รีวิวคอนเสิร์ต The Script เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่เท่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมเพลงส่งพลังบวกให้ชีวิต

คอนเสิร์ต THE SCRIPT GREATEST HITS TOUR 2022 โดย Live Nation Tero รวมเพลงฮิตสมฐานะ แฟนๆ ชาว The Script Family ทุกคนฟินกันไปตามๆ กัน เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปช่วงที่ตกหลุมรักกับทุกเนื้อเพลงทุกตัวโน้ตของพวกเขา รอบหน้าพวกเขาจะกลับมาพวกเราอีกแน่นอน

ค่ำคืนฝนฉ่ำๆ ของวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานีที่เดิม เป็นวันที่ The Script Family หรือแฟนๆ ชาว The Script ได้มารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากที่เขาเคยมาเมืองไทยเมื่อปี 2018 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นานพอตัวเพราะโควิด-19 แต่รอบนี้ The Script กลับมาหาพวกเราด้วยทัวร์คอนเสิรต์แบบ Greatest Hits นั่นหมายถึงโชว์ที่จะเต็มไปด้วยเพลงฮิตที่ทุกคนต้องกรี๊ดออกมาดังๆ ตั้งแต่อินโทรขึ้น และร้องตามกันได้แทบทุกคำ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

20.35 น. สมาชิก The Script ขึ้นเวทีที่ตกแต่งเป็นฉากกั้นเปลี่ยนรูปจาก LED ได้ จัดวางสำหรับตำแหน่งของนักดนตรีแต่ละคนอย่างสวยงาม แดนนี่นักร้องนำส่งพลังบวกให้กับทุกที่นั่งพร้อมเอฟเฟกต์เวที confetti เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ตั้งแต่เพลงแรก “Superheroes” ต่อด้วย “Rain” ที่เข้ากับบรรยากาศฝนตกนอกฮอลล์ขณะนั้นพอดี และพาทุกคนไปย้อนไปถึงเพลงแรกที่ทำให้ The Script ได้แนะนำตัวเป็นศิลปินอย่างเป็นทางการกับ “We Cry” ถึงตอนนี้ความทรงจำที่เราเคยหยิบแผ่นซีดี The Script มานั่งเปิดฟังพร้อมกับเปิดดู booklet ทีละแผ่นที่บ้านเก่าย้อนกลับมาเหมือนภาพ flashback อย่างไรอย่างนั้น

แดนนี่ Danny O'Donoghue นักร้องนำบอกว่าคิดถึงเมืองไทยมาก ไม่ได้มานาน และมีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับที่นี่มากมาย รวมถึงการเมาหัวราน้ำ 5 วันติด และเมื่อเอาคนไอริช (ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็น party animal) มาอยู่ที่กรุงเทพ (ดินแดนของนักปาร์ตี้ตัวยงเช่นกัน) ก็เลยออกมาบ้าระห่ำอย่างที่เห็น ก่อนเขาจะชวนแฟนๆ ลุกขึ้นเต้นกับเพลงที่ผสมผสานกลิ่นอายของเครื่องดนตรีไอริชอย่าง “Paint The Town Green” ที่แฟนๆ บางส่วนทำโปรเจกต์เปิดหน้าจอมือถือเป็นสีเขียวระหว่างเพลงนี้ด้วย

หลังจากชวนแฟนๆ กลับเข้าสู่ห้วงแห่งภวังค์กับเพลงเพราะๆ แต่เครื่องดนตรีส่งพลังเต็มๆ กับ “The Man Who Can’t Be Moved” เพลงดังที่ร้องตามกันได้ทั่วโลก, “Before the Worst” และ “Dare You To Doubt Me” เพลงใหม่ล่าสุดที่พวกเขาเพิ่งแต่งและปล่อยระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว หนุ่มๆ The Script ทำเซอร์ไพรส์โดยการขอมาเล่นดนตรีที่ข้างๆ ที่นั่งคนดูด้านซ้ายเวที ใกล้ชิดระยะเอื้อมมือถึง และเล่นเพลง “If You Could See Me Now” แบบอะคูสติกให้ฟัง จากนั้นเขาก็บอกว่า ใครอยากจะโทรหาแฟนเก่าตอนนี้โทรได้เลยนะ เดี๋ยวเล่นเพลง “Nothing” สดๆ ให้เขาฟัง ก็มีแฟนเพลงโทรหาแฟนของตัวเองจริงๆ แดนนี่รับสายเองและบอกให้อีกฝั่งฟังเพลง และอย่าเพิ่งวางสาย และเริ่มร้องเพลง “Nothing” ให้ฟังจริงๆ ก่อนจะชวนทุกคนในฮอลล์อำลาคนในสายด้วยคำว่า “Goodbye assh**e” เรียกได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์ก้อนโตที่แม้จะโดนต่อว่าแต่ก็แอบอิจฉาคนที่อยู่ในสายจริงๆ

จากนั้นขบวน The Script ก็ย้ายมาเล่นที่เวทีเดิม ด้วยเพลง “Something Unreal”, “Arms Open” ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้ายโชว์กับเพลงฮิตที่ทุกคนร้องตามกันได้ทุกคำอย่าง “Talk You Down” และ “For The First Time” และปล่อยให้อังกอร์ด้วยท่อนสุดท้ายของเพลงอย่าง “Oh, these times are hard. Yeah, they're making us crazy. Don't give up on me, baby” และกลับมาปิดโชว์อย่างงดงามและตราตรึงที่สุดกับ “No Good In Goodbye”, “Breakeven” และ “Hall of Fame” ที่ส่งพลังนักสู้ให้กับทุกคนในฮอลล์อย่างทั่วถึง พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องรอนานถึง 4 ปีอีกแน่นอน

ความเก๋า ความเอนเตอร์เทนเก่งในตัวแดนนี่ นักร้องนำ The Script ยังมีอยู่ครบ พลังเสียงยังเหลือเฟือ แม้ว่าบางจังหวะจะมีอาการเหนื่อยให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำลายบรรยากาศหรืออารมณ์ของเพลงแต่อย่างใด แสงสีเสียงเต็มที่และสวยงามเช่นเคย เสียดายก็แค่เวลา 1.30 กว่าๆ ไม่สามารถอัดทุกเพลงฮิตที่เราอยากฟังให้สมกับความเป็นคอนเสิร์ต Greatest Hits ได้จริงๆ ถ้าโชว์นานกว่านี้อีกสักหน่อย เราอาจจะได้ฟัง “Six Degree of Seperation”, “Man on a Wire”, “The Last Time” และอื่นๆ อีกก็ได้

หวังว่าครั้งหน้าที่จะได้เจอ The Script จะไม่ใช่อีก 4 ปีข้างหน้าอย่างแดนนี่บอกจริงๆ