โปรดิวเซอร์ "อีซูมาน" แห่ง SM พูดถึง "อนาคตของ K-Construction" ในงาน GICC
โปรดิวเซอร์"อีซูมาน" (Soo-man Lee) แห่ง SM Entertainment ถ่ายทอดสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ"อนาคตของ K-Construction" ในการประชุม “Global Infra Cooperation Conference” (หรือ GICC) ที่จัดขึ้น ณ โรงแรม เดอะ ชิลลา โซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
ในวันนั้น อีซูมาน กล่าวว่า "ผมหวังว่าเราจะร่วมกันสร้างอนาคตของอุตสาหกรรมบันเทิง, เมตาเวิร์ส และระบบนิเวศทางวัฒนธรรมการดำรงชีวิตในอนาคต ที่ซึ่งมนุษยธรรมและความยั่งยืนเป็นไปตามที่มนุษย์จินตนาการไว้ ผมตั้งตารอที่จะได้เห็นการบรรจบกันของ ซอฟต์ พาวเวอร์และการก่อสร้าง (อุตสาหกรรม) ของ K-Culture มารวมกัน" ตามด้วย"เกาหลีใต้เป็นประเทศของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลี (ฮันรยู) จุดเริ่มต้นของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีซินโดรมมาจากวง H.O.T. ในช่วงทศวรรษ 1990 ที่ความบันเทิงได้แผ่ขยายไปสู่เอเชีย และตั้งแต่นั้นมา ได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างตัวเองให้เป็นวัฒนธรรมที่มีการศึกษาไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ K-Culture เริ่มจาก K-Pop, K-Drama, K-Movies, K-Fashion, K-Food ไปจนถึง K-Smart infra พวกเราค่อยๆ สร้างคอนเทนต์ที่ทั่วโลกชื่นชอบและให้ความสนใจ รากฐานสำคัญของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่คนทั่วโลกชื่นชอบ คือ ความรู้สึกที่สัมพันธ์กันของมนุษยชาติ ที่อยู่เหนือภูมิภาค พรมแดน และรุ่นต่างๆ อีกทั้งจุดแข็งยังอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่สามารถสร้างกระแสแห่งการสร้างสรรค์ใหม่จากแฟนๆ และโปรซูเมอร์ทั่วโลกได้"
จากนั้นกล่าวต่อว่า "ผมและ SM Entertainment ได้เคาะประตูของโลกผ่านวัฒนธรรมมาเป็นเวลา 30 ปี ด้วยคติที่ว่า 'Culture First, Economy Next' ด้วยความฝันที่จะสร้างโลกความบันเทิงแห่งอนาคต ที่เชื่อมต่อโลกผ่านดนตรีและวัฒนธรรม พวกเราให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันวัฒนธรรมกับโลก นอกจากนี้ เราได้จัดทำให้กระบวนการทั้งหมดในการผลิตวัฒนธรรม กลายเป็นระบบและคู่มือในรูปแบบของเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาและตั้งชื่อว่า CT (Culture Technology) ไม่เพียงแต่ศิลปินและคอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความสนใจเท่านั้น แต่ระบบการผลิตของเกาหลียังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และโลกต้องการที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CT ของเกาหลี"
อีซูมาน ได้บอกเล่าถึงการพบปะครั้งล่าสุด กับเหล่าผู้นำของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ดูไบ และมองโกเลีย เพื่อแบ่งปันวิสัยทัศน์และความคิดสำหรับอนาคต และการมีส่วนร่วมของเขาในโปรเจกต์เมืองแห่งอนาคต ดังนี้
"ผมได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษา สำหรับธุรกิจการก่อสร้างเมืองบันเทิงขนาดใหญ่ของซาอุดีอาระเบียที่เรียกว่า ‘Qiddiya Project’ ตั้งแต่ปี 2019 และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมและ SM Entertainment ได้เซ็นสัญญา MOU กับกระทรวงการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย ตัวผมในฐานะโปรดิวเซอร์ ผมจะผลิต Saudi Pop (S-Pop) และดำเนินการโปรเจกต์เพื่ออุตสาหกรรมวัฒนธรรมในอนาคตของซาอุดีอาระเบียต่อไป" จากนั้นกล่าวต่อว่า "เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้พบกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของโกเลีย เพื่อให้คำแนะนำและหารือเกี่ยวกับอนาคตของมองโกเลีย ผมได้เสนอความคิดเกี่ยวกับระบบอุตสาหกรรมการสร้างวัฒนธรรมแห่งอนาคต, วิสัยทัศน์ในการสร้าง ‘Mecca’ ของวัฒนธรรมและความบันเทิง ที่ซึ่งวัฒนธรรมต่างๆ จากทั่วโลก รวมถึง K-Culture มาผสมผสานกัน เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับอนาคตใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนจากเมืองอื่น, เมืองโดมความบันเทิงระดับโลก, การสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมการดำรงชีวิต ที่ซึ่งเมตาเวิร์สและเมตาเวิร์สทางกายภาพดำรงอยู่ร่วมกัน ฯลฯ จากความคิดที่น่าสนุกเหล่านี้ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการสร้างวัฒนธรรมและอนาคตของเมือง พวกเราตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างแข็งขันในโปรเจกต์ต่างๆ ที่จะเดินหน้าต่อไป"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีซูมาน ได้กล่าวย้ำว่า "CT เป็นคู่มือและระบบที่สามารถใช้ได้กับทุกประเทศและทุกวัฒนธรรมโดยไม่ต้องคำนึงถึงขอบเขตและภาษา เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่โลกชื่นชอบ ซึ่งโลกความบันเทิงในอนาคตที่ผมวางแผนจะสร้างโดยใช้ CT นั้น เป็นระบบนิเวศทางวัฒนธรรมที่สามารถนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ชีวิตได้ ผมยังคงพัฒนา CT ให้เป็นรูปแบบของเทคโนโลยีที่สร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรม และวาดภาพเมืองแห่งอนาคตที่วัฒนธรรมถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนที่ของอนาคตกำลังกลายเป็นความจริงจากการผสมผสานของเทคโนโลยีขั้นสูง การก่อสร้าง การคมนาคมขนส่ง และวัฒนธรรม ด้วยการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำที่รวมกันอยู่ในระบบเดียว ในอนาคตนั้น ภายในโดรนที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จะสามารถทำหน้าที่เป็นโรงภาพยนตร์ พร้อมทั้งคาเฟ่ ห้องคาราโอเกะและห้างสรรพสินค้าได้ เวอร์ติพอร์ต (Vertiport) จะถูกจัดตั้งในศูนย์วัฒนธรรมของเมือง เช่น สถานบันเทิง หรือแม้แต่ศูนย์รวมธุรกิจ อีกทั้งเวอร์ติพอร์ตนานาชาติ (International Vertiport) ก็จะเกิดขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ และกลายเป็นแหล่งวัฒนธรรมแห่งใหม่ โดยเวอร์ติพอร์ต (Vertiport) จำต้องกลายเป็นส่วนประกอบจำเป็นที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการวางแผนและพัฒนาเมือง ดังนั้น โครงสร้างของเมืองจะต้องถูกสร้างขึ้นใหม่และต้องใช้จินตนาการทางวัฒนธรรมในระดับสูงสุด"
นอกจากนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของหลายบริษัทเกาหลีใต้ในการสร้างสถานที่สำคัญทั่วโลก อีซูมาน ก็ได้ยกตัวอย่างประกอบ เช่น สะพานชานัคคาเล (Canakkale) ของตุรกี ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก, เบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ของดูไบ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก, โครงการแม่น้ำเทียม Great Man-Made River (GMR) ของลิเบีย ซึ่งเป็นโครงการชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในทศวรรษ 1980, สะพาน New Selander ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในแทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา, ความร่วมมือในการปลูกป่าที่กรุงอูลานบาตาร์ เพื่อป้องกันภาวะการกลายสภาพเป็นทะเลทรายและลดฝุ่นเหลืองในประเทศมองโกเลีย พร้อมกล่าวดังนี้
"อุตสาหกรรมการก่อสร้างของเกาหลีใต้ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อช่วยเหลือโลกด้วยความยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกจำเป็นต้องดำเนินการร่วมกัน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ประเทศเกาหลีมีพลังชีวิตในการเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งรกร้างให้กลายเป็นทุ่งแห่งชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ พวกเรามีมนุษยธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ และประเทศเกาหลีจะสามารถเป็นพาร์ทเนอร์ในการร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก เช่น ภาวะโลกร้อนและภาวะการกลายสภาพเป็นทะเลทราย ด้วยการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่สามารถช่วยโลกได้" ไม่เพียงเท่านี้ ยังดึงดูดความสนใจด้วยการกล่าวว่า "ผมให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความร่วมมือของ 'Team Korea' ที่รวบรวมความสามารถของเกาหลีใต้เอาไว้ บริษัททั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงรัฐบาล ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโปรเจกต์ที่มีความหมายมากกว่าความแตกต่างของอุตสาหกรรม และพวกเขาจะสร้างความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อรวมกับพลังของวัฒนธรรม ผมเชื่อว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีจะพาเข้าสู่ยุคของ K-Construction ที่นำเสนอคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีแห่งการก่อสร้าง และอนาคตของเมืองผ่านการบรรจบกันกับวัฒนธรรม เมื่อ CT และ K-Construction ร่วมกันนั้น จะช่วยสร้างเมืองแห่งอนาคตที่ยั่งยืน กล่าวคือ ระบบนิเวศทางวัฒนธรรมการดำรงชีวิตในอนาคต"
ก่อนจะกล่าวปิดท้ายว่า "ตัวผมและ SM Entertainment จะพยายามพัฒนา CT ต่อไป เพื่อมีส่วนช่วยในการสร้างเมืองแห่งอนาคตและระบบนิเวศทางวัฒนธรรมการดำรงชีวิตในอนาคต ผมหวังจากใจจริงว่า การก่อสร้างระบบนิเวศใหม่ที่ซึ่งมีมนุษยธรรมที่มนุษยชาติใฝ่ฝันนั้น จะบรรลุผลสำเร็จ อีกทั้งผมยังหวังว่า เกาหลีใต้จะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการบรรลุความยั่งยืนของโลก และสร้างสรรค์ชีวิตและวัฒนธรรมให้กับมนุษยชาติ ผมตั้งตารอที่จะได้เห็นเมืองวัฒนธรรมแห่งอนาคตกลายเป็นระบบนิเวศทางวัฒนธรรมการดำรงชีวิต ที่สามารถสัมผัสได้ถึงมนุษยธรรมของ SM อย่าง ‘Be Humble, Be Kind, Be the Love’"