ARTRILLA ได้ตัวเองกลับมา ในวันที่ “ยา” ไม่ใช่คำตอบ

Highlight

• ARTRILLA หรืออาร์ท - ภคนันท์ พิมพ์ดี แร็ปเปอร์จากค่าย Def Jam Thailand นำประสบการณ์ในชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยติดยา มาถ่ายทอดผ่านเพลง “รักกับยา” 
• เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่ 2 คนมาโดยตลอด วันที่แม่เสียชีวิต จึงเป็นวันที่ทุกอย่างค่อย ๆ มืดมน ARTRILLA ตัดสินใจลิ้มลองรสชาติของบุหรี่มวนแรกในชีวิต 
• หลังจากการเลิกรากับแฟนที่เป็นที่พึ่งทางใจ หลังจากแม่เสียชีวิต ARTRILLA ก็ก้าวเข้าสู่วังวนของยาเสพติดเป็นครั้งแรก และทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
• เพราะอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม และอยากทำงานในวงการดนตรีที่เขารัก ARTRILLA จึงตัดสินใจเลิกยา บทเรียนที่เขาได้รับคือ อยากให้คนอื่นรักตัวเองแค่ไหน ก็ต้องรักตัวเองมากเท่านั้น

รู้กันดีว่าการใช้ “ยาเสพติด” เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง แต่หลายคนก็ยังเลือกที่จะใช้มันเพื่อหลีกหนีจากปัญหาในชีวิต เช่นเดียวกับ ARTRILLA หรืออาร์ท - ภคนันท์ พิมพ์ดี แร็ปเปอร์จากค่าย Def Jam Thailand ที่ครั้งหนึ่งเคยเดินผิดทาง เพราะผิดหวังจากความรัก จนเกือบจะเสียคนเพราะยาเสพติด แต่เมื่อคิดได้ว่า “ไม่มีใครรักเรา ได้มากเท่ากับเรารักตัวเอง” ARTRILLA ตัดสินใจเลิกยา และหันมาทุ่มเทกับงานเพลงที่เขารัก และนี่คือเรื่องราวชีวิตที่ ARTRILLA อยากแบ่งปันให้ทุกคนได้ฟัง

บุหรี่มวนแรกในวันที่แม่จากไป

“ตอนแรกผมไม่ชอบอะไรพวกนี้เลย ทั้งบุหรี่ ทั้งเหล้า เพราะพ่อผมใช้มันทุกวัน ผมไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อ เวลาจะกอดพ่อ ผมก็เหม็น ตอนเด็ก ๆ ผมก็ปฏิญาณเลยว่าจะไม่ลองสิ่งนี้ จนกระทั่งผมเริ่มดูดบุหรี่ครั้งแรก คือวันเดียวกับที่แม่ผมเสียพอดี ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอะไร ผมเหวอไปเลย” ARTRILLA เริ่มเล่า 

ARTRILLA เจ้าของเพลง

เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน เขาจึงใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่ 2 คนมาโดยตลอด วันที่แม่เสียชีวิต จึงเป็นวันที่ทุกอย่างค่อย ๆ มืดมน ARTRILLA ตัดสินใจลิ้มลองรสชาติของบุหรี่มวนแรกในชีวิต หวังเพียงว่านิโคตินจากบุหรี่จะช่วยเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามที่ชีวิตของเขากำลังเคว้งคว้าง 

“พอแม่เสีย ผมก็รู้สึกไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ผมต้องอยู่คนเดียว แล้วผมก็ใช้ชีวิตของผม ได้เจอเพื่อน เพื่อนให้ลองอะไร ผมก็ลองทุกอย่างเลย แต่ตอนนั้นผมยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรที่เป็นเคมีนะ เพราะผมกลัวมาก” เขาบอก

หันไปใช้ยาเพราะอกหัก

ARTRILLA เล่าย้อนกลับไปว่า วันที่แม่ของเขาเสียชีวิต โทรศัพท์สายแรกที่โทรมาหาเขาคือแฟนเก่า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเพลง “รักกับยา” ของเขา 

“วันที่แม่ผมเสีย เขาคือคนที่โทรหาผมเป็นคนแรก ผมเลยคิดว่าเขาคือที่พึ่งคนใหม่ของผม คนนี้คือคนที่จะช่วยให้ผมดีขึ้นได้ แต่พอมาวันหนึ่ง เขาก็ทิ้งผมไปมีแฟนใหม่ ผมก็ไม่เหลือใคร ผมเสียแม่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วผมก็เสียคนนี้ไปอีก ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมก็ใช้ชีวิตสุดเลย ผมไม่กลัวอะไรแล้ว” 

ARTRILLA เจ้าของเพลง

หลังจากการเลิกรากับแฟนคนนี้ ARTRILLA ได้ก้าวเข้าสู่วังวนของยาเสพติดเป็นครั้งแรก และทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ผมเคยไปบ้านเพื่อน คือบ้านเพื่อนผมอยู่รังสิต ผมก็หลับ ตื่นมาอีกทีคือผมอยู่ที่บ้านตัวเองที่ฝั่งธนฯ แล้ว ซึ่งตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมก็เริ่มคิดแล้วว่า เห้ย แล้วถ้าผมไปทำอะไรที่มันไม่ดีขึ้นมา แล้วผมจำไม่ได้เลย จะเป็นยังไง” ARTRILLA เล่า 

เขาย้ำชัดเจนว่า เขาไม่เคยกล่าวโทษใครก็ตามที่ให้เขาได้ลองใช้ยาเสพติด เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวของเขาเอง หากเขาปฏิเสธ เขาก็ไม่เป็นไร แต่เขาเลือกที่อยากจะลองเอง เพราะตอนนั้นยาเสพติดทำให้เขารู้สึกสนุก เขาไม่กลัวอะไร ไม่กลัวตาย ไม่กลัวใครหน้าไหน 

“ผมแค่อยากใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็ใช้ชีวิตให้สุดไปเลย มีอะไรเข้ามาก็ลองหมด” เขากล่าว 

รักตัวเองมากพอจึงตัดสินใจเลิกยา

ชีวิตในกับดักของยาเสพติด ส่งผลกระทบต่อการทำงานในวงการเพลงของ ARTRILLA อย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเริ่มรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ และเริ่มตั้งคำถามมากมายกับตัวเอง

ARTRILLA เจ้าของเพลง

“ผมก็เลยกลับมาถามตัวเองว่า ผมใช้ทำไม ผมรู้สึกว่าผมไม่มีใครรัก ผมต้องการความรัก พอไม่มีใครรัก ผมก็เศร้า พอเศร้า ผมก็อยากหาวิธีระบาย ยาก็เป็นทางออกของผม จนกระทั่งผมมาถามตัวเองว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้เราเล่นยาใช่ไหม แล้วคนจะมารักเราได้ยังไง ถ้าเราไม่รักตัวเอง เราจะทำร้ายตัวเองไปทำไม เราเลิกดีกว่าไหม” ARTRILLA เล่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากเลิกเล่นยา 

ARTRILLA เล่าว่า เขาพยายามเลิกยาด้วยการ “หักดิบ” แม้ในช่วงแรกจะทรมาน แต่เขามีเป้าหมายว่าอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่อยากเป็นคนที่ถูกมองไม่ดี เช่นเดียวกับอยากอยู่ในแวดวงดนตรีที่เขารัก ARTRILLA บอกว่าถ้าเรามีเป้าหมาย มันก็ไม่ยากขนาดนั้น 

“ผมเชื่อว่าเราห้ามกันไม่ได้ ยิ่งเฉพาะเด็กวัยรุ่น อายุ 16 17 18 มันเป็นวัยที่ห้ามไม่ได้หรอก แต่ผมอยากให้ลองถามตัวเองว่า เราคิดว่าเรามีค่ามากแค่ไหน ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่า สิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี แล้วเราจะใช้มันไปเพื่ออะไร เราอยากให้คนอื่นมารักเหรอ ถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วใครจะมารักเรา ผมต้องถามกลับมากกว่าว่า คิดว่าตัวเองมีค่าแค่ไหน รักตัวเองมากแค่ไหน อยากให้คนอื่นรักตัวเองแค่ไหน ก็ต้องรักตัวเองมากเท่านั้น” เขากล่าวปิดท้าย