KONG SAHARAT IN MY LIFE คืนร็อคและรักที่ยากจะหาคำนิยามของชายผู้เป็นได้ทุกอย่าง
ถ้าพูดถึงชื่อศิลปินที่ไม่ว่าใครๆ ก็ยกให้เขาเป็นพี่ชายสุดเท่ หลายๆ คนคงต้องยกให้ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา ศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานต่อเนื่อง 30 ปี และมีเสน่ห์กับความสามารถที่ทำให้เขาเป็นขวัญใจมหาชนที่ใครๆ ก็พากันเรียกเขาว่า “พี่ก้อง” จนเรามองว่านอกจากจะเป็นสามีแห่งชาติของสาวๆ แล้ว เขาควรจะเป็นพี่ชายแห่งชาติด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ทำคอนเสิร์ตกับวง NUVO มาหลายปี ในที่สุดก็ถึงวันที่ ก้อง สหรัถ มีคอนเสิร์ตใหญ่ ไทยประกันชีวิต presents KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT โดย GMM SHOW และ Idea Fact ที่บัตรขายหมด 1 สัปดาห์ก่อนงานและเราก็มีโอกาสได้ร่วมชมโมเมนต์สำคัญครั้งนี้ของก้อง สหรัถ ในฐานะคนคนหนึ่งที่ได้สัมผัสและชมเขาผ่านหลายบทบาทตั้งแต่เด็ก ซึ่งงานนี้มาพร้อมกิมมิก “คอนเสิร์ตเดียวดูผมได้ทั้งชีวิต” โดยเมื่อเราชมการแสดง เราบอกเลยว่าคอนเซ็ปต์งานมันไม่เกินจริงเลย
คอนเสิร์ต KONG SAHARAT IN MY LIFE เริ่มเมื่อก้องได้มากับเพลง “เป็นอย่างงี้ตั้งแต่เกิดเลย” ที่มีอินโทรแบบประสานเสียง และเพลง “เกี่ยว”, “ทนทนเอาหน่อย” ที่ทุกเพลงมีการเรียบเรียงดนตรีใหม่ และเปิดโอกาสให้เราได้เห็นการใช้เสียงหลายสไตล์ของก้องและมูฟเมนต์กีตาร์ที่ดึงดูดสายตาและสะดุดหู ก่อนที่ก้องจะต้อนรับทุกคนสู่งานครั้งนี้แบบเป็นกันเองและสอดแทรกมุก ก่อนที่จะเผยว่าการที่นี่เป็นคอนเสิร์ตเขา ทำให้เขาร้องเพลงอะไรก็ได้ และร้องเพลง “ทำไมต้องเธอ” ของ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ต่อด้วย “เหตุผล” ของ Blackhead และเพลง “เหมือนเคย” ของ บอย โกสิยพงษ์ ที่แต่ละเพลงเขาถ่ายทอดได้ละมุนสุดๆ และระหว่างโชว์พาร์ทแรกเขาได้ถอดสูทจนแฟนๆ กรี๊ดด้วย
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเพลงอะคูสติกที่มีการบาลานซ์ดนตรีจนเข้ากับบรรยากาศงาน และเราก็ได้ฟังเมดเลย์ที่มีหลากหลายเพลง ทั้ง “คึกคักบ่อยเลย” และเพลง “คิด (แต่ไม่) ถึง” ของ Tilly Birds ไปจนถึงเพลงดังของ NUVO อย่าง “สุดสุดไปเลย” กับ “นิยาม…คำว่ารัก” ที่ทางวงเคยทำใหม่เพื่อใช้ในคอนเสิร์ตก่อนหน้า แต่ไม่ได้ใช้ ซึ่งนี่ถือเป็นช่วงที่เรามองว่าอบอุ่นและทำให้เราได้ฟังดนตรีที่เรียบเรียงมาสดใหม่ที่ชวนเคลิ้มและเข้ากับเสียงของก้อง และเมื่อช่วงนี้จบ แฟนๆ ก็ได้ฟังเพลง “สู่กลางใจเธอ” ที่เป็นเพลงที่ก้องเคยร้องในละคร อย่าลืมฉัน และมี เจนนิเฟอร์ คิ้ม (พรพรรณ ชุนหชัย) แขกรับเชิญคนพิเศษที่เคยร่วมงานกับก้องในซิทคอมที่เล่นคู่กัน และบทบาทการเป็นโค้ช The Voice Thailand และก้องก็ให้เจนนิเฟอร์ คิ้ม ร้องเพลง “นะหน้าทอง” ของ โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ ด้วยเสียงทรงพลังและเทคนิคชนิดที่ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง
ต่อจากช่วงของเจนนิเฟอร์ คิ้ม แฟนๆ ก็ได้เห็นพาร์ทการแนะนำดนตรีแบ็คอัพ ตั้งแต่ เค เมธีทวีทรัพย์ มือกีตาร์วง พอง พอง เจ้าของเพลง “หน้าใสใส” ที่เป็นนักดนตรีและมิวสิคไดเร็คเตอร์ของงาน และนักดนตรีท่านอื่นแบบลงรายละเอียดชัดๆ ก่อนที่จะมีพาร์ทเพลงปล่อยของสำหรับทีมนักดนตรี ที่ทุกคนได้โชว์ของ โดยสำหรับเราแล้วนี่ถือเป็นโชว์ที่พิเศษสุดๆ เพราะเราแทบไม่เคยชมคอนเสิร์ตงานไหนที่ให้เกียรติและมอบสปอตไลต์ให้นักดนตรีแบบนี้ ซึ่งการทำงานของพวกเขาก็สมควรได้รับเครดิตด้วย เพราะดีเทลดนตรีแนวต่างๆ ออกมาดีจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันเราก็เสียดายที่ตัวเองนั่งอยู่ตรงริมปีกซ้ายของฮอลล์ เพราะเราเองไม่สามารถเห็นตัวนักดนตรีชัด แถมจอที่ฉายภาพนักดนตรีก็ดันอยู่ฝั่งขวาสุดที่เรามองเห็นยากมาก จนเราแทบไม่ได้เห็นนักดนตรีที่ก้องกำลังแนะนำ ทำให้เรามองว่าทางงานน่าจะใช้วิธีให้แนะนำนักดนตรีด้วยการ ตัดไปมาระหว่างก้องพูดและภาพนักดนตรีบนจอฝั่งซ้ายขวาของเวทีไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้คนที่นั่งโซนเราได้เห็นนักดนตรี
และเมื่อเวลาปล่อยของนักดนตรีจบลงก็เป็นเมดเล่ย์เพลงสนุกอย่าง “หยุด” ของ Groove Riders, “ฝากเลี้ยง” ของ เจ-เจตริน วรรธนะสิน, “ลงเอย” ของ อัสนี-วสันต์, “ซมซาน” ของ Loso, “เพียงกระซิบ” จนถึงเพลง “Too Much So Much Very Much” ของ เบิร์ด ธงไชย ที่ก้องโชว์การเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลงแบบเบาๆ และมาถึงเซอร์ไพรส์ในเพลง “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” ของ The Richman Toy ที่แขกอย่าง นนท์-ธนนท์ จำเริญ ออกมาแจมและดวลเต้นกับก้อง ก่อนที่ก้องจะพักและมูนวอล์คออกจากเวทีปล่อยให้นนท์ร้องเพลง “โต๊ะริม” ของตัวเองด้วยมาตรฐานการร้องที่สูงแบบที่เราเคยฟังมาตลอด
นอกจากนนท์ ธนนท์ แล้ว แฟนๆ ก็ได้ชมการแสดงของกับลูกทีม The Voice Thailand คนอื่น กับโชว์พิเศษอย่าง “เจ็บนี้จำจนวันตาย” กับ ไก่-อัญชุลีอร บัวเเก้ว ที่เรียกได้ว่าโหดสุดๆ แม้ไก่จะเพิ่งผ่านการรักษาตัวจากปัญหาสุขภาพ ก่อนที่ก้องจะเตือนคนดูว่าช่วงต่อไปนั้นดุมาก เพราะเขาได้พา ไนท์-วิทวัส สันกลกิจ ลูกทีมร็อคเสียงสูงมาแจมในเพลงวง AC/DC และตามด้วย คิง-พิเชษฐ์ บัวขำ และ เหน่ง-พิชัยยุทธ จันทร์กลับ ที่มาฟาดกันกับเพลง “Highway Star” ขณะที่ก้องเล่นกีตาร์และร้องแจมเล็กๆ ซึ่งแม้ก้องจะเล่นดนตรีในพาร์ทนี้เพื่อซัพพอร์ทเหล่านักร้องพลังเสียงเกรี้ยวกราด แต่เขายังคงเด่นและดึงดูดสายตาขณะเล่นดนตรีในความคิดเรา
สำหรับช่วงท้ายของงานก็เริ่มเมื่อก้อง ได้นำเพลง “เติมใจให้กัน” จากภาพยนตร์ พริกขี้หนูและหมูแฮม มาร้อง และสลับมาเพลงเฮิร์ต “เธอบอก.,,เธอหลอก” และหลังจากนั้นเราได้ฟังเพลงรักอย่าง “รักเธอสุดหัวใจ” และ “ลึกสุดใจ” ต่อกันในช่วงที่ก้องทำเหมือนขอบคุณทุกคนและจะลาเวที และมีการฉายสไลด์ชีวิตก้องบนจอที่มาพร้อมข้อความแทนคำขอบคุณประกอบเพลง “นักเดินทาง” และช่วงท้ายคลิปก็มีการขอบคุณผู้ที่มีพระคุณและคนสำคัญของก้องที่ล่วงลับด้วย อย่างเช่น เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ ราวกับงานกำลังจะจบ ซึ่งอาจทำให้หลายคนคาใจเบาๆ เพราะหลายเพลงฮิตของก้องในยุค NUVO ยังไม่ถูกนำมาโชว์
แต่ในวินาทีที่งานดูเหมือนจะจบ ก็มีเซอร์ไพรส์ส่งท้าย ที่เรียกได้ว่าฉีกจากสคริปต์งานคอนเสิร์ต GMM Show หลายงานที่จะจบด้วยเพลงสนุกๆ และเพลงขอบคุณ เพราะ โจ-จิรายุส วรรธนะสิน, จอห์น รัตนเวโรจน์, เต๋อ-ปีเตอร์ แอนโทนี่ แฮมมอนด์, สุ-สุรชัย สุนทรธาดากุล และ ใหม่-ชยุต บุรกรรมโกวิท เพื่อนร่วมวง NUVO ได้ปรากฎตัวพร้อมก้องในชุดสูทและเล่นเพลงที่ไล่กราฟจากเศร้าไปถึงสนุกจาก “ลืมไปไม่รักกัน”, “ไม่เป็นไรเลย”, “คางคกร่าเริง”, “สัญชาตญาณบอก” จนถึงเพลง “ทนเลย” ที่เป็นการปิดท้ายโชว์แบบสมบูรณ์จริงๆ
ภาพรวมของงาน ไทยประกันชีวิต presents KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT มีความดีงามจาก ความรัก และเซนส์การ “เลือก” ของก้องและทีมงาน โดยงานครั้งนี้ก้องเลือกเพลงได้เหมาะสมกับความสามารถการร้องสดที่ดีแม้ตัวก้องอายุมากขึ้น และการเล่นกีตาร์แบบก้อง จนเขาสามารถโชว์ฝีมือทั้งสองด้านตั้งแต่ต้นจนจบงาน และขณะเดียวกันยังเลือกเพลงสนุกๆ มาเล่นได้เหมาะสมกับตัวเขา จนทำให้ช่วงดังกล่าวผ่านได้อย่างสนุกสนานและไม่ดูฝืนเกินไป รวมถึงยังเลือกวิธีการพูดคุยกับคนดูได้เหมาะสมตลอดงาน มีมุกใหม่ๆ สอดแทรกและสีสันหลากหลาย แต่ภาพรวมยังเป็นธรรมชาติและสะท้อนตัวตนสุภาพบุรุษของก้อง โดยอีกหนึ่งการเลือกที่เราชอบก็คือการเรียงเซ็ทลิสต์ที่มีการแบ่งช่วงชีวิตของก้องได้ดี และมีการกระจายเพลงฮิต และเพลงหาฟังยาก รวมไปถึงเพลงคัฟเวอร์ในงานได้ค่อนข้างดีและทำให้เราเซอร์ไพรส์พร้อมเดาไม่ถูกว่าเพลงไหนจะมาช่วงไหน และขณะเดียวกันการเรียงเพลงงานครั้งนี้ยังฉีกความจำเจของหลายๆ ศิลปินไทย ที่มักจะเริ่มด้วยเพลงสนุกก่อนจะไล่กราฟมาเศร้าและสลับกลับไปสนุกพร้อมฟีลกู้ดช่วงจบ เพราะงานครั้งนี้ก้องกับทีมคือวางทุกอย่างแบบไม่มีกรอบ อย่างอยู่ดีๆ ช่วงอะคูสติกละมุนก็กลายเป็นช่วงแดนซ์ก่อนเข้าสู่ความร็อคและสลับกลับมาโหมดเพลงรักซึ้งอีกครั้ง ก่อนจะปิดท้ายด้วยความสนุกจาก Nuvo
อีกส่วนที่ทำให้งานสมบูรณ์ก็คือความรักที่อบอวลในงานทั้งแขกรับเชิญที่ก้องเชิญคนที่เขารักจริงๆ แบบไม่ตามกระแสอย่างที่เจนนิเฟอร์ คิ้ม พูดช่วงที่ก้องไปเปลี่ยนชุด รวมถึงความใส่ใจและให้เกียรตินักดนตรีที่ต้องใช้คำว่าไปอีกระดับหนึ่งเลย ทั้งเปิดโอกาสให้มีโชว์และแนะนำสตอรี่ความผูกพันของก้องกับพวกเขาและเธอ ก่อนจะถึงสไลด์การขอบคุณทุกคนที่เข้ามาในชีวิต เช่นเดียวกับความที่ก้องกับทีมงานใส่ใจคนดูทุกช่วงอายุไม่ว่าจะเป็นคนที่ตาม NUVO จนถึงคนที่ติดตามงานเขายุคหลังๆ และคนที่รู้จักเขาจากโหมดนักแสดง เพราะงานนี้คือมีทุกอย่างและทุกช่วงได้ถูกแบ่งแบบเท่าๆ กัน และยังมีการขนเพลงฮิตจากยุคต่างๆ สำหรับคนที่อาจไม่ได้ตามก้องแบบจริงจังมาโชว์ด้วย จนเรามองว่าคนที่ตั้งใจทำงานครั้งนี้ ต้องการให้ผู้ชมทุกคนมีความสุขจริงๆ แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สำหรับการจัดงานโดยรวม แสงสีเสียง โปรดักชั่นต่างๆ ได้ออกมาลงตัวและส่งเสริมการแสดงเป็นอย่างดีแม้จะมีช่วงที่เรามองว่าควรปรับอย่างเช่นการใช้จอช่วงแนะนำศิลปิน และงานครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเราสัมผัสได้เลยว่ามีซาวด์ในเกณฑ์ดีจนได้ยินเครื่องดนตรีหลากหลาย และมีเหตุการณ์ลำโพงหรือเครื่องดนตรีที่หอนออกมาน้อยมากๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาอีกสิ่งที่เราชอบคือการที่แม้จะมีหลายช่วงแต่ไม่ได้ใช้เวทีหมุน แต่การเปลี่ยนผ่านเครื่องดนตรีและพร็อพก็เนียน เพราะระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ได้มีช่วงมอบดอกไม้ให้ก้อง และการเปิดสไลด์ชีวิตก้องประกอบเพลง สำหรับภาพรวมงานครั้งนี้แทบไม่มีติดอะไรเลย
สำหรับเรางาน KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT เป็นคอนเสิร์ตอีกงานที่พิสูจน์ว่าก้อง สหรัถคือพี่ชายและซูเปอร์สตาร์ขวัญใจมหาชนในวงการบันเทิงที่ทำได้ทุกอย่างทั้งศิลปิน แสดง ไปจนถึงการเป็นพิธีกรและเอนเตอร์เทนเนอร์รอบด้าน จนเราหวังว่านี่จะไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของเขา เพราะเราเชื่อว่า 34 ปีที่ผ่านมา และอนาคตต่อไปๆ ของเขา จะมีเรื่องราวใหม่ๆ ที่สามารถนำมาเล่าบนเวทีได้อีกแน่นอน
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ