Gene Lab Con สเตจห้องทดลองครบรส กับ 5 “ความต่าง” ที่ทำให้เราอยากชมงานนี้ทุกปี
เป็นเวลา 4 ปีเต็มที่ค่ายเพลง Gene Lab ภายใต้การดูแลของ โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail ได้เปลี่ยนจากค่ายเพลงใหม่สู่ค่ายเพลงที่มีศิลปินขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง Three Man Down, Tilly Birds และ Taitosmith ไปจนถึง Cocktail เอง ซึ่งการก้าวเดินของค่ายภายใต้ความตั้งใจในการหาศิลปินที่ “แตกต่าง” และสามารถร่วมงานกันได้ ได้ทำให้ตอนนี้ Gene Lab เต็มไปด้วยศิลปินที่ลายเซ็นชัดเจนถึง 14 เบอร์แล้ว
และการที่ทางค่ายมีศิลปินมากขนาดนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่ 14 ศิลปินอย่าง Cocktail, Three Man Down, Tilly Birds, Taitosmith, The Darkest Romance, 20Hz, Asia7, Commander, Gaikai, Hye, Only Monday, Pang Pattanan, Tiger Killer, Tryst ได้ขึ้นแสดงด้วยกันในงาน Gene Lab Con ที่เป็นครั้งแรกที่ค่ายได้มากับคอนเสิร์ตภายใต้การดูแลจาก GMM Show และ GFEST แบบเต็มตัว จากที่เคยจัดในรูปแบบโชว์เคสออนไลน์ หรือคอนเสิร์ตฟรีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งนี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราเห็นได้ชัดเรื่องการเติบโตของค่าย เพราะการจัดคอนเสิร์ตที่มีการขายบัตรนั้นต้องมีการวางแผนและคำนวนความเป็นไปได้หลายอย่างที่ซับซ้อนกว่างานโชว์เคสที่เปิดให้ใครก็ชมได้
สำหรับเรางาน Gene Lab Con เป็นงานเทศกาลดนตรี 6 ชั่วโมงที่ทั้งเต็มอิ่ม และในขณะเดียวกันก็มากับความแตกต่างที่ชัดเจน จนเรามองว่างานนี้ควรกลายเป็นวาระที่ต้องมีทุกปี แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้น เรามาย้อนความทรงจำเรื่องราวในงานกันเลย
การเปิดตัวสิ่งใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความฟีลกู้ด
แทนที่จะเริ่มงานด้วยวงเปิดหรือเพลงเปิด แต่งานครั้งนี้ได้เปิดโดย โอม Cocktail ที่ออกมาพูดถึงการเดินทางของค่ายและเรื่องน่าตื่นเต้น ทั้งอัลบั้มใหม่ของ ASIA7, The Darkest Romance, Three Man Down ไปจนถึงการประกาศข่าวการเซ็นสัญญา Hard Boy วงแกลมร็อคลุคเอกลักษณ์เข้าสังกัด และโอมก็มีวิธีการเล่าที่สนุกสนานแถมแอบแซวแฟนๆ ที่ดูไม่ค่อยหัวเราะเรื่อยๆ
และนอกจากการแถลงข่าวแล้ว งานครั้งนี้ยังเป็นวันพิเศษที่วงอย่าง Three Man Down นำเพลง “ปล่อยให้เวลา” มาเล่นครั้งแรก และเราก็ได้เห็นพวกเขาสปอยล์คอนเสิร์ตปีหน้าและอัลบั้ม รวมถึง Tilly Birds ที่แอบพูดถึงเพลงใหม่ ไปจนถึงผลงานในอนาคตของ HYE ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้มวลรวมงานเต็มไปด้วยความฟีลกู้ด
เวทีใหญ่ที่ทดสอบศิลปินใหม่ในสภาวะที่พวกเขาหรือเธอยากจะลืม
ความแตกต่างของ Gene Lab Con กับหลายๆ คอนรวมของหลายค่าย คืองานครั้งนี้ได้พาหลายๆ วงที่แตกต่าง แต่อาจจะยังไม่มีโอกาสได้เล่นคอนเสิร์ตหรือเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ เนื่องจากจำนวนผลงาน มาโชว์แบบสดๆ บนเวที ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีให้ศิลปินเหล่านี้ได้เติบโตและค้นหาตัวเอง อย่างเช่น Gaikai วงดนตรีหญิงล้วนที่มีเพลงเดียวอย่าง “คนที่ยืนข้างเธอ” มาขึ้นเวที แต่แม้พวกเธอจะใหม่มากจนเราแอบสัมผัสได้ว่าพวกเธอน่าจะมีประสบการณ์บนเวทีน้อยกว่าวอื่นๆ แต่เรายังได้เห็นการคัฟเวอร์เพลง “อยากร้องดังดัง” ที่เราแอบสังเกตว่าวงมีลายเซ็นดนตรีน่าสนใจจนน่าจะเป็นอีกวงที่ต่อยอดได้ไกล หรือ แพง พัทธนันท์ ที่มากับเพลง “สมมุติว่า (What If…?)” และ “ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ (Y?U)” ที่ทำให้เราสะดุดตากับเสน่ห์และเคลิ้มกับเสียงที่ใสของแพง
ส่วนทางฝั่งศิลปินชายอย่าง 20Hz ก็มากับเพลง “สายฟ้าฟาด” และ “เต้นทิ้งไป” ที่ทำให้เราเห็นว่าภายใต้หน้านิ่งๆ ของพวกเขา นี่คืออีกวงที่พลังเยอะ มีกรูฟสะดุดหู และสามารถเดือดได้เวลาถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการร้องและแร็ป และทางด้านของศิลปิน Non-Binary อย่าง Tiger Killer ก็ทำให้เราว้าวกับการแสดงเพลง “Don’t Tryna Hide” กับ “เข้าฝัน” ที่มีทั้งอินเนอร์กับพลังเสียงที่เรามองว่าเด่นกว่าใน Official Audio ชัดเจนตามแบบฉบับศิลปินสายเพอร์ฟอร์ม และยังเป็นคนที่มีมูฟเมนต์และเสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาให้เรามองตามตอนอยู่บนสเตจ ซึ่งความเก่งของ 4 ศิลปินนี้เป็นที่ประจักษ์ก็เพราะการทดลองของงาน Gene Lab Con ที่พาทั้ง 4 มาเจอสถานการณ์การแสดงสดที่ท้าทายความสามารถ และเราก็เชื่อว่างานครั้งนี้น่าจะเติมไฟรวมถึงเป็นโอกาสให้กับทุกศิลปินที่กล่าวมาได้พบกับแฟนๆ ที่เปิดใจให้ผลงานที่ทำออกมา และเราหวังโมเมนต์ในคอนจะเติมไฟให้ศิลปินเหล่านี้กลับมาพร้อมผลงานใหม่ๆ และการแสดงที่มีมิติมากขึ้นในอนาคต
งานป็อปโดดเด่น แต่งานร็อคก็ไม่ขาด
หลังจากที่ HYE (ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ) มากับเพลง “เพื่อนสัมพันธ์” และเพลงฮิตอีกมากอย่าง “ด้วยรักและ F*CK YOU”, “ระยะเพื่อน” และ “ติดอยู่ที่เดิม” พร้อมการแสดงสดที่พัฒนาชัดเจนทั้งการเอนเตอร์เทนและการถ่ายทอดเพลงแล้ว แฟนๆ ยังได้ชมการแสดงของวงร็อคแบบจัดเต็ม เริ่มจาก TRYST ที่มากับเพลง “ALIVE” กับ “ปล่อยให้รักตาย” ที่มีการร้องของ อาร์ท-ทวีทรัพย์ อาจอำนวย ที่พลังโหดกับว้ากรัวๆ แต่ก็กินใจทุกคนตอนร้องเพลง “หากฉันรู้มาก่อน” กับ โมส-ตฤณสิษฐ์ สิริพิชญาศานต์ สมาชิก Taitosmith จนเรามองว่าพวกเขาน่าจะเป็นอีกวงที่แมสทั้งจากความเดือดแต่ก็สามารถจับใจคนด้วยเพลงแบบกินใจคล้ายกับวงรุ่นพี่
ก่อนตามด้วย The Darkest Romance ที่นำทีมโดย แม็ก-ธิติวัฒน์ รองทอง ศิลปิน นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ที่ทำได้หลายอย่างทั้งแสดง ไปจนถึงการเป็น Music Director คอนเสิร์ต จนเรามองว่าเขาคือยอดฝีมือที่วงการเพลงขาดไม่ได้ ซึ่งงานครั้งนี้แม็กได้เผยการถ่ายทอดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์แต่ทัชใจคนฟังอย่าง “เท่านี้”, “เคย” ที่ ออย-อมรภัทร เสริมทรัพย์ จาก ASIA7 มาแจม โดยแม็กได้เป็นทั้งพี่ชายที่ให้กำลังใจทุกคนและพาเรานั่งรถไฟเหาะทางอารมณ์ไปกับเสียงของเขาและเพลง ในขณะที่สมาชิกของวงก็มาเซอร์ไพรส์กลางฮออล์ช่วงเพลง “ความเยาว์” ที่ทัชใจหลายๆ คนที่กำลังเติบโตและพบความเจ็บปวดใหม่ๆ ซึ่งการแสดงของ The Darkest Romance ก็เผยให้เราเห็นความเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ของ แม็ก The Darkest Romance ที่ลงทุนหยุดการแสดงเพลง “เท่านี้” เมื่อสังเกตเห็นความผิดพลาดเล็กน้อยและขอเล่นใหม่แต่ต้นเพื่อคนดูโดยเฉพาะ (ถึงแม้ว่าเขาจะบอกให้เราลืมพาร์ทที่พลาด แต่เรากลับมองว่าความจริงใจเขามันได้ใจเราจริงๆ)
และถ้าใครคิดว่านั่นจบแล้ว ความร็อคก็ยังมีต่อกับวงดนตรีอย่าง COMMANDER ที่มากับเพลง “ภักดีกว่า”, “ย้อนเวลา” และ “กอดสุดท้าย” จนเรามองว่าแม้พวกเขาจะเป็นศิลปิน Gene Lab รุ่นแรก แต่พลังพวกเขาไม่ตกเลยทั้งซาวด์และการร้องจนเราแอบลุ้นให้พวกเขามีผลงานมากๆ ขึ้นต่อไป ส่วน Tilly Birds อีกวงดนตรีแถวหน้าในเวลานี้ ก็สาดเต็มการแสดงที่ไปไกลกว่า Official Audio ในเพลง “เบื่อคนขี้เบื่อ”, “ฤดูหนาว” , “จากกันด้วยดี”, เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน”, “ขอให้เธอโชคดี” และเพลงสุดฮิตแบบ “ถ้าเราเจอกันอีก” และ “คิด(แต่ไม่)ถึง” ซึ่งทุกเพลงที่พวกเขาเล่นนั้นก็ยังคงมาตรฐานที่ค่อนข้างสูงไว้ไม่ต่างจากงานก่อนหน้า แม้งานนี้ชุดที่วงเตรียมแอบเป็นอุปสรรคเล็กๆ ของโชว์พวกเขา และช่วงเพลง “ฤดูหนาว” ไมโลเหมือนเจออุปสรรคตอนแสดงเล็กๆ น้อยๆ
แต่ก่อนที่ความร็อคจะจบ Only Monday วงร็อค 3 ชิ้นที่ซาวด์แน่นสุดๆ ก็มาโลดแล่นกับเพลง “ไม่ต้องมา”, “สองมาตรฐาน”, “ทิ้งไป”, “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” และ “ได้แต่นึกถึง” ซึ่งงานนี้พวกเขาได้อัปความเกรี๊ยวกราดเสริมไปกับความแน่นทางดนตรี โดย ธีร์-ทีปกร คำสุรีย์ นักร้องนำได้เผยพลังเสียงและลูกอิมโพรไวส์หลายๆ ซาวด์ที่เราไม่ได้ฟังในคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มพวกเขา รวมถึงโซโล่กีตาร์จี๊ดๆ ที่เขานำมาโชว์ เรียกได้ว่าพอได้ผ่านเวทีมากขึ้น พวกเขายิ่งจัดจ้านมากขึ้น
การแจมและฟีทเจอริ่งที่เกิดขึ้นได้ที่นี่ที่เดียว
ด้วยความที่หลายๆ เพลงของศิลปิน Gene Lab มีแขกรับเชิญ ทำให้งานครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้ฟังเพลงเหล่านั้นจากต้นฉบับ และมีเพื่อนในค่ายมาร่วมแจมแบบเฉพาะกิจ ซึ่งศิลปินที่เลือกนำเพลงแนวนี้มาใช้เยอะสุดก็คือ Taitosmith ที่นำเพลงที่หลายคนอาจยังไม่ได้ฟังอย่าง “ไอ้สอง”, “เป็นตะลิโตน” มารวมกับเพลงที่หลายคนคุ้นหูอย่าง “เพื่อชีวิตกู”, “โคโยตี้”, “นักเลงเก่า” กับ “แดงกับเขียว” ที่พลังเยอะจนพื้นคอนเสิร์ตงานสะเทือนเพราะทุกคนกระโดดกันยับ ขณะที่เอฟเฟกต์ควันและกราฟฟิคก็เดือดเร้าอารมณ์ไม่หยุด ซึ่ง Taitosmith ได้ชวน Tiger Killer มาปล่อยของในเพลง “ไอ้สอง” และสมาชิก ASIA7 มาแจมในเพลง “เป็นตะลิโตน” เรียกได้ว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ทำให้เพื่อนในค่ายได้ปล่อยของมากกว่าเพลงที่พวกเขาโชว์
ส่วนทางด้านของ ASIA7 ที่นอกจากจะส่งตัวแทนไปร่วมแจมกับ The Darkest Romance และ Taitosmith จนเกิดเคมีใหม่ๆ แล้ว พวกเขาก็มากับเพลง “กล่อม”, “ถ้าเธอคิดถึงใคร”, “ลืม” และ “จำขึ้นใจ” และการแสดงสดที่โดดเด่นเกิน Official Audio เพราะนอกจากทุกคนในวงจะทำหน้าที่ตัวเองได้ดีในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดึงดูดหูเราในพาร์ทดนตรีพร้อมแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยอินเนอร์ขณะเล่นเครื่องดนตรี ตัวเครื่องดนตรีพื้นบ้านของพวกเขาก็มีมิติซาวด์ดนตรีที่โดดเด่นตอนแสดงสดและบางฟีลก็หาไม่ได้จากคลิป Official Audio ด้วย จนเราขอเชียร์ให้แฟนๆ หาโอกาสไปดูโชว์สดๆ พวกเขาจริงๆ ในอนาคต และหวังให้พวกเขาและเธอเป็นตัวแทนประเทศไทยในงานสำคัญเพื่อให้หลายคนสัมผัสดนตรีพื้นบ้านที่ผสานป็อปคัลเจอร์ได้ลงตัวของ ASIA7
เมื่อวงที่มีเพลงฮิตมากมาย ขอสลับมาโชว์เพลงหน้า B
ปกติแล้วเวลาขึ้นงานเฟสติวัล หลายวงดนตรีจะเลือกมากับเพลงที่หลายคนรู้จัก แต่นั่นไม่ใช่กับงาน Gene Lab Con โดยนอกจาก Taitosmith จะนำเพลงในอัลบั้ม 2 ที่เพิ่งปล่อยเอ็มวีมาเล่นเยอะแล้ว เรายังได้เห็น Three Man Down เอาเพลงอย่าง “รถฉันบินไม่ได้”, “ผ่านตา”, “Friend Zone”, “Timezone” รวมถึงอะคูสติกโชว์จากเพลง “ไม่เคยมีดาวในเมืองใหญ่” ก่อนจะเซอร์ไพรส์ด้วยเพลง “ความคิดถึงที่ฉันได้เคยส่งไปในคืนที่ฝนโปรยลงมา” ที่เราแอบเลิกล้มความตั้งใจที่จะได้ฟังเพลงนี้สดๆ ไปแล้ว แต่งานนี้ยังได้ฟัง ซึ่งการที่เราได้ฟังเพลงเหล่านี้ เราก็แอบหวังว่าทางค่ายคงไม่ลงโทษวงที่เล่นเกินเวลา ตามที่ กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ นักร้องนำ พูดไว้ก่อนแสดง
ส่วนทางด้านวงปิดอย่าง Cocktail ก็เป็นอีกวงที่แสดงได้ดีและมีเพลงจากหลากหลายอัลบั้มมาโชว์ ไม่ว่าจะเพลง “เรื่องธรรมดา”, “ดึงดัน”, “เธอทำให้ฉันเสียใจ”, “ช่างมัน” ที่เรารู้จักกันดี และยังเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยเพลง “ทำดีไม่เคยจำ” ที่เรามองว่าเป็นอีกเพลงที่ทางวงแทบไม่ได้เอามาเล่น ก่อนจะพาเข้าสู่ช่วงปิดงานด้วยเพลง “คุกเข่า” โดยการแสดงของวงไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ แม้ว่าเราจะเพิ่งมานึกได้ตอนจบว่า นี่อาจจะเป็นการแสดงแรกๆ ของวง Cocktail ที่เราดูแล้วไม่มีเพลง “เธอ” ในเซ็ทลิสต์
สำหรับเราแล้ว Gene Lab Con ถือเป็นคอนเสิร์ตที่อัดแน่นความพิเศษหลากหลายแง่มุมทั้งความหลากหลายทางดนตรีและโชว์ ความคาดไม่ถึงในเซ็ทลิสต์ และการได้อัปเดตตัวเองให้รู้จักว่าที่ดาวดวงใหม่ของวงการ จนเราอยากให้งานนี้เป็นธรรมเนียมที่ Gene Lab ทำทุกปี และเราหวังว่างานนี้จะได้รับการต่อยอดเพราะเราเชื่อว่าการมีเวทีปล่อยของดีๆ จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ Gene Lab เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างความแตกต่างให้กับวงการ
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ