ราคาบัตรคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศ ถึงเวลาต้องควบคุมหรือยัง
เรื่องของสิทธิพิเศษของบัตร VIP และความเหมาะสมของราคาบัตร ตรงไหนที่จะเป็นจุดที่แฟนคลับ ค่ายเพลง และผู้จัดคอนเสิร์ตจะอยู่ด้วยกันได้แบบปรองดอง
คอนเสิร์ตของ Jackson Wang และ Stray Kids ที่กำลังจะจัดขึ้นในประเทศไทย เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาบัตรที่สูงลิบลิ่วจนแตะหลักเกือบหมื่น และเกือบสองหมื่น ในขณะที่กลุ่มแฟนคลับส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยเรียน-วัยเริ่มทำงาน และแฟนๆ เริ่มถามหาความเหมาะสมของการตั้งราคาบัตรคอนเสิร์ตว่าควรเริ่มมีการตั้งเพดานเพื่อควบคุมราคาบัตรกันอย่างจริงจังหรือไม่
- คอนเสิร์ต Jackson Wang ในไทย 26 พ.ย. ประกาศผังที่นั่ง-ราคาบัตร 2,000-18,000 บาท
- Stray Kids ประกาศคอนเสิร์ตในไทย 2-3 ก.พ. 2023 พร้อมผังที่นั่งและราคาบัตร
ถ่ายรูปคู่ศิลปินแบบ group photo VS 1:1
คอนเสิร์ต JACKSON WANG MAGIC MAN WORLD TOUR 2022 BANGKOK ของ Jackson Wang ที่เพิ่งประกาศรายละเอียดของราคาบัตรและผังที่นั่ง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำเอาแตกตื่นกันไปทั้งโลกโซเชียล เพราะตัวเลขราคาบัตรแพงที่สุดพุ่งไปถึง 5 หลัก ในราคา 18,000 บาท แลกกับสิทธิพิเศษที่ได้รับ ได้แก่
- บัตรยืน (เป็นโซนที่ใกล้เวทีที่สุด)
- ถ่ายรูปรวมกับแฟนคลับ (ไม่ต่ำกว่า 5 คน แต่ไม่ได้ระบุว่ากี่คน)
- ลายเซ็น
- เข้าชมรอบซ้อม หรือซาวด์เช็ก
- ของที่ระลึกประจำทัวร์
- เข้าคอนเสิร์ตก่อนใคร
ซึ่งแฟนๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึงสิทธิพิเศษที่ได้รับไม่เหมาะสมกับราคาบัตร โดยส่วนใหญ่มองว่าราคาบัตรที่แพงที่สุดแบบนี้ควรได้ถ่ายรูปกับศิลปินแบบเดี่ยว 1:1 มากกว่า ซึ่งแฟนๆ ได้เข้าไปคอมเมนต์พูดคุยกับหนุ่มแจ็คสันที่เข้าทวิตเตอร์เพื่อพูดคุยกับแฟนๆ พอดี และเขาตอบว่าเขากำลังต่อรองกับทีมงานที่มีกันอยู่หลายคน เพื่อที่จะได้เจอแฟนๆ แบบสองต่อสองมากกว่า และในที่สุดทีมผู้จัดก็เปลี่ยนสิทธิพิเศษจากถ่ายรูปแบบกลุ่ม เป็นถ่ายรูปเดี่ยวกับศิลปินได้ในเวลาต่อมา
ถ่ายรูป 1:1 ของแต่ละศิลปิน
สำหรับคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี หรือไอดอล K-POP โดยทั่วไปสิทธิพิเศษที่แฟนๆ มักจะได้รับส่วนใหญ่เป็นถ่ายรูปแบบกลุ่ม การแตะมือแบบไฮไฟว์ (Hi-Touch) กับศิลปิน การได้เข้าชมรอบซ้อมก่อนขึ้นเวทีจริง (Sound Check) การได้ไปส่งศิลปินก่อนขึ้นรถกลับโรงแรม (Send-Off) และการได้ลายเซ็นจากศิลปิน ที่มาพร้อมกับรูปโพลารอยด์ โปสเตอร์ หรือซีดีอัลบั้ม ทั้งรับเองก่อน-หลังงานจบ และรับจากมือศิลปินโดยตรง แต่ก็มีบางงาน (และโดยส่วนใหญ่เป็นงานแฟนมีตติ้งมากกว่าคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ) ที่จะได้ถ่ายรูปคู่ศิลปินแบบตัวต่อตัว หรือ 1:1 ซึ่งมักจะเป็นสิทธิพิเศษสำหรับบัตร VIP ที่ราคาสูงที่สุดและมีจำนวนจำกัด
อย่างไรก็ตาม สำหรับการถ่ายรูปคู่แบบ 1:1 ทางฝั่งศิลปินตะวันตกมักเรียกว่า Meet & Greet เป็นสิทธิพิเศษของบัตร VIP ที่ราคาหลักหมื่นบาท… หลายหมื่นบาท อาจพบได้ตั้งแต่ราคา 30,000-60,000 บาท ยกตัวอย่างคอนเสิร์ตของ Ariana Grande ใน The Sweetener Tour เมื่อปี 2019 ที่อเมริกา ราคาบัตร VIP ไปถึงราคา 40,000 กว่าบาทไทย มาพร้อมกับสิทธิที่ได้ถ่ายรูปคู่กับศิลปินแบบ 1:1 ถ่ายรูปได้หลายช็อตจากกล้องของทีมงาน และได้พูดคุยกับศิลปินอย่างใกล้ชิดสั้นๆ ทางด้านศิลปินก็เป็นกันเองกับแฟนคลับมากๆ จับมือ กอด อุ้ม ทำท่าขอแต่งงาน ไปจนถึงหอมแก้มก็ทำได้ แฟนๆ จึงมักบอกต่อๆ กันว่าแพกเกจ VIP คุ้มสุดๆ
ในขณะที่สิทธิถ่ายรูปแบบ 1:1 ของศิลปินเกาหลี อาจมีกฎที่เข้มงวดมากกว่าศิลปินฝั่งตะวันตกเล็กน้อย กับจำนวนภาพที่ได้ที่อาจจะไม่มากเท่า หรือข้อจำกัดในการถึงเนื้อต้องตัว และจำนวนเวลาในการพูดคุย อาจจะไม่มากมายเท่ากับศิลปินตะวันตก (อาจมีเหตุผลทางด้านความปลอดภัยด้วย) แต่ราคาของบัตรก็ถูกกว่าตามไปด้วย (แต่ก็ไม่เสมอไปเช่นกัน)
คลิปของคุณ พาร์ค พากย์นรก กับประสบการณ์บัตร VIP และแพกเกจ Meet & Greet กับ Ariana Grande, Fifth Harmony, Beyoncé, Rihanna, Meghan Trainor, Iggy Azalea, Britney Spears และ Jennifer Lopez ที่อเมริกา
สิทธิพิเศษของบัตร VIP กับความคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไป
คอนเสิร์ต Stray Kids 2nd World Tour MANIAC BANGKOK มาพร้อมบัตร VIP ราคา 8,500 บาทที่สิทธิพิเศษของผู้ถือบัตร VIP มีเพียงแค่ได้เข้าชมชอบซ้อม (Sound Check) สิทธิในการซื้อ Tour Merchandise หรือสินค้าประจำทัวร์คอนเสิร์ตก่อนใคร และของที่ระลึกเล็กน้อย ไม่มีการถ่ายรูปกับศิลปินหรือแม้กระทั่งการถ่ายรูปกับศิลปินแบบหมู่ หรือ Group Photo ทำให้แฟนๆ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องของราคาบัตรและความคุ้มค่าของสิทธิพิเศษที่ได้รับกันอย่างมาก
รวมถึงราคาบัตรคอนเสิร์ตที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด จากบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีที่ส่วนใหญ่ยังไม่เกิน 7,000 บาท แต่คอนเสิร์ตนี้กลับพุ่งไปถึง 8,500 บาท และบัตรยืนที่ปกติอยู่ในราคา 4,000-5,000 บาท คอนเสิร์ตนี้เริ่มต้นที่ 7,000 บาทและเวทีไม่ได้ยื่นมาถึงโซนบัตรยืนอย่างที่ควรจะเป็น (ที่นั่งติดขอบเวทีทั้งหมดเป็นบัตรราคา 8,500 ทั้งหมด) ทำให้การจัดผังที่นั่งดังกล่าวเป็นที่พูดถึงกันอย่างดุเดือดถึงความเหมาะสมของทั้งการจัดผังที่นั่ง และการกำหนดราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
VIP ที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่ ก็มีเหมือนกัน
บัตรคอนเสิร์ตแบบ VIP ไม่ได้มาพร้อมสิทธิ์ในการ Meet & Greet หรือถ่ายรูปคู่เสมอไป บัตรราคา 16,500 บาทของคอนเสิร์ต Justin Bieber ในไทย นอกจากที่นั่งในโซนที่ใกล้เวทีที่สุดแล้ว ก็มีสิทธิพิเศษเพียงของที่ระลึกพิเศษต่างๆ ที่ไม่มีวางจำหน่ายตามปกติเท่านั้น
บัตร VIP หรือจะสู้ Top Spender
นอกจากนี้ หากคิดว่าราคาบัตร VIP เพื่อได้ถ่ายรูปสองต่อสองกับศิลปินแพงลิบลิ่วแล้ว ขอแนะนำให้รู้จักกับคำว่า Top Spender ซึ่งหมายถึงคนที่ซื้อของมูลค่ารวมเยอะที่สุด มักเป็นกติกาในการได้ถ่ายรูปหรือพูดคุยกับศิลปินอย่างใกล้ชิด เช่น งาน fansign ที่ต้องเป็น Top Spender ในการซื้ออัลบั้มสูงที่สุด อาจจะ 50-300 คน เพื่อมีโอกาสได้ถือซีดีไปให้ศิลปินเซ็นปกให้เองกับมือ และได้พูดคุยกับศิลปินในระยะใกล้ๆ (ช่วงโควิด-19 ระบาด มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น video call คุยกับศิลปินในเวลาที่จำกัด)
หรือจะเป็นงานอีเวนต์ต่างๆ ที่แฟนๆ ต้องซื้อของจากสปอนเซอร์หลักของงาน เพื่อให้ได้เป็นผู้ที่ซื้อของมูลค่าสูงสุดจำนวน 5-20 คน (แล้วแต่งาน) เพื่อได้นั่งแถวหน้าของงานอีเวนต์นั้นๆ และได้พูดคุย และถ่ายรูปกับดารา-ศิลปินที่ชื่นชอบ ซึ่งเมื่อไม่มีการกำหนดราคา การต่อสู้จึงเข้มข้น และดันราคาไปได้จนถึงหลักล้านบาทได้เลยทีเดียว เช่นเดียวกับงาน Exhibition ล่าสุดของ JAY B ที่ร่วมกับ Siam Center ที่ Top Spender อันดับ 1 จ่ายเงินไป 1,127,000 บาท
ราคาบัตรคอนเสิร์ต ควรมีการควบคุมราคาได้หรือยัง
จากราคาบัตรคอนเสิร์ต โดยเฉพาะศิลปินต่างประเทศที่มีราคาแพงกว่าศิลปินในประเทศเนื่องด้วยต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้ราคาบัตรมักจะแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ราคาบัตรที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีกรอบ และไม่มีองค์กรหรือมาตรการในการควบคุมราคาอย่างเป็นรูปธรรม อาจทำให้มีปัญหาว่าราคาของบัตรคอนเสิร์ตจะไปสิ้นสุดอยู่ที่เท่าไร ความคุ้มค่าคุ้มราคาวัดกันที่ตรงไหน ความเหมาะสมของราคาบัตรคอนเสิร์ตต้องดูที่อะไรบ้างถึงจะเรียกว่ายุติธรรมและสมน้ำสมเนื้อ ในส่วนนี้อาจจะมีแค่ค่ายเพลงและผู้จัดคอนเสิร์ตเท่านั้นที่จะตอบได้ แต่การฟังเสียงของลูกค้าก็เป็นส่วนที่สำคัญเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าสำหรับศิลปินเกาหลีแล้ว แฟนคลับส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนที่ยังไม่มีรายได้ และวัยเริ่มทำงานที่ยังมีรายได้ไม่มากนัก การกำหนดราคาบัตรที่สูงเกินไป อาจเป็นการ “กีดกัน” กลุ่มแฟนๆ ชนชั้นกลางที่ไม่สามารถเจอหน้าศิลปินได้ เพราะโดนตัดสิทธิออกโดยอัตโนมัติจากอุปสรรคของราคาบัตร
VIP กับการเป็นแฟนพันธุ์แท้
การเป็นเจ้าของบัตร VIP ที่ราคาสูงลิบลิ่ว อาจการันตีได้ในระดับหนึ่งว่าคุณคือแฟนคลับที่จริงจังกับศิลปินมากถึงขั้นยอมเสียเงินหลายหมื่นหลายแสนเพื่อได้พบกับศิลปินที่ชอบ เป็นการสนับสนุนศิลปินอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบข้อบังคับทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิด (หากคุณได้บัตร VIP มาด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่เคยซื้อบัตร VIP จะถูกด้อยค่าว่าเป็นแฟนคลับชนชั้นที่ต่ำกว่าแต่อย่างใด เพราะการสนับสนุนศิลปินไม่ได้มาจากการใช้เงินเพียงอย่างเดียว คุณอาจเป็นสายซัพพอร์ตจากการดูคอนเสิร์ตด้วยบัตรราคาธรรมดา ฟังเพลง ดูมิวสิควิดีโอ ตามอ่านข่าว ตามดูคอนเทนต์ต่างๆ ที่มาจาก official คอยโหวตให้กับศิลปินเมื่อมีการแข่งขันหรืองานประกาศรางวัลต่างๆ หรือแม้กระทั่งการคอมเมนต์ พูดถึงศิลปินกับคนรอบข้างหรือในโลกออนไลน์ พูดคุยกับศิลปินผ่านโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ ก็ถือเป็นการสนับสนุนศิลปินได้ในแบบที่ไม่ต้องเสียเงินมากมาย และไม่ได้ทำให้คุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของดารา-ศิลปินนั้นน้อยกว่าใครในด้อม (กลุ่มแฟนคลับ)
ในขณะที่คอนเสิร์ตของสาว Taylor Swift ไม่มีการจำหน่ายบัตรพร้อมสิทธิพิเศษในการถ่ายรูปคู่กับเธอ แต่เธอเลือกที่จะถ่ายรูปและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างใกล้ชิดแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่คุณต้องเป็นแฟนที่ติดตามเธออย่างใกล้ชิดจนเธอจำคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นจากการตามดูเธอในคอนเสิร์ตบ่อยๆ หรือการตามโพสต์ คอมเมนต์หาเธอจนเธอจำ username ได้ เธอจะติดต่อคุณเพื่อให้คุณพบเธอที่หลังเวทีเป็นการส่วนตัวเอง เพราะฉะนั้นทุกๆ คอมเมนต์ของคุณมีค่า และศิลปินอาจจะเคยอ่าน หรือเห็น username ของคุณผ่านตามาบ้างก็เป็นได้
ความสัมพันธ์ระหว่างดารา-ศิลปิน และแฟนคลับ อาจดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในสายตาของคนทั่วไป แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ยากแก่การเข้าใจ หากคุณเป็นสายเปย์ อยากได้สิทธิเจอตัวจริงของศิลปิน อยากเจอศิลปินบ่อยๆ ก็ทำต่อไป (หากเป็นสิทธิที่ได้มาจากการจ่ายเงินของตัวเองล้วนๆ) หากคุณไม่มีเงินมากก็ไม่ต้องเสียใจ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลเพื่อจะเป็นแฟนคลับใครมากขนาดนั้น แค่สนับสนุนผลงานในแบบที่ตัวเองแล้วตัวเองมีความสุข ไม่เดือดร้อน ไม่โกงเงินคนอื่น ไม่ใช้เงินจนเกินตัว หรืออาจจะแค่ซื้ออัลบั้ม นั่งฟังเพลง ดูเอ็มวีอยู่ที่บ้านเฉยๆ ถึงจะไม่เคยไปดูคอนเสิร์ต หรือไม่เคยเสียเงินกับการซื้อสินค้าใดๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ขอเพียงแค่ให้การชื่นชอบใครสักคนเป็นพื้นที่มอบความสุขให้กับเราก็เพียงพอ
และขอฝากไว้เป็นการบ้านให้กับค่ายเพลง และผู้จัดคอนเสิร์ตที่หลงมาอ่านบทความนี้ ว่าคุณจะ “ขาย” ศิลปินให้กับแฟนคลับแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ชื่อค่ายหรือชื่อผู้จัดต้องติดเทรนด์ในโลกออนไลน์ในแง่ที่ไม่ดี และเปลี่ยนเป็นการจัดการที่เหมาะสม เพื่อรอรับคำชมและรักษาฐานแฟนคลับต่อไปได้เรื่อยๆ แบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า กันไปยาวๆ