The Gentlemen Live 2 ค่ำคืนของสุภาพบุรุษและสตรีที่พิสูจน์ว่าดนตรีร็อคนั้นไร้พรมแดน | Sanook Music

The Gentlemen Live 2 ค่ำคืนของสุภาพบุรุษและสตรีที่พิสูจน์ว่าดนตรีร็อคนั้นไร้พรมแดน

The Gentlemen Live 2 ค่ำคืนของสุภาพบุรุษและสตรีที่พิสูจน์ว่าดนตรีร็อคนั้นไร้พรมแดน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่ามกลางความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับวงการเพลงไทยช่วงโควิด-19 หนึ่งในนั้นคืองาน ไทยประกันชีวิต Presents The Gentlemen Live ที่เราได้เห็นวงดนตรีอย่าง Clash, Bodyslam และ Potato มาใส่สูทร้องเพลงบนเวทีท่ามกลางคนดูที่เว้นระยะ ซึ่งหลังจากงานนั้นที่บัตรขายหมดเกลี้ยง ก็ได้ถือกำเนิดงาน The Gentlemen Live 2 ตอน Ladies and Gentlemen ขึ้นมาภายใต้การดูแลของ GMM Show และครีเอทีฟทีม “GAYRAY” 

โดยการกลับมาครั้งนี้ทั้ง 3 วงได้มาเจอกับ วี-วิโอเลต วอเทียร์, BOWKYLION (โบกี้ไลอ้อน) หรือ โบกี้-พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ และสาวๆ วง 4EVE อย่าง มายด์-อาทิตยา ตรีบุดารักษ์, อ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ, แฮนน่า โรสเซ็นบรูม, ตาออม-เบญญาภา อุ่นจิตร, ฝ้าย-ณัฐธยาน์ บุตรธุระ, โจริญ คัมภีรพันธุ และ พั้นช์-ทิพานัน นิลสยาม ที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮา แต่ก็ทำให้เราสงสัยว่าการแสดงจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะศิลปินที่เป็นแขกรับเชิญกับศิลปินหลักนั้นมีความแตกต่างกันมากทั้งแนว แถมโด่งดังต่างยุคกันมาก 

 

ในวันที่ 8 ตุลาคมช่วงเวลา 1 ทุ่ม การแสดงได้เริ่มต้นเมื่อ แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์ นักร้องนำวง Clash ได้ปรากฎตัวกลางเวทีพร้อมเพลง “กอด” ก่อนตามด้วย ปั๊บ-พัฒนชัย ภักดีสุข นักร้องนำวง Potato มากับเพลง “รักเธอไปทุกวัน” และ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง Bodyslam ก็มากับเพลง “คนที่ถูกรัก” ที่เป็นการจุดระเบิดความเดือด

หลังจากนั้นเราได้เห็นตูนและสมาชิกอย่าง ยอด-ธนชัย ตันตระกูล (กีตาร์), ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก (เบส), โอม เปล่งขำ (คีย์บอร์ด)  และ ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด (กลอง) มาฟาดความเดือดในเพลง “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” และ “แสงสุดท้าย” ที่มาตั้งแต่เริ่มคอนเสิร์ต และตามด้วยเพลง “ยาพิษ” และถึงโชว์ 2 เพลงพิเศษอย่าง “แค่หลับตา” ที่วี วิโอเลต มาร่วมร้องโดยวีเผยว่านี่เป็นเพลงที่เธอร้องในห้องซ้อม และไม่คิดว่าจะได้ร้องกับต้นฉบับ และหลังพูดคุยวีและตูนก็ร่วมร้องเพลง “I'd Do It Again” ที่ตูนชอบเป็นพิเศษ ก่อนจะคว้าเพลง “ถ้าเราเจอกันอีก” ของ Tilly Birds มาร้องโชว์ด้วยกันจนเราแปลกใจ และชื่นชมความกล้าที่นำเพลงนี้มาโชว์ เพราะสำหรับเราเพลงนี้ต้นฉบับมีการร้องที่แตกต่างจากสไตล์ของวีและตูน โดยเฉพาะในท่อนเวิร์สก่อนฮุคที่ตูนต้องร้องคีย์ต่ำกว่าปกติจนเราแอบลุ้นตาม แต่พอท่อนสูงเราว่ามันออกมาโอเคมากๆ 

หลังจากนั้นก็เป็นคิวของแบงค์ Clash ที่ร่วมแสดงกับ Bowkylion ที่มากับการผสมผสานระหว่างเพลง “ละครรักแท้” ที่โบกี้เริ่มร้องก่อน และมีแบงค์มาร้องเพลง “ลงใจ” ตาม ก่อนที่ทั้งสองจะมากับเพลง “ขอเจ็บแทน” ที่ทั้งสองถ่ายทอดความใกล้ชิดจนเราแปลกใจกับเคมีของทั้งสอง ในขณะที่หลายคนกรี๊ดกันสุดๆ และหลังจากนั้นก็เป็นการแสดงของปั๊ปและสมาชิกวง 4EVE ร่วมกับวง Potato อย่าง หั่ง-ทีฆทัศน์ ทวิอารยกุล (กีตาร์), กานต์ อ่ำสุพรรณ (กลอง), อั้ม-เกียรติยศ มาลาทอง (คีย์บอร์ด) และ โอม-ปิยวัฒน์ อนุกูร (เบส) ในเพลง “วัดป่ะหล่ะ” ที่กลายร่างเป็นเพลงร็อค จนเราแปลกใจว่าการปรับคราวนี้มันลงตัวกว่าที่เราคิดไว้ แม้การแสดงนี้จะไม่ง่ายเพราะนอกจากความร็อคที่เพิ่มมาแล้ว เสียงของปั๊บก็มีความแตกต่างจากเมมเบอร์ 4EVE แถมตัวเพลง "วัดป่ะหล่ะ" ก็มีโครงสร้างที่ต่างจากเพลงร็อคและเพลงไอดอลฝั่งญี่ปุ่นที่มีโครงสร้างคล้ายเพลงร็อค และตัววง 4EVE เองก็ขาดตาออม ที่ไม่สามารถขึ้นโชว์เพราะอาการป่วยโควิด-19 แต่โชว์ดังกล่าวก็ผ่านไปได้ ก่อนที่จะทั้ง Potato และ 4EVE จะร้องเพลง “เพียงพอ” ที่คราวนี้ทุกอย่างลงตัวชัดเจนกว่าเพลงแรก โดยเราได้เห็นสาวๆ เข้าไปเติมสีสันให้เพลงทั้งท่อนร้องและการแร็ปที่ฝ้าย, โจริญ และ พั้นช์ โชว์แบบรัวๆ  ส่วนอ๊ะอาย กับ แฮนน่า ก็เป็นสายร้องที่เติมความสดใสแต่มีพลังให้กับโชว์ และมายด์พี่สาวของวงก็โชว์ให้เราเห็นว่านอกจากลุคโดดเด่นแล้วเธอเป็นอีกคนที่เนื้อเสียงแน่นและร้องเพลงได้น่าจับตา 

พอโชว์เพลงคู่จบก็ถึงการแสดงเพลง “ไม่รู้จักฉัน…ไม่รู้จักเธอ” ที่เป็นธีมงานของทุกศิลปินที่แม้จะมีเสียงหอนเล็กๆ จากลำโพงแต่ก็ลงตัว และตามด้วยการพูดคุยของศิลปินกับแขกรับเชิญ หลังจากนั้นก็เป็นการแสดงของ Potato ที่หลังจากเคยทำโชว์ผสมแจ๊สกับโซลเมื่องานรอบก่อน คราวนี้พวกเขาขอเปลี่ยนมาผสมผสานไวโอลินจากน้องขวัญ ฟลุ๊ตจากนักดนตรีหนุ่มอย่างนิก และเพอร์คัสชั่นภายใต้การดูแลของกิ๊กกี๋ ส่วนสมาชิกก็มากับเครื่องดนตรีอะคูสติกเฉพาะกิจที่ทำให้โชว์พวกเขามีมิติและกลิ่นอายบอสซ่า ซึ่งหลังจากเซ็ทเครื่อง เราก็ได้ฟังเพลง “ทิ้งไว้กลางทาง”, “กล้าพอไหม”, “ไม่ให้เธอไป” ที่มีมิติดนตรีใหม่ๆ ก่อนจะได้ฟังเพลง “ชีวิตที่ขาดเธอ” ที่มี Bowkylion มาร่วมแจม ก่อนที่โชว์จะปิดด้วยเพลง “ขอบคุณที่รักกัน” โดยภาพรวมการแสดงพาร์ตนี้มันดีจนเราอยากให้วงทำเพลงแบบนี้ออกมาจริงจัง เพราะวงและนักดนตรีแบ็คอัพโชว์ได้ลงตัวมาก โดยเฉพาะ กิ๊กกี้-ญาณิกา เลิศพิมลชัย มือเพอร์คัสชั่นที่มีการโซโล่ที่ดึงดูดหูและเสน่ห์ในมูฟเมนต์ที่ทำให้เราต้องมองตามและกลับมาเสิร์ชหาโปรไฟล์เธอหลังงานจบ 

จากปีก่อนที่มีการสลับวงดนตรีและนักร้องนำ คราวนี้งาน The Gentlemen Live 2 มากับการแสดงชุด Super band ที่พากานต์-ฮั่ง Potato, ปื๊ด-โอม Bodyslam พล Clash มาเล่นดนตรีกับ 3 นักร้องนำที่ขอนำเพลงขวัญใจเด็กรุ่นใหม่มาโชว์ ทั้งตูนที่ร้องเพลง “โต๊ะริม” ของ นนท์-ธนนท์ จำเริญ ที่ทั้งร็อคและละมุนแบบอาร์แอนด์บี, แบงค์ที่ร้องและแร็ปเพลง “ทักครับ” ของ LIPTA ที่สนุกสนานสุดๆ และ ปั๊บที่โชว์เพลง “แดงกับเขียว” ของ Taitosmith แบบเดือดตั้งแต่ช่วงเกริ่นเข้าเพลงยันจบ และ 3 ศิลปินก็จัดหนักความสนุกท้ายฮอลล์ต่อหน้าคนดูชั้นสองด้วยการร้องเพลง "เสียดาย" ของ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ และ "ฝนตกไหม" ของ Three Man Down ที่มากับเสียงของ 3 นักร้องนำที่แตกต่างแต่ลงตัว 

และระหว่างที่ทั้ง 3 ศิลปินแสดง สมาชิกวง Clash อย่าง พล-คชภัค ผลธนโชติ (กีตาร์), แฮ็ค-ฐาปนา ณ บางช้าง (กีตาร์), สุ่ม-สุกฤษณ์  ศรีเปารยะ (เบส)  ก็ค่อยๆ เดินลงมาจากชั้น 2 และสมทบแบงค์ เพื่อเดินไปยังเวทีเพื่อพบกับ ยักษ์-อนันต์  ดาบเพ็ชรธิกรณ์ (กลอง) บนเวทีและเริ่มต้นการแสดงของวง Clash ที่จัดเซ็ทลิสต์อย่างเพลง "ยิ้มเข้าไว้", "โรคประจำตัว", "ใจเย็นๆ", "สัจอธิษฐาน" และ "ใส่ร้ายป้ายสี" แบบเดือดๆ พร้อมบรรยากาศเวทีที่ร้อนระอุจนคนดูกระโดดกันหนักรัวๆ เรียกได้ว่าถึงแม้ว่าวันนี้ Clash จะไม่ได้โชว์เพลงฮิตแบบ "ขอเช็ดน้ำตา", "รับได้ทุกอย่าง", "เพลงผีเสื้อ", "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" แต่หลายๆ คนก็น่าจะเต็มอิ่มกับการแสดง และหลังจากนั้นก็เป็นพาร์ทที่แบงค์ ปั๊บ และ ตูน มาโชว์เพลงของศิลปินที่พวกเขายกเป็นไอดอลทั้ง "คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ..." ของวง Taxi, "ซมซาน" ของ Loso และ ปิดท้ายด้วยเพลง "อย่างน้อย" ของ Big Ass ที่ศิลปินหญิงและนักดนตรีทุกวงออกมาแจมตอนท้าย และเป็นเพลง "อย่างน้อย" ที่มีท่าเต้นจาก 4EVE จนหลายคนถึงกับแซวว่า ไม่คิดว่าจะได้เห็นเพลงนี้มีท่าเต้น ซึ่งเราว่า กบ-ขจรเดช พรหมรักษา มือกลองวง Big Ass ที่เป็น Music Director ของงานน่าจะปลื้มโชว์นี้มากๆ เช่นกัน 

สำหรับเราแล้วงาน The Gentlemen Live 2 ทั้ง 3 วงดนตรีได้ทำหน้าที่แสดงสดได้ดี สมกับเป็นวงที่อยู่คู่แฟนๆ มานาน และคอนเซ็ปต์งานยังทำให้พวกเขาได้ทำอะไรใหม่ อย่างเช่นการเอาเพลงร็อคไปผสมผสานกับดนตรีหลายแนว หรือร้องเพลงที่เราไม่คิดว่าจะได้ฟัง จนเรามองว่างานนี้เหลือแค่เพลงลูกทุ่งกับไทยเดิมที่ยังไม่เคยลอง โดยภาพรวมงานได้บอกเราว่า “ดนตรีร็อคอยู่กับซาวด์ไหนก็อร่อยได้” 

ส่วนทางด้านของแขกรับเชิญงานนี้ก็ได้โชว์ฝีมือกันแบบเต็มที่และร่วมร้องหลายเพลงจนเราอยากใช้คำว่า “ศิลปินสมทบ” มากกว่าแขกรับเชิญ แม้ว่างานคราวนี้เราจะไม่ได้เห็นการแจมดนตรีแบบรอบที่แล้วอย่างตอนที่ยอด Bodyslam กับ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา แจมกัน โดยเราก็หวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ Bowkylion, วี วิโอเลต กับ 4EVE ได้ร่วมงานกับศิลปินในงานนี้อีกเรื่อยๆ เพื่อส่งเสริมกันและกัน โดยเฉพาะวง 4EVE ที่คราวนี้แสดงแค่ 6 คน เพราะงานครั้งนี้พิสูจน์ให้เราเห็นจริงๆ ว่า 4EVE ต้องมีครบ 7 คนและขาดใครไปไม่ได้เลย เพราะทุกคนเติมเต็มกันและกัน 

ทางด้านสคริปต์เราขอชื่นชมทีม GMM Show ที่ทำให้งานครั้งนี้ต่างจากรอบแรกแบบชัดเจนมาก แต่ก็ยังรักษาแก่นของงานไว้ในแง่ดนตรีและภาพลักษณ์ของศิลปิน ซึ่งในส่วนของเซ็ทลิสต์แม้ว่างานนี้จะมาในรูปแบบของกราฟที่ไล่จากเพลงสนุกมาเพลงซึ้งๆ ของ Potato แบบอะคูสติกก่อนกลับไปสนุกในช่วงท้ายคล้ายกับหลายๆ งาน แต่ก็มีเซอร์ไพรส์เยอะมาก ทั้งซีเควนซ์ที่ให้ Bodyslam มาตั้งแต่เริ่ม หรือการที่แขกรับเชิญมาช่วงครึ่งแรก แต่ช่วงหลังๆ ก็ยังมีสีสันอย่างช่วง Super Band และโชว์เพลงรุ่นพี่ หรือแม้แต่โชว์ Clash ที่มีแต่เพลงเท่ๆ จนเราแทบไม่มีช่วงเบื่อหรือยืดเยื้อเลยตลอด 3 ชั่วโมง

นอกจากสิ่งที่กล่าวมา อีกพาร์ทที่เราชอบคืออีกโชว์ที่ไม่ทิ้งคนดูไว้ข้างหลัง เพราะนอกจากเพลงยุค 2000 ที่ทำให้เรารักทั้ง 3 วงแล้ว ยังมีช่วงเพลงใหม่ที่สอดแทรกระหว่างโชว์ ที่น่าจะทำให้คนที่ตั้งใจมาดูแขกรับเชิญรู้สึกเพลิดเพลินและไม่รู้สึกแปลกที่ และในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้ 3 วงได้งัดศักยภาพที่ไม่ได้โชว์บ่อยๆ ออกมา อย่างเช่นการร้องเพลงสากลของตูน การโชว์เพลงที่มีกลิ่นอาย T-POP และเพื่อชีวิตของปั๊บ และการที่แบงค์ได้สลัดภาพเจ้าของเสียงสุดเศร้ามาแร็ปและพาทุกคนสนุกสนานแบบสุดๆ และขณะเดียวกันผู้ชมชั้นสองและชั้นแรกโซนท้ายก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับแขกรับเชิญด้วย 

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยทางดนตรีนั้น งานครั้งนี้แม้จะมีการเลือกเพลงมาโชว์ที่ท้าทายทั้งในแง่การร้องหรือเรียบเรียงดนตรี จนบางโชว์อาจจะไม่ได้ลงตัว 100% ในความคิดของคนฟัง และแอบเจอเสียงหอนจากลำโพงเล็กๆ น้อยๆ ในบางโชว์ แต่เราก็ประทับใจมาตรฐานการจัดงานทั้งจอ แสง สีเสียง และทีมดนตรีจาก ฟั่น-โกมล บุญเพียรผล โปรดิวเซอร์ที่เหมือนเป็นตัวละครลับ และอีกสิ่งที่ขอบคุณมากๆ คือการที่ได้มีการปรับปรุงในส่วนการเข้าฮอลล์ ที่ให้ทางเข้าและแสกนย้ายเข้ามาอยู่ในตัวโซนร้านอาหารจานด่วนและโซนบู๊ทผู้สนับสนุนของงานก่อนเข้าฮอลล์ ต่างจากงานก่อนหน้าที่จะอยู่นอกชายคาและมีเตนท์ครอบ เพราะงานครั้งนี้การเข้าฮอลล์นั้นง่าย และไม่แออัด แถมลดความเสี่ยงการเปียกฝนแบบงานก่อนหน้าด้วย  

ด้วยผลการตอบรับของงาน The Gentlemen Live 2 ตอน Ladies and Gentlemen ที่อาจจะไม่ได้เป็นตามเป้าของหลายคน อาจจะทำให้อนาคตของแฟรนไชส์ครั้งนี้ยังคงเป็นคำถามของหลายๆ คน แต่สำหรับเรา เราขอยกให้งานครั้งนี้เป็นอีก "มาสเตอร์พีซ" ของ GMM Show ตั้งแต่ครั้งแรกและขอปรบมือให้กับทุกคนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นมา จนเราได้เห็นศิลปินที่เรารัก ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ และท้าทายตัวเอง ในฐานะศิลปินหลักและศิลปินสมทบ และคนดูอย่างเราก็ได้กำไรจากการได้ชมอะไรที่พวกเราไม่คิดว่าจะได้เห็นหรือฟังในฐานะคนรักดนตรี ทั้งในส่วนโชว์จนถึงพาร์ทความสนุกและน่าตื่นตาอื่นๆ จนเราหวังว่างาน The Gentlemen Live จะมีต่อกับศิลปินกลุ่มใหม่ๆ หรืออาจจะเป็น 3 ศิลปินเดิมที่เจอกับโจทย์กับแขกรับเชิญใหม่ๆ ที่จะมากับความท้าทายใหม่ๆ 

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ The Gentlemen Live 2 ค่ำคืนของสุภาพบุรุษและสตรีที่พิสูจน์ว่าดนตรีร็อคนั้นไร้พรมแดน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook