คำว่า LOVE กับ LIKE ในเพลงของ IVE และ TWICE โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
ไม่เกินเลยนักที่จะกล่าวว่า ณ ตอนนี้ IVE คือเกิร์ลกรุ๊ปตำแหน่งเบอร์หนึ่งเจนสี่ "After LIKE" ซิงเกิลอัลบั้มชุดที่สามของพวกเธอทำยอดขายทะลุหนึ่งล้านแผ่น ตัวเพลงชนะถ้วยรางวัลจากรายการเพลงไปถึง 9 ครั้ง แถมยังเป็นเพลงที่ทำ Perfect All Kill (PAK: ขึ้นชาร์จอันดับหนึ่งทุกสำนักและทุกประเภทในเวลาเดียวกัน) เป็นเพลงที่ 4 ของปี 2022 ถัดจาก "INVU" (แทยอน), "TOMBOY" ((G)I-DLE) และ "Still Life" (BIGBANG)
ปัจจัยความสำเร็จของ IVE คืออะไร? ผู้เขียนคิดว่าหลักๆ คงเป็นทำนองเพลงที่ติดหูแบบฟังครั้งแรก็จำได้ ทว่าแนวเพลงก็ไม่ใช่เคป็อปที่ซ้ำซากจำเจ อย่าง "ELEVEN" ที่มีกลิ่นอายดนตรีตะวันออก, "LOVE DIVE" เพลงอิเล็กทรอป๊อปที่มีทั้งท่อนที่หนักหน่วงและสดใส ส่วน "After LIKE" คือเพลงดิสโก้ที่มีไม้ตายคือการแซมเปิ้ลเพลง I Will Survive ของกลอเรีย เกย์เนอร์ จากที่เคยเป็นที่จดจำในฐานะเพลงดิสโก้แห่งยุค 70 หรือเพลงชาติของชาว LGTBQ+ เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะจำ I Will Survive ได้ในทำนองว่า “อ๋อ ที่อยู่ในเพลง After LIKE ของวง IVE ไง” นอกจากนี้ยังทำให้เห็นว่าค่าย Starship ยอมลงทุนกับ IVE แบบไม่อั้น เพราะค่าลิขสิทธิ์น่าจะแพงโขอยู่
เอาเข้าจริงแล้วผู้เขียนอาจไม่ได้ตื่นเต้นกับการแซมเปิ้ล "I Will Survive" นัก เพราะเพลงนี้ถูกคัฟเวอร์หรือรีมิกซ์จนช้ำไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบใน "After LIKE" คือเนื้อหา เพลงของ IVE ยังคงคอนเซ็ปต์พูดเรื่อง ‘ความรัก’ ในแง่มุมต่างๆ "ELEVEN" ว่าด้วยความรักที่ทำให้หัวใจมีสีสัน, "LOVE DIVE" คือการกระโจนเข้าหาความรัก ส่วน "After LIKE" คือการตั้งคำถามว่าความรู้สึกหลังจาก ‘ชอบ’ (like) ที่มันจะเรียกว่าอะไร จะพัฒนาเป็นอะไรได้นะ ซึ่งเขาก็ใบ้แหละว่ามันคือ "รัก" (love) แต่ความฉลาดของเนื้อเพลงคือการแทบไม่ร้องคำว่า LOVE ออกมาตรงๆ แต่เล่นกับอักษร 4 ตัว L-O-V-E แทน อันนี้โดนใจผู้เขียนมาก เพราะส่วนตัวคิดว่าความรู้สึกชอบนี่มันเข้าใจง่าย แต่ความรักบางทีมันก็ลึกซึ้งจนยากจะอธิบาย (ขอส่วนตัวนิดนึง แหะๆ)
ส่วนมิวสิกวิดีโอ "After LIKE" ก็มีอะไรให้ขบคิดอยู่มาก อย่างที่เราสังเกตว่าเมมเบอร์แต่ละคนจะมีคอสตูมเป็นสีของตัวเอง ชาแนล Doyouram ได้วิเคราะห์ไว้อย่างยอดเยี่ยมว่าสีของสมาชิก 6 คนมาจากสีของระบบแบบ RGB (Red, Green, Blue) และ CMYK (Cyan, Magenta, Yellow) ซึ่งการรวมสีของ RGB และ CMYK จะได้ออกมาเป็นสีขาวและดำตามลำดับ นั่นเป็นสาเหตุที่ในเอ็มวีมีทั้งช่วงที่ทุกคนใส่ชุดสีขาวและดำ
อีกความประหลาดในเอ็มวี "After LIKE" คือการที่เราเห็นกล้องถ่ายทำในหลายช็อต ซึ่งชาแนล Jordan Orme วิเคราะห์ว่าลักษณะ making of แบบนี้สื่อถึงความกึ่งกลางระหว่างความรู้สึก Like กับ Love แต่บางคอมเมนต์คิดว่ามันคือการเล่าถึงการถ่ายทำ-การประกอบสร้างของความรู้สึก Like ที่เสร็จสมบูรณ์เป็น Love ในที่สุด นำไปสู่ฉากจุดพลุฉลองอันยิ่งใหญ่ในตอนจบเอ็มวี
ซิงเกิลของ TWICE อย่างเพลง "Talk that Talk" เป็นเพลงที่ออกมาหลังจากเมมเบอร์ทั้ง 9 คนตัดสินใจต่อสัญญากับค่าย JYP ต้องบอกตามตรงว่าผู้เขียนรู้สึกอุเบกขากับเพลงของ TWICE มาพักใหญ่ แต่ Talk that Talk คือเพลงที่น่าประทับใจมากทีเดียว ทั้งทำนองน่ารักติดหูด้วยจังหวะแบบเรโทรป็อปที่ชวนให้นึกถึงยุค 2000 และเนื้อหาของเพลงซึ่งไม่ใช่เพลงรักๆ ใคร่ๆ แบบผิวเผิน
Talk that Talk เป็นอีกเพลงที่เล่นกับคำว่า LOVE ท่อนฮุคร้องประมาณว่า “เธอพูดออกมาได้ทุกอย่างแหละ ตั้งแต่ A ถึง Z แต่ที่ฉันอยากฟังมากที่สุดคือคำที่ขึ้นต้นด้วย L ก็คำว่า LOVE นั่นไง” ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีเอ็มวีนี้จะมีชุดตัวเลขมากมายซ่อนอยู่ ซึ่งมันคือวันสำคัญต่างๆ ของวง TWICE ไม่ว่าจะวันเดบิวต์, วันประกาศชื่อแฟนคลับ, วันชนะถ้วยรางวัลครั้งแรก (ลองดูคลิปของ Jordan Orme ได้ เขาแกะรหัสไว้อย่างละเอียด)
เช่นนั้นแล้วเอ็มวีเพลงนี้จึงพูดถึงความสัมพันธ์ของวง TWICE กับแฟนคลับ (ONCE) โดยจงยอนให้สัมภาษณ์ว่าเนื้อหาของ "Talk that Talk" ว่าด้วยภารกิจของวง TWICE ที่ต้องทำให้ ONCE บอกรักพวกเธอให้ได้ หรืออย่างอีพีชุดใหม่ที่ชื่อ Between 1&2 ก็เขียนแบบเก๋ๆ ว่า BETW9EN 1&2 ซึ่ง 9 = เมมเบอร์ทั้ง 9 คน, 1 = ONCE (แฟนคลับ) และ 2 = วง TWICE นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ถึงจะถอดความหมายของตัวเลขเหล่านี้ไม่ออก ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่ประการใด เพราะอย่างน้อยที่สุดเพลงนี้ก็ทำให้ผู้เขียนกลับไปตกหลุมรัก TWICE ได้อีกครั้ง
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ