“MY NAME IS NUM KALA” วันที่ "ร็อคเกอร์/ป็อปสตาร์" มากเสน่ห์เข้าใกล้คำว่าขวัญใจมหาชน
สำหรับวัยรุ่นยุค 2000 อย่างผู้เขียนนั้น ถ้าจะมีศิลปินคนหนึ่งที่เราสามารถใช้คำว่าโตมากับเขาได้เต็มปาก ก็คงเป็น หนุ่ม กะลา (ณพสิน แสงสุวรรณ) เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาอยู่ในทุกช่วงชีวิตเรามาตลอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนประถมที่เราเห็นเขาเป็นศิลปินที่มาจากการแข่งวงดนตรี และได้ปล่อยอัลบั้มร็อคกับเพื่อนๆ ก่อนเราจะหลงใหลในเพลงฮิตของเขาอย่าง “ขอเป็นตัวเลือก” จากละคร พี่เลี้ยงกึ่งสำเร็จรูป
และในวันที่เราเข้าวัยมัธยม เราก็ได้ฟังหลากหลายผลงานของเขารวมถึงเคยชมบทบาทของเขาในภาพยนตร์ พันธ์ุเอ็กซ์เด็กสุดขั้ว ที่ทำให้เราต้องอุทานตอนดูว่า “โคตรเท่ว่ะ!” และแม้จะมีช่วงที่หนุ่มหายหน้าหายตาไปจากเรา แต่เขาก็ยังคงกลับมากับวงที่ฟอร์มใหม่ในวันที่เราอยู่ชั้นมหาวิทยาลัย ก่อนจะกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในวันที่เราเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งแม้จะต้องเผชิญเรื่องดีและแย่ แต่เขาก็ยังยืนหยัดในเส้นทางจนถึงวันที่ความสำเร็จของเขา ทำให้เขามีคอนเสิร์ตใหญ่ที่อิมแพ็ค อารีน่า ครั้งแรกในชื่อ ไทยประกันชีวิต Presents MY NAME IS NUM KALA ‘FIRST IMPACT CONCERT’ #อยากจับมือกับฉันเรื่อยไปรึเปล่า ภายใต้การดูแลของ GMM SHOW และ GFest
ในเวลา 1 ทุ่ม ของวันที่ 17 กันยายน หนุ่ม กะลา ได้ปรากฏตัวบนแพลตฟอร์มที่ต่อจนสูง ก่อนจะกระโดดลงมาเบื้องล่างหลังร้องเพลง “ทุกวันได้ไหม” จากอัลบั้มใหม่ด้วยเสียงที่เป๊ะราวเปิดแผ่นไม่มีเปลี่ยน ก่อนจะจัดหนักด้วยเพลงร็อคต่อเนื่องอย่าง “My Name is Kala”, “เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่”, “แม่” ที่ซาวด์เดือดจนพื้นแพลตฟอร์มที่เรานั่งถึงกับสะเทือน ก่อนที่งานจะสลับมากับเพลงช้าอย่าง “ใช่ฉันหรือเปล่า”, “ใจเรายังตรงกันอยู่ไหม” ที่คนดูร้องตามได้ และหนุ่มก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมร้องตามแบบเต็มที่ แต่ในการเปิดโอกาสให้ร้องของหนุ่มนั้น เขาให้ผู้ชมร้องทั้งสามเพลง ในช่วงต้นฮุคและปลายฮุคซึ่งเรามองว่า ช่วงปลายฮุคนั้นการที่หนุ่มส่งให้แฟนๆ ร้อง มันทำให้อารมณ์โดนตัดกลางคันและทำให้คนที่อยากฟังเสียงของเขาอย่างเราแอบรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้สัมผัสเสน่ห์เสียงเขาเท่าที่ควรใน 3 เพลงนี้ แต่หลังจากโชว์นี้หนุ่มก็ได้เปลี่ยนวิธีการแบ่งท่อนร้องใหม่ จนปัญหาดังกล่าวหายไป
หลังจากนั้นก็เป็นโชว์เพลง “ไม่เห็นฝุ่น” และ “ถ้าเธอหลายใจ” ที่มากับความสนุก ก่อนจะถึงคิวเพลง “ไม่มีทาง” ที่ บอย Peacemaker (อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี) แขกรับเชิญคนแรกมาร่วมแจมพร้อมเสียงที่ฟาดแรงแถมเป๊ะสุดๆ แบบไม่เปลี่ยน และบอยก็มากับบทพูดตลกที่แซวข่าวของ เจี๊ยบ-พิจิตตรา สงวนศักดิ์ภักดี กับไม้เซลพี่ที่สั่ง พร้อมแกล้งจะสาปคนดูก่อนจะร้องเพลง “ส่วนเกิน” และมาสนุกส่งท้ายกับหนุ่มในเพลง “เนื้อคู่” หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเพลงเศร้าอีกครั้ง เมื่อหนุ่มมากับเพลง “จม” และ “ปล่อย” ที่พาทุกคนจมกับความเศร้า และหลังจากนั้นคนดูก็เหมือนถูกกระชากเปลี่ยนอารมณ์อีกครั้งกับการปรากฎตัวของ แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล)
การมาของแอ๊ดที่เป็นไอดอลของหนุ่ม ทั้งสองก็ร้องเพลง “วณิพก”, “ราชาเงินผ่อน”, “คนล่าฝัน”, “บัวลอย” ซึ่งหนุ่มได้มาร้องเพลงในคอสตูมสไตล์ศิลปินเพื่อชีวิตที่มีเสียงเข้ากับเพลงเพื่อชีวิตได้แบบน่าทึ่ง ส่วนแอ๊ดเองก็เจนเวทีและมีคุณภาพเสียงที่ดีแม้จะมีอายุมากก็ตาม ก่อนจะถึงอีกหนึ่งโมเมนต์ที่หลายคนรอคอยมา 2 ปี กับการที่แอ๊ดและหนุ่มร้องเพลงร้อยล้านวิว “ตามตะวัน” ด้วยกันบนเวทีครั้งแรก และหลังจากนั้นแฟนๆ ก็ได้สัมผัสโมเมนต์ประทับใจเมื่อหนุ่มขึ้นรถเลื่อนที่พาเขาวนรอบ Impact Arena พร้อมจับมือทักทายแฟนๆ ที่อยู่ชั้น 1 และชั้น 2 แบบเป็นกันเองสุดๆ และตามด้วยเพลง “นานเท่านาน” ก่อนจะได้เวลาเปิดตัวอีกแขกรับเชิญอย่าง โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail ที่เคยชวนหนุ่มขึ้นเวที Cocktail Live #เล่นด้วยหัวใจเสมอมา ในปี 2018
โดยการแสดงของโอมและหนุ่ม ทั้งสองได้นำเพลง “เธอ” ของ Cocktail และ “รอ” ของ กะลา มาเชื่อมกัน และได้ร้องในท่อนเพลงตัวเอง ก่อนจะสลับท่อนช่วงท้าย และได้มีการพูดคุยอย่างเป็นกันเองและแชร์เรื่องราวอย่างการที่โอมช่วยหนุ่มเรื่องคดีลิขสิทธิ์เพลงจนสนิทกัน และความประทับใจที่แตละคนมีให้กันก่อนที่โอมจะร้องเพลง “ดึงดัน” ของตัวเองและตามด้วย “คุกเข่า” ที่หนุ่มออกมาแจม และช่วง Talk เราได้เห็นหนุ่มชวนให้โอมแต่งเพลงใหม่ให้ จนเราตื่นเต้นตาม เพราะเรามองว่าเสียงที่มีเสน่ห์ของหนุ่มและภาษาเพลงของโอมน่าจะผสมกันลงตัวแน่ๆ
ด้วยความที่หนุ่มเป็นศิลปินมากประสบการณ์ทางดนตรี ทำให้เขาตัดสินใจมากับช่วงการแสดงเมดเล่ย์อะคูสติกที่มากับเพลงที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง “แอบ”, “สบายดีหรือ”, “ปล่อยมือฉัน”, “ลืมได้จริงใช่ไหม” จากยุคศิลปินเดี่ยว ไปจนถึงเพลงจากยุค 2 ของกะลาอย่าง “นาฬิกาของคนรักกัน” มาจนถึงเพลง “หลังคาก็ยังดี” จากยุคแรกของกะลาที่มีการโปรยกระดาษพร้อมข้อความจากหนุ่มลงมาจากเพดานด้านบน ก่อนที่จะมี VTR ที่พูดถึงโมเมนต์ที่เป็นครั้งแรกของหนุ่มในมุมต่างๆ เพื่อนำเข้าสู่ช่วงเพลงแดนซ์ที่หนุ่มมากับเพลง “ฝากเลี้ยง” ของ เจ-เจตริน วรรธนะสิน และเพลง “OK นะคะ” ของ แคทรียา อิงลิช ที่เปิดโอกาสให้หนุ่มได้โชว์สเต็ปร่วมกับทีม Harlem Shake ก่อนที่หนุ่มจะรับเหล่าของขวัญสุดแปลกจากแฟนๆ ตั้งแต่ชุดหมูกระทะจนถึงใบอนุโมทนาบุญและปีกเงินที่ทำให้เขาร้องเพลง "บอกสักคำ" ลูกทุ่งโชว์แฟนๆ เพื่อเซอร์ไพรส์ทุกคน
ในช่วงท้ายหลังจากที่หนุ่มโชว์เพลง “เธอเป็นแฟนฉันแล้ว” ที่เขาร้องทุกงานและชมกระดาษโปรเจกต์จากแฟนๆ แล้ว ก็ถึงเวลาการขึ้นแสดงของวง กะลา อย่าง นุ-ธีระศักดิ์ อุ่มมล (เบส) รุส-ดารุส ปัญญา (กลอง) และ โต-มาโนช พิมพ์จันทร์ (กีตาร์) ครั้งแรกในรอบหลาย 10 ปี ในเพลง “ขอเป็นตัวเลือก” และ “ไม่มา่ก็คิดถึง” พร้อมอัปเดตชีวิตที่ทั้งสามหันไปทำงานเบื้องหลังในวงการเพลง และหลังจากนั้นหนุ่มก็ร้องเพลง “ยาม” ที่เคยพาเขาเจอกับปัญหาลิขสิทธิ์ แต่คราวนี้ก็มี เมธี อรุณ (ร้องนำ), อนันต์ สะมัน (เบส) และ สมเมย์-ณัฐนนท์ ศรีศรานนท์ (กลอง) สมาชิกวง Labanoon ที่เป็นเจ้าของผลงานและศิษย์เก่าเวที Hotwave Music Awards ขึ้นมาแจม และร้องเพลงของวงอย่าง “191” ขณะที่หนุ่มไปพัก และทั้งสองศิลปินก็ร้องเพลง “แม่” อีกรอบแบบเดือดๆ ก่อนที่หนุ่มจะขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานครั้งนี้พร้อมความในใจในวันที่ต้องปรับตารางคอนเสิร์ตเหลือวันเดียว และร้องเพลง “ลม” เพื่อส่งความรักให้ทุกคน และมาร้องท่อนจบตรงกลางฮอลล์ท่ามกลางทะเลดาวจากทุกคน
ภาพรวมของการแสดงของหนุ่ม กะลา ในงาน MY NAME IS NUM KALA ‘FIRST IMPACT CONCERT’ #อยากจับมือกับฉันเรื่อยไปรึเปล่า นอกจากเสียงที่เป๊ะอย่างที่หลายคนเลื่องลือแล้ว เขายังพาตัวเองไปสนุกกับแนวดนตรีหลากหลายไม่ใช่แค่มาดร็อคสตาร์แบบตอนอยู่วงหรือการเป็นศิลปินป็อปในปัจจุบัน และมากับความจริงใจพร้อมเอนเตอร์เทนทุกคนด้วยการพูดคุยที่กันเองสุดๆ และเราบอกเลยว่าในการแสดงครั้งนี้หนุ่มเซอร์วิสแฟนๆ หนักมาก ด้วยการมาใกล้ชิดคนดูถึงสองรอบและเล่นกับคนดูทั้งตอนร้องและพูดคุย แม้บางช่วงเราจะมองว่าเขาให้คนดูร้องเยอะไปจนพลาดโอกาสที่จะโชว์เสน่ห์ตัวเอง แต่อีกมุมก็เข้าใจว่าเขาอาจจะอยากเปิดโอกาสสนุกกับแฟนๆ และหากิมมิกที่แตกต่างมาเล่นในโชว์ เพราะงานครั้งนี้มีเพลงมากกว่า 40 เพลงถ้านับช่วงเมดเล่ย์ ซึ่งถ้าร้องทุกเพลงด้วยกิมมิกลูกเล่นเหมือนกันหมด มันอาจทำให้เกิดความจำเจ
ส่วนทางด้านแขกรับเชิญ ทุกคนก็มากับความสามารถไม่ธรรมดา และงานครั้งนี้ก็พิสูจน์ได้ชัดเลยว่า โอม Cocktail, บอย Peacemaker และ แอ๊ด คาราบาว คือศิลปินที่สามารถใช้คำว่าร้องสดเปิดเทปได้จริงๆ ส่วน Labanoon ก็ยังคงคอนเซ็ปต์วงสามชิ้นที่แน่นไม่เปลี่ยน โดยในพาร์ท Labanoon ตอนแรกบอกตรงๆ เราเชียร์ให้หนุ่มกับวงร้องเพลง "เชือกวิเศษ" เพราะก่อนหน้านี้หนุ่มเคยนำเพลงนี้มาร้องในคลิปที่ค่าย genie records ฉลอง 200 แล้ววิวของเพลง "เชือกวิเศษ" จนหลายคนเชียร์ให้มีการคัฟเวอร์เต็มรูปแบบในสักวันหนึ่ง
นอกจากการแสดงของหนุ่มที่หลากหลายจนเรามองว่าดีแล้ว งานครั้งนี้ยังมีซาวด์ดนตรีที่ดีและมีลูกเล่นในการเรียบเรียงที่ทำให้แต่ละเพลงแตกต่างจากต้นฉบับอย่างเพลง "ลม" ที่มากับเครื่องสาย ในขณะที่ตัวโปรดักชั่นนั้นบอกเลยว่า “ห่างไกลความเรียบง่าย” ไม่ว่าจะเป็นการเรียงจอเล็กใหญ่บนเวที การใช้สลิง และการใช้รถเพื่อพาหนุ่มวนรอบเวที ยันการโปรยกระดาษพร้อมข้อความ โดยเราเองต้องขอบคุณทีมงานผู้จัดที่ส่งเสริมจินตนาการของหนุ่มแบบเต็มที่สุดๆ
ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงในงาน MY NAME IS NUM KALA ‘FIRST IMPACT CONCERT’ #อยากจับมือกับฉันเรื่อยไปรึเปล่า หนุ่ม กะลาได้ทำให้เราสัมผัสเขาในฐานะศิลปินที่ไม่ได้ถนัดแค่แนวร็อคและป็อป แต่ได้รู้จักเขาในฐานะเอนเตอร์เทนเนอร์ที่เข้ากับทุกความต้องการของผู้ฟัง รวมถึงใส่ใจและมีความจริงใจกับทุกคนและมีแนวคิดกับการเผชิญหน้าอุปสรรคที่เขาเล่าให้ทุกคนฟังได้อย่างดี จนเรามองว่าวันนี้หนุ่มได้สอบผ่านในการเป็นร็อคสตาร์และป็อปไอดอลและเข้าใกล้ความเป็นขวัญใจมหาชนได้สุดๆ ในฐานะศิลปินที่มีคนรักมากขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่สิ้นสุดง่ายๆ
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ