิ่ง”, “ฤดูหนาว”, “เพื่อนเล่นไม่เล่นเพื่อน”, “ขอให้เธอโชคดี”, “ฉันมันเป็นใคร”, “ถ้าเราเจอกันอีก”, และ “คิด(แต่ไม่)ถึง” แต่ทุกเพลงเราก็ได้เห็น เติร์ด-อนุโรจน์ เกตุเลขา นักร้องนำทดลองแอดลิปและการหวีดเสียงใหม่ๆ ไปจนถึงการเอนเตอร์เทนสุดพลังราวกับเป็นเพื่อนที่คอยเชียร์ให้เราออกจากรักแบบแย่ๆ ในขณะที่ บิลลี่-ณัฐดนัย ชูชาติ ก็สอดแทรกลูกเล่นดนตรีใหม่ๆ สำหรับการอิมโพรไวซ์บางช่วงที่เป็นแบบตายตัวทุกโชว์ อย่างการโซโล่รัวๆ ท้ายเพลง  “ขอให้เธอโชคดี” แต่สิ่งที่ทำให้โชว์วันนี้แตกต่างจากหลายๆ โชว์ที่เราเคยดู ก็คือการมีเพลง “จำเก่ง” ที่วงทำกับ F.HERO ที่เข้ามาในเซ็ทลิสต์และเราได้เห็น ไมโล-ธุวานนท์ ตันติวัฒนวรกุล ลุกขึ้นมาแร็ปและมีพัฒนาการตรงนี้ชัดเจนจนเราแอบคิดว่าไมโลควรได้แร็ปอย่างน้อย 1 เพลงในอัลบั้มต่อๆ ไปของ Tilly Birds และในขณะเดียวกันเพลงที่วงได้ใช้แนะนำตัวกับค่าย gene lab อย่าง “จากกันด้วยดี” เข้ามาอยู่ในเซ็ทลิสต์ และทางวงได้มากับการร้องและเล่นแบบใหม่ๆ จนเป็นหลักฐานได้ดีว่าวงมาไกลจากวันแรกมาก 

และแล้วคิวที่ 2 เป็น Lomosonic อีกหนึ่งวงร็อคที่การเล่นสดของสมาชิกอย่าง , ป้อม-ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย (กีตาร์), ปิติ-ปิติ สหพงศ์ (กีตาร์) และ ออตโต้-ชาญเดช จันทร์จำเริญ (กลอง) นั้นแน่นสุดๆ ในขณะที่ บอย-อริย์ธัช พลตาล นักร้องนำก็มากับพลังและเสียงสุดปรี๊ดจนเราคาดไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรบนเวที และนั่นก็คือสิ่งที่เราเจอในงาน Marathon Concert Fest เพราะนอกจากเพลงระดับตำนานอย่าง “ขอ”, “คำตัดสิน”, “ความรู้สึกของวันนี้”, “เพราะความรักมันไม่เลือกเวลาเกิด”, “อยากจะรักแค่ไหน” และเพลงใหม่อย่าง “ส่งเธอได้เท่านี้” ที่มาครบ บอย Lomosonic ที่แม้จะไม่สามารถบอดี้เซิร์ฟได้ แต่ก็สวมวิญญาณไลฟ์โค้ชสายฮาร์ดคอร์ทั้งโชว์  ทั้งบอกเด็กๆ ไม่ให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่แย่ (แต่ในงานใช้คำที่ฮาร์ดคอร์กว่านี้มาก) ประกาศว่าจะเลิกใช้คำว่า สุภาพบุรุษ และ สุภาพสตรี ในคอนเสิร์ตเพื่อฉลองความหลากหลายทางเพศจนได้รับเสียงเฮ พร้อมบิ๊วให้ทุกคนมาสนุกกับเสรีภาพดนตรีและลั่นวลีเด็ดว่างานนี้ไม่ใช่งานสัมมนายอดขายดังนั้นไม่ต้องนั่ง และยังมีโมเมนต์เด็ดอย่างการกระโดดขึ้นชั้นสองหาแฟนๆ และใส่เต็มความเดือดในเพลง “ใครจะหยุดความเหงา” ก่อนจะปิดแบบลดเลเวลลงด้วยเพลง “หลงทาง” ซึ่งก่อนจะลงเวทีบอยก็ลั่นวาจาว่าเขาจะกลับมาอิมแพ็คอีกแน่นอนแบบเดือดๆ โดยนอกจากความโหดที่เขาฟาดตลอดงานแล้ว การร้องของบอยและเล่นดนตรีของป้อม ปิติ และ ออตโต้ ก็ยังคงมาตรฐานที่สูงในแง่พลังและฟีลลิ่งไม่เปลี่ยน

หลังจากที่เจอวงที่โดดเด่นเรื่องวาจาบนเวทีไป 2 วง เราก็ได้เจอกับ จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี (ร้อง, กีตาร์), โมส-ตฤณสิษฐ์ สิริพัชญาษานต์ (ร้อง, กีตาร์), เจต-เจษฎา ปัญญา (เบส), เจ-ธนกฤต สองเมือง (คีย์บอร์ด), มีน-ปัณณสิทธิ์ สุขโหตุ (กีตาร์) และ ตุ๊ก-พัฒนภูมิ ชอุ่มผล (กลอง) แห่งวง TaitosmitH ที่การแสดงของพวกเขาทำให้เรายกให้เป็นสาย “พูดน้อยต่อยหนัก” เพราะแม้จะไม่ได้พูดระหว่างโชว์บ่อยนัก แต่ก็มีการแสดงที่เข้มข้นเต็มไปด้วยอินเนอร์ล้นจากในออดิโอไปไกล ทั้งการร้องและเล่นดนตรี โดยเรานั้นตื่นเต้นกับโมสที่ใช้เทคนิคการร้องได้หลากหลายไปจนถึงสำเนียงอังกฤษแบบแปลกหูแต่คูล และมาเจอกับจ๋ายที่มีประสบการณ์จากงานละครเวที ก็ทำให้ทั้งสองเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังเมื่อเจอกับเพื่อนๆ ที่เป็นนักดนตรีสายสุดขั้ว โดยนอกจากการแสดงแล้ว สิ่งที่ทำให้โชว์ของ TaitosmitH ในงานโดดเด่นคือเพลงจากอัลบั้ม เพื่อชีวิตกู ที่สีสันและสตอรี่ไม่ธรรมดาทั้งเพลง “ไทเท่”, “เพื่อชีวิตกู”, “ไอ้สอง”, “เสื้อกั๊ก” “บังขายถั่ว” ที่เรามองว่ามีเนื้อหาแปลกใหม่แถมติดหูและมีรายละเอียดทางดนตรี และน่าจะพาพวกเขาไปพบกับแฟนเพลงกลุ่มใหม่ๆ ได้เยอะมาก และนอกจากเพลงใหม่แล้ว เราก็ได้ฟังเพลง “ยุติ-ธรรม” สุดเดือด และเซอร์ไพรส์จากเพลง “นักเลงเก่า” เพราะ TaitosmitH ได้พา D Gerrard มาร่วมแสดงในเพลงดังกล่าวด้วย จนเป็นวงเดียวในงาน Marathon Concert ที่มีแขกรับเชิญ และในช่วงท้ายวงก็มีโมเมนต์ที่พวกเขาขอบคุณเหล่าคนสู้ชีวิตพร้อมมอบพลังบวกและพาทุกคนร้องเพลง “Hello Mama” ไปพร้อมกันกับภาพแชทแม่ลูกสุดซึ้ง ก่อนที่จะอัดหนักความเดือดส่งท้ายกับเพลง “แดงกับเขียว” ที่ขาดไม่ได้เลยจากเซ็ทลิสต์ 

และในโชว์ที่ 4 ก็ถึงคิวของศิลปินที่เราอยากรู้ว่าเขาจะหยิบเพลงอะไรมาเล่นในงานอย่าง Cocktail เพราะนับจากงาน Cocktail Live #เล่นด้วยหัวใจเสมอมา ในปี 2018 พวกเขามีเพลงฮิตเพิ่มขึ้นเยอะมาก และล่าสุดก็เพิ่งมีอัลบั้มแพ็คคู่ FATE ที่ประกอบไปด้วยอัลบั้มชุดที่ 7 αlpha และชุดที่ 8 Ωmega เรียกได้ว่าในเวลาไม่กี่ปีนับจากคอนเสิร์ตใหญ่รอบที่แล้ว พวกเขามีเพลงมากกว่า 20 ผลงานใหม่ให้ฟัง โดยในงานครั้งนี้ โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ (ร้องนำ), เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย (กีตาร์), ปาร์ค-เกริกเกียรติ สว่างวงศ์ (เบส) และ ฟิลิปส์ เปรมสิริกรณ์ (กลอง) ได้มากับเพลงใหม่อย่าง “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” ที่เปิดงานมาพร้อมกับไฟมืดและซีนปรากฎตัวที่เท่และมีเอฟเฟกต์กับดนตรีหนัก และในขณะเดียวกันโอมก็มากับชุดคอสตูมที่อิงจากอัลบั้มล่าสุด โดยระหว่างที่ฟังเพลงอย่าง "งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง", “ช่างมัน” ที่มีการว้ากสกรีม ไปจนถึงเพลงดังอย่าง “เธอทำให้ฉันเสียใจ”, “ดึงดัน”, “น้ำตาสุดท้าย”, “เธอ”  ก็มีการโชว์เพลงใหม่อย่าง “อภิสิทธิ์ชน” และ “เรื่องธรรมดา” ด้วย ซึ่งระหว่างการแสดงสดที่เดือดแบบพิเศษ เราก็ได้ฟังความรู้สึกของยอดฝีมือผู้ถ่อมตัวอย่างโอมที่ได้เห็น Three Man Down, Tilly Birds และ TaitosmitH ที่เหมือนน้องชายที่ปลุกปั้นได้ขึ้นอิมแพ็ค แต่ในขณะเดียวกันแม้จะมีคลื่นลูกใหม่ ตัวโอมและวงก็ยังคงยืนยันลุยทำเพลงต่อ และระหว่างโชว์แม้จะมีเหตุการณ์ขัดข้องเรื่องอินเอียร์ที่โอมใช้ แต่เขาก็ได้ปรับแก้ก่อนจะมาร้องเพลง “คู่ชีวิต” กลางฮอลล์ ก่อนทิ้งท้ายโชว์ด้วยเพลง “ตราบธุลีดิน” ที่โอมเคยร้องใน The Mask Singer และเพลงร็อคอย่าง “คุกเข่า” ในการปิดท้ายโชว์ชนิด “เดือดพิเศษ” ของวง

แม้ว่าเมมเบอร์วง Klear จะสามารถกลับมาขึ้นเวทีวันแรกได้ทันแม้สมาชิกจะมีปัญหาสุขภาพ แต่ Three Man Down ที่เจอปัญหาคล้ายกันจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ก็ต้องให้ โอม-กิจฏิเมธ ชาญพานิช มือเบสพักรักษาตัว ในขณะที่ กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ (ร้องนำ), ตูน-พีรพล เอี่ยมจำรัส (กีต้าร์), เต-เตธนันท์ วงศ์ปรีชาโชค (กลอง) และ เส็ง-วิศรุต ปฐมสิริไพศาล (ซินธิไซเซอร์) มาแสดงพร้อมการช่วยเหลือจาก เจสัน โสตางกูร สมาชิกวง quicksand bed ที่มาช่วยซัพพอร์ต โดยงานนี้ทุกเพลงฮิตของ Three Man Down ได้มาอยู่บนเวทีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “คุยคนเดียวเก่ง”, “หมดไอจี”, “เดาไม่เก่ง”, “เลือกคนที่เขารักเรา” โดยหลายเพลงได้มีการปรับให้ร็อคขึ้นอย่างชัดเจน แต่ในเพลง ฝันถึงแฟนเก่าเรากลับได้เห็นการโซโล่เปียโนของเส็งในพาร์ทอินโทร และในช่วงท้ายของโชว์ Three Man Down เราได้ฟังเพลง “วันเกิดฉันปีนี้”, “เก็บไว้ในใจไม่พอ, และฝนตกไหมกับ “ข้างกัน” ที่มี Outro ส่งท้ายเพลงแบบเข้มข้น และการผิดคิวเล็กๆ ขำๆ ตอนเริ่มเพลง “ข้างกัน” ซึ่งนอกจากการความเข้มข้นที่ทำเอาเตถึงกับถอดเสื้อเล่นแล้ว เราที่เคยดู Three Man Down ในงาน Epic Night Live Concert by Galaxy S21 x AIS และ Nang Lay รู้สึกเลยว่ากิต นักร้องนำที่ปกติจะแน่นในเรื่องการร้องและอินเนอร์ทุกโชว์ กลับมาพร้อมอินเนอร์ที่เรียกได้ว่าอัปไปอีกเลเวลจนเราอยากเห็นเขาลองงานสายละครเวทีซักครั้ง โดยในเพลงสุดท้ายอย่างถ้าเธอรักฉันจริง อินเนอร์ของกิตระหว่างที่แสดงทำให้เราอ้าปากค้างช่วงฮุคสุดท้าย แต่ถึงจะใส่เต็มฟีลดราม่าทุกเพลง เมื่อแต่ละเพลงในงานจบกิตก็กลับมาเป็นหนุ่มอารมณ์ดีคนเดิมที่ปล่อยมุกโบ๊ะบ๊ะรัวๆ  

 

เมื่อจบการแสดงของฝั่ง gene lab ก็เป็นคิวของ POTATO ที่นักร้องนำผู้เต็มไปด้วยพลังและจงใจทำสีผมใหม่สำหรับงาน Marathon Fest อย่าง ปั๊บ-พัฒนชัย ภักดีสุข จะเปิดตัวมากับเพลง “คนตัวเล็ก” แบบอะคูสติก ก่อนที่จะเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว หั่ง-ทีฆทัศน์ ทวิอารยกุล (กีตาร์), กานต์ อ่ำสุพรรณ (กลอง), อั้ม-เกียรติยศ มาลาทอง (คีย์บอร์ด) และ โอม-ปิยวัฒน์ อนุกูร (เบส) กับช่วงกลางและท้ายเพลงแบบเดือดๆ และตามด้วยเพลง “ทุกด้านทุกมุม”, “Circle” และสลับมาอารมณ์ซึ้งกับเพลง “ภาษากาย”, “ไม่ให้เธอไป”, “ปากดี”, “รักแท้ดูแลไม่ได้” ที่มาเป็นเมดเล่ย์ก่อนจะมาเพลง “ที่เดิม” โดยการแสดงครั้งนี้นอกจากปั๊บจะใส่พลังแบบสุดแล้ว เรายังได้เห็นว่าเขาจงใจเซอร์ไพรส์สลับอารมณ์เพลงไปมา และทางเพื่อนร่วมวงก็ร่วมเสริมพาร์ทนี้เป็นอย่างดีด้วยการอิมโพรไวซ์และใส่ลูกเล่น โดยเฉพาะพี่หั่งที่มีโซโล่เก๋ๆ มาสอดแทรกขโมยซีนระหว่างโชว์เป็นสีสัน โดยช่วงท้ายวงได้กลับมากับความร็อคในเพลง “ฮู้ ฮู”, “ที่เดิม”, “เพียงพอ” และ “ขอบคุณที่รักกัน” ที่ปั๊บได้เล่นกับคนดูจนเกิดโมเมนต์รับส่งของการร้องเพลงให้กัน และยังอวยพรวันเกิดโอม มือเบสที่มีวันคล้ายวันเกิดตรงกับวันงานด้วย เรียกได้ว่านอกจากคอนเสิร์ตเดือดๆ งานนี้ก็มีฟีลแฟนมีตเบาๆ ด้วย 

ทางด้านของ ปาล์มมี่ ที่มาเป็นการแสดงรองสุดท้าย ก็เรียกได้ว่ามาทั้งความสนุกและซึ้ง โดยในพาร์ทความสนุกก็มากับเพลง “กา กา กา”, “คิดมาก” และค่อยๆ บอกรักแฟนๆ ก่อนจะมาเป็นเพลง “ดวงใจ” “กลัว”, “ซ่อนกลิ่น”, “STAY” ที่ปาล์มมี่ถ่ายทอดด้วยความเศร้าที่พาทุกคนจมดิ่งและใส่ใจในทุกคำที่ร้อง ก่อนจะค่อยๆ พาทุกคนกลับมาสนุกกับเพลง “ทำเป็นไม่ทัก”, “Ooh” และพูดแบบติดตลกว่าเวทีนี้คงไม่มีใครเอาของแปลกๆ มาแขวนคอเธอแบบภาพที่เป็นไวรัลก่อนหน้านี้ และในช่วงท้ายทุกคนก็ไม่สามารถนั่งอยู่อีกต่อไปด้วยเพลง “Tick Tock” ที่ปาล์มมี่ตัดสินใจขอลงทุนสอนทุกคนร้องให้ตรงจังหวะ และช่วงท้ายเมื่อความสนุกผ่านไป เราได้ฟังคำพูดจริงใจของปาล์มมี่ที่ดีใจและขอบคุณคนดูหลังได้กลับมาแสดงเต็มรูปแบบด้วยคำพูดที่เราสัมผัสความจริงใจ ก่อนเธอก้มกราบเวทีต่อหน้าทุกคน และเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยเพลง “ซ่อนกลิ่น” แบบ Encore ที่ทุกคนร้องตามได้อีกครั้งก่อนลาเวที 

และสุดท้ายของงาน 2 วัน ก็คือ Slot Machine หนึ่งเดียวของวงดนตรีในงานที่ไม่ได้อยู่ GMM Grammy แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับ GMM Grammy เพราะพวกเขาก็เป็นศิษย์เก่าเวที Hotwave Music Awards ครั้งที่ 6 รวมถึงเคยข้ามมาร่วมงานในหลายโปรเจกต์ โดย Slot Machine ได้ปรากฎตัวแบบล้ำและแฝงความไซไฟในกราฟฟิคและชุด โดยงานนี้ เฟิด-คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ (ร้องนำ), แก๊ก-อธิราช ปิ่นทอง (เบส) และ วิทย์-เจนวิทย์ จันทร์ปัญญาวงศ์ (กีตาร์) มากับเพลง “ฝัน” และเพลงฮิตอย่าง “คำสุดท้าย”, “เคลิ้ม”, “รุ้ง”, “ผ่าน” และขณะเดียวกันก็มีเพลงใหม่อย่าง “ใจหนอใจ”, “ใจถึงใจ” ที่ต่อกันและเปิดโอกาสให้เฟิดอัดพลังเสียงที่ทำให้เราหยุดคิดไม่ได้ว่า “จะสูงไปไหนวะ!” และเพลงจากซีรีส์อย่าง “เพียงไว้ใจ” และ “ย้อน” ที่พวกเขาเคยทำ โดยงานครั้งนี้แม้วงจะไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไรเป็นพิเศษนอกจากการแกล้ง Black Out 2 รอบ แต่คุณภาพและความล้ำ รวมถึงการปฎิสัมพันธ์ของวงก็เอาคนดูอยู่จนหลายคนอินกับโชว์และชูตราวงด้วยมือไปกับหลายๆ โชว์ และในช่วงสุดท้ายทางวงได้แกล้ง Black Out ก่อนที่แก๊กและวิทย์จะโซโล่ดนตรีและเฟิดก็ปรากฎตัวเพื่อขอพาทุกคนขึ้นดวงจันทร์กับเพลง “จันทร์เจ้า” ทิ้งท้ายการแสดงที่อัดแน่นทั้งดนตรีและความล้ำของวง เป็นปัจฉิมบทงาน Marathon Concert Fest ที่ส่งทุกคนกลับบ้าน

ภาพรวมของงานนั้น ทั้ง 16 ศิลปินที่ขึ้นแสดง มีเวลา 1 ชั่วโมงในการทำงานออกมาได้เต็มที่ ซึ่งเราได้เห็นคุณภาพพวกเขาแน่นทั้งจากเพลง การแสดงสด การเอนเตอร์เทนรูปแบบต่างกัน รวมไปถึงความพยายามในการส่งพลังบวกให้กับแฟนๆ และคนดูอยู่จนเราเชื่อว่าพวกเขาทุกคน “คู่ควร” กับเวทีอิมแพ็คทุกวง โดยหลายวงได้โชว์ฝีมือการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าอีกด้วย และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ของงานครั้งนี้ก็คือคนดู เพราะถ้าไม่มีพลังดีๆ จากคนดูที่เชียร์ เปล่งเสียงร้องไปกับพวกเขาและเรา บรรยากาศมันคงไม่ออกมาดีแบบนี้ และเรารู้สึกดีที่ทุกวงได้รับเสียงเชียร์แม้ว่าหลายๆ คนที่เข้ามาดู อาจจะมีวงโปรดในไลน์อัพแค่ 1-2 วง แต่ก็สามารถให้พลังกับทุกศิลปิน โดยเราขอบคุณผู้ชมทุกคนในจุดนี้อย่างใจจริง ในพาร์ทของศิลปินเราแอบเสียดายเล็กๆ น้อยๆ ที่งานครั้งนี้ไม่มีการแจมข้ามวงเลย แต่อีกมุมก็พอเข้าใจว่า ด้วยตารางงานที่แน่น รวมถึงความเสี่ยงของโควิด-19 ที่ทำให้ตารางของหลายศิลปินรวน และทำให้การพบเจอและซ้อมด้วยกันเป็นเรื่องยาก แต่เราก็แอบหวังว่าถ้ามีงานแบบนี้ในอนาคตอีก น่าจะมีการแจมข้ามวงระหว่างโชว์ แบบที่เคยเกิดในงาน g16 หรือ g19 ของ genie records 

ทางด้านของโปรดักชั่น งานครั้งนี้ก็มากับสกรีนขนาดใหญ่พาดยาวสำหรับกราฟฟิคภาพเคลื่อนไหวที่แต่ละวงมากันแบบจัดเต็มและในขณะเดียวกันก็จะมีการจับภาพศิลปินแบบชัดเจนเต็มตาอีกด้วยจนเห็นทั้งฮอลล์ และในฮอลล์ก็มีการเล่นแสงและควันที่สร้างบรรยากาศและเสริมโชว์ได้อย่างลงตัวตลอดงาน โดยเราต้องขอบคุณทีมงานที่เต็มที่กับจุดนี้มาก ไปจนถึงการอำนวยความสะดวกตอนเข้างานในรูปแบบต่างๆ 

ถ้าในอนาคต Marathon Concert Festival มีต่อ เราอยากจับตาว่างาน Marathon Concert Festival ครั้งต่อไปจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะงานนี้สามารถทดลองไลน์อัพได้หลากหลาย ทั้งการทำเป็นโชว์ที่มัดรวมศิลปินฝั่งป็อปของ GMM Grammy อย่าง  ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง, ลุลา-กันยารัตน์ ติยะพรไชย, getsunova, เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, MEYOU หรือ มิว-ชิษณุชา ตันติเมธ ไปจนถึงศิษย์เก่าอีกหลายๆ คน หรือแม้แต่สานต่อกับความร็อคพร้อมเหล่าศิลปินใหม่ๆ อย่าง Clockwork Motionless, โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ, Paper Planes ไปจนถึงรุ่นพี่สายร็อคอีกหลายวงที่ยังไม่ได้มีชื่อในงานรอบแรก บอกเลยว่าแค่คิดว่าถ้า Marathon Concert Festival จะเกิดขึ้นในรอบต่อไป พร้อมอะไรอีกบ้าง “มันก็สนุกแล้ว” เพราะงานครั้งแรกมันเต็มอิ่มและล้นไปด้วยความสนุกตลอด 16 ชั่วโมงจริงๆ   

อัลบั้มภาพ 42 ภาพ

อัลบั้มภาพ 42 ภาพ ของ “Marathon Concert” 16 ชั่วโมง ของ 16 มหรสพ จากศิลปินที่คู่ควรเวที “อิมแพ็ค” Part 2

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook