kamikaze party 2022 ปาร์ตี้ฉลองอารยธรรมและเซฟโซนจากป็อปคัลเจอร์เหนือกาลเวลา | Sanook Music

kamikaze party 2022 ปาร์ตี้ฉลองอารยธรรมและเซฟโซนจากป็อปคัลเจอร์เหนือกาลเวลา

kamikaze party 2022 ปาร์ตี้ฉลองอารยธรรมและเซฟโซนจากป็อปคัลเจอร์เหนือกาลเวลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกจากความรักครั้งแรกแล้ว สิ่งที่น่าจะอยู่ในใจหลายๆ คนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปขนาดไหนก็คือบทเพลงที่อยู่ในช่วงชีวิตวัยเรียน โดยเฉพาะวัยที่เริ่มสัมผัสเรื่องความรัก ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ที่ผ่านมา คอนเสิร์ตศิลปินยุค 90 ได้รับความนิยมจากคนที่เป็นวัยรุ่นยุค 90 อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดเด็กยุค 2000 ที่โตมากับค่ายเพลงยุค Kamikaze ก็ได้สัมผัสความสุขจากวัยเด็ก เมื่อทาง RS จัดงาน COOLfahrenheit ร่วมกับ อำพลฟูดส์ 35 ปี และคามูซี present kamikaze party 2022 ขึ้นมามอบความสุขให้กับแฟนๆ 

 

โดยงานครั้งนี้มีศิลปินขึ้นแสดงอย่างล้นหลาม ทั้ง FOUR-MOD (โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร และ  มด-ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ), FFK (เฟย์-พรปวีณ์ นีระสิงห์, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ และ แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล), WAII (หวาย-ปัญญริสา ชุมรุม), MILA (มิล่า จามิล่า), K-OTIC (ป๊อปปี้-ภาณุ จิระคุณ, เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ, โทโมะ-วิศว ไทยานนท์, เคนตะ ซึทจิยะ และ จงเบ พาร์ค), KNOMJEAN (กุลมาศ สารสาส), PAYU (พายุ คลาร์ค), SWEE:D (พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร, มิน-พัฑฒิดา วงศ์โฆษวรรณ และ จินนี่-เขริกา โชติวิจิตร), 3.2.1 (UrboyTJ (จิรายุทธ ผโลประการ), กวินท์ ดูวาล และ ป๊อปปี้-ชัชชญา ส่งเจริญ), TIMETHAI (ธามไท แพลงศิลป์) และจม-ชลธร ปรัชญารุ่งโรจน์ จากวง SISKA 

 

สิ่งที่ทำให้ Kamikaze ยังคงสร้างอิมแพ็คในใจหลายคน นอกจากเพลงที่มีลายเซ็นเครื่องดนตรีและแอมเบียนต์ไม่เหมือนใคร ไปจนถึงวิธีร้อง การแร็ป และ ลูกเอื้อน ไปจนภาษาที่สอดแทรกเรื่องราวในยุคสมัยวัยเรียน ที่ทำให้ทุกวันนี้เรายังได้ฟังเพลงใหม่จากหลายศิลปินที่มีกลิ่นอายความเป็น Kamikaze แล้ว หลายๆ สมาชิกได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงที่มีคุณภาพ ทั้งศิลปิน นักแสดง ไปจนถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นเหมือนเซฟโซนของหลายๆ คน หรือแม้แต่นักธุรกิจที่เผชิญหน้าความท้าทายหลายอย่าง ทำให้หลายๆ คนยังคงคิดถึงตัวศิลปินและบทเพลงจากค่าย Kamikaze จนถึงจุดที่บางคนยกให้เป็น “อารยะธรรม” ทางป็อปคัลเจอร์เลย ซึ่งนี่ก็ทำให้เราไม่แปลกใจว่าทำไมบัตรคอนเสิร์ต kamikaze party 2022 ถึงขายหมดอย่างรวดเร็ว แม้ว่างานครั้งนี้จะเลื่อนหลายรอบและจัดในฮอลล์อิมแพ็ค อารีน่า 

 

โดยงานครั้งนี้ที่จัดในวันที่ 15 ตุลาคม ได้เริ่มต้นด้วยเพลง “รักฉันเรียกว่าเธอ” ที่เป็นอินโทรประสานเสียงสั้นๆ ราวกับว่าเป็นการกลับมาบอกรักแฟนคลับของทุกศิลปิน ก่อนที่การแสดงทั้งหมดจะเริ่มด้วยเพลงฮิตบางส่วนจากเหล่าศิลปิน ทั้ง “MSN” ของ เฟย์ฟางแก้ว ที่มีกราฟฟิคชวนนึกถึงอดีต ก่อนตามด้วยเพลง “ไม่รักเธอ” ของหวายที่อัปเลเวลจากเพลงของเด็กวัยรุ่นมีความรักครั้งแรก กลายเป็นเพลงที่บอกความในใจของตัวแม่ และตามด้วยเพลง “แฟนใหม่” ของ K-OTIC ก่อนที่สมาชิกทั้ง 5 ของ K-OTIC จะทักทายทุกคน และพาเข้าสู่ช่วงต่อไป ซึ่งถึงแม้สมาชิกทั้ง 5 จะโตขึ้น แต่เราก็สัมผัสความเท่และตั้งใจที่จะมอบความสุขให้แฟนๆ 

พอช่วงแรกจบก็เป็นการแสดงของแต่ละศิลปิน โดยการจัดคิวจะเริ่มจากศิลปินที่ห่างโชว์ไปนานอย่างพายุ ที่มากับเพลง “Sexy Bad Girl” และ “One Kiss” ที่ถึงแม้ว่าเราจะพอสัมผัสได้ว่าพายุดูจะห่างเวทีไปนานในหลายๆ มุม แต่เราก็ยังได้ฟังเสียงเท่ๆ และมูฟเมนต์ร่างกายตามเพลงที่ทำให้เราเชื่อเลยว่าเขาต้องพยายามซ้อมแบบเต็มที่จริงๆ เพราะมันไม่ง่ายเลยที่คนที่จะห่างเวที 12 ปี จะมาขึ้นอิมแพ็ค อารีน่า และตามด้วยมีล่าที่มากับเพลง “LOVIN’ U”, “บอกกับเขาว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน” ซึ่งเราสัมผัสได้เลยว่ามีล่ามีการร้องที่ดีขึ้นมาก ทั้งอินเนอร์และเทคนิคเมื่อเทียบกับตอนเป็นศิลปินใหม่ และยังมีวิธีเอนเตอร์เทนที่ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับคนที่ห่างการทำเพลงไปนาน ก่อนที่เธอจะร้องเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจ” ที่ทำให้หลายคนกรี๊ดสนั่น 

เมื่อมีล่าขึ้นแสดงไปแล้ว ทางงานก็ได้พา ขนมจีน กุลมาศ มาร้องเพลง “ตามใจปาก” และเมดเล่ย์ “เลิกกับฉันได้มั้ย”, “อย่าบอกเขาว่าเราเคยคบกัน”, “ทำใจไม่ได้”, “ไม่มีเธอก็ยังมีฉัน”. “ความเจ็บไม่มีเสียง” ก่อนต่อด้วย “เป็นเพื่อนเธอไม่ได้จริงๆ” ซึ่งทุกเพลงขนมจีนได้ถ่ายทอดด้วยพลังเสียงสมกับเป็นผลผลิตเวที KPN Awards และยังเป็นคนที่ศึกษาด้านการร้องเพลงอย่างจริงจังจนได้เป็นครูสอนร้องเพลง

หลังจากที่ช่วงขนมจีนแสดง ก็เป็นการสลับมู้ดครั้งใหญ่เมื่อถึงคิวมีนและแจม SISKA มาแจกความน่ารักในเพลง “ต่อจากคำว่ารัก” และ “อย่ามากมาย” ก่อนที่ SWEE:D จะมาโชว์เพลง “ห้าม” และ “ฉากเรียกน้ำตา” ซึ่ง 4 สาวก็ทำได้ดีในแง่การร้องเพลงและเอนเตอร์เทน จนเราแอบไม่เชื่อว่าพวกเธอห่างเวทีไปนาน ก่อนจะถึงคิวหวาย ศิลปินตัวแม่ที่มากับเพลง “รักฉันทำไม” ที่ทำให้เวทีเดือดแบบสุดๆ ทั้งการร้องและเต้น ก่อนตามด้วยเมดเล่ย์เพลง “ตกหลุมรัก”, “เพื่อนใจน้อย”, “ฝากไว้อีกวัน” และ “เสียใจแต่ไม่แคร์” ก่อนที่หวายจะมากับเพลง “ห่างกันสักพัก” ที่เป็นการส่งท้ายโชว์ โดยการแสดงของหวายทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปัจจุบันนี้เธอได้รับโอกาสเยอะมาก เพราะพลังเสียง ความเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงเสน่ห์บนเวทีและมูฟเมนต์คือเอาอยู่จริงๆ จนเราละสายตาจากเธอไม่ได้ 

และโชว์ที่มาสานต่อความสนุกของหวาย คือธามไทที่มากับเพลง “รักกว่านี้ไม่มีอีกละ”, “แฟนพันธุ์ท้อ”, “มีอะไรอีกมั้ยที่ลืมบอก” และ “จบมั้ย” ที่เขาเผยการร้องด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และการเต้นที่ต้องมองตาม พร้อมทั้งมุกตลกแบบฉบับตัวเองที่ทำให้หลายคนอดเอ็นดูความมั่นใจและตลกของเขาไม่ได้ และก็ตามด้วยโมเมนต์ที่แฟนๆ รอมา 8 ปีอย่างการรียูเนี่ยนของ 3.2.1 ที่ทั้ง 3 มากับเพลง “เขย่า”, “ไม่มีใครผ่านมาทางนี้”, “มีอีกไหม” “แค่ที่รัก” และ “รักต้องเปิด (แน่นอก)” ที่อัดแน่นด้วยพลังงานตั้งแต่ต้นจนจบทั้งการร้องที่วาไรตี้ของป๊อบปี้และการแร็ปและร้องที่ชวนนึกถึงความหลังของทีเจและกวินท์ และยังมีโมเมนต์ซึ้งๆ ตอนที่ทั้ง 3 กอดและพูดคุยกัน โดยถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นการปฎิสัมพันธ์หรือการเล่นกันระหว่างโชว์มากนักของทั้ง 3 แต่อีกมุมเราก็เข้าใจว่าโอกาสที่ทีเจ, กวินท์ และป๊อบปี้จะซ้อมด้วยกันมันน้อยมาก ด้วยตารางชีวิตของทั้ง 3 คนที่หาจุดลงตัวยาก เพราะอย่างทีเจหลังจบงาน kamikaze party 2022 เขาก็ต้องขึ้นแสดงเทศกาลดนตรี OCTOPOP 2022 ทันทีในวันที่ 16 ตุลาคมกลางราชมังคลากีฬาสถาน ในขณะที่กวินท์ก็มีงานโชว์และคอนเทนต์ต่อเนื่อง 

และต่อจาก 3.2.1 ก็ถึงคิวของ Seven Days อย่างเฟย์, จินนี่, พิม, หวาย, มีน, มีล่า และสมาชิกพิเศษอย่าง เขื่อน ที่ออกมาสนุกสนานกับเพลง “ภาวะโลก Love” และ “จะมีสักวันที่เป็นของฉันมั้ย” ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ โดยการที่เราได้ฟังทั้ง 2 เพลงในยุคนี้ที่พวกเธอทุกคนโตขึ้นก็เป็นอะไรที่พิเศษมาก และหลังจากนั้นก็ตามด้วยเซอร์ไพรส์ เมื่อเป็นโชว์ของแขกรับเชิญอย่าง เติร์ด-ลภัส งามเชวง อีกหนึ่งศิษย์เก่า Kamikaze ยุคหลังที่ปัจจุบันเป็นสมาชิก TRINITY ได้มากับเพลง “ที่ระทึก” และ “เตือนแล้วนะ” ที่โตขึ้นจากต้นฉบับแต่ก็ยังเท่และเผยเสน่ห์เขา และเติร์ดก็ชวนผู้ชมถ่ายคลิปแบบสนุกสนานด้วย ก่อนที่จะส่งเวทีให้พี่ใหญ่อย่างโฟร์ มด ที่หลังจากพาทุกคนสนุกไปกับเพลง “เด็กมีปัญหา”, “หายใจเป็นเธอ” และ “ละลาย” แล้ว มดก็ถือโอกาสประกาศข่าวว่างานครั้งนี้จะเป็นงานสุดท้ายก่อนย้ายไปต่างประเทศ แต่ก็ยังคงทำ YouTube ต่อไปท่ามกลางเสียงปรบมือ และหลังจากนั้นก็เป็นเมดเล่ย์เพลงช้า “รักได้รักไปแล้ว”, “ใครทิ้งใครก่อน”, “ผู้ชายใจเย็น” และ “เปลี่ยนกันไหม” ที่ช่วงหลังเราได้เห็นน้ำตาของโฟร์ระหว่างแสดง ขณะที่มดได้โชว์พลังเสียงที่แน่นจนเราไม่อยากให้นี่เป็นงานสุดท้ายของเธอ จนแอบหวังว่าในอนาคตเธอจะกลับมาแสดงอีกคล้ายกับเคสของ แก้ว-จรีนา สิริสิงห สมาชิก ZAZA ที่แม้จะอาศัยต่างประเทศแต่ยังเดินทางมามีงานที่ประเทศไทยเป็นระยะๆ 

และเมื่อจบจากการแสดงของโฟร์และมดก็ถึงคิวของเฟย์ ฟาง แก้ว ที่เปิดตัวด้วยอินโทรเพลง “คำถาม” และ “Baby Boy” ที่เรามองว่าพอมาถ่ายทอดในวัยปัจจุบันของ 3 คน มากลายเป็นเพลงที่แซ่บขึ้นและเข้ากับพวกเธอในวัยนี้มาก ก่อนที่จะเป็นโมเมนต์เพลงมีเดียมอย่าง “แฟนคนหนึ่ง” ที่น่ารักแต่ก็แอบน่าเสียดายที่โทโมะไม่ได้ออกมาแจมเต็มตัว ก่อนตามด้วยเพลง “ไม่ใช่อิจฉา”, “อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ” และ “อย่าให้ความหวัง” ที่มัดรวมกันมา ก่อนที่ทั้ง 3 จะปิดโชว์ด้วยเพลง “คำถาม” ซึ่งส่วนตัวเราชอบการที่เฟย์ฟางแก้วนำเพลงเหล่านี้มาร้อง เพราะมันทำให้เราเห็นการเติบโตทั้ง 3 ชัดและทำให้เราได้ฟังทุกเพลงในบริบทที่โตขึ้นของทั้ง 3 คน และศิลปินกลุ่มสุดท้ายที่โชว์ก็คือ K-OTIC ที่มากับเพลง “ทิ้งเขาซะ” ที่เจอกับปัญหาทันทีเรื่องเครื่องเสียงจนต้องหยุดโชว์ แต่ทั้ง 5 ก็มาโชว์บีทบ๊อกซ์และร้องเพลง “เสี่ยงกับฉันมั้ย” ช่วงคั่นเวลา และพอทุกอย่างกลับมาเราก็ได้ฟังเพลง “ทิ้งเขาซะ” แบบเต็มๆ ตามด้วย “Freestyle” ก่อนจะถึงคิวเพลง “ถ้าเธอมีจริง” ของยูนิต Monkey Hero และ Deja Vu ของ 2High ก่อนตามด้วยเมดเล่ย์เพลงช้า “เหงาปาก”, “รักไม่ได้หรือไม่ได้รัก” และ “อยู่ในช่วงปรับปรุง” ซึ่งแม้ K-OTIC จะห่างเวทีไปนานเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังมีเสน่ห์ที่ดึงดูดเหมือนเดิม และเรื่องร้องกับเพอร์ฟอร์มก็ไม่เป็นรองใคร 

 

ในช่วงท้ายของงานก็เป็นเมดเล่ย์เพลงแดนซ์ ที่แฟนๆ ได้สนุกกันเต็มที่ เริ่มจากเพลงเปิดตัวค่าย “ขัดใจ” และตามด้วย “Chatsanova” ของ Chilli White Choc ที่ทุกคนร่วมกันร้อง ก่อนตามด้วย “HONEY I HATE YOU” ของ X.I.S ศิลปินรุ่น 2 ที่ไม่ได้มาร่วมแสดงวันนี้ แต่เราก็เห็นเหล่าศิลปินชายสนุกกับเพลงนี้กันเต็มๆ และต่อจากนั้นเป็นเพลง “ชู้ทางไลน์” ที่ TIMETHAI ไปแจมกับโฟร์จนกรี๊ดทั้งฮอลล์ ซึ่งพาร์ทท้ายของเมดเล่ย์เพลงแดนซ์ก็เป็นเพลง “จีบได้แฟนไม่รัก” กับ “WE WILL LOVE YOU” ของโฟร์มด กับ “ไม่ต้องให้ทั้งโลกรักเรา” ของ 3.2.1 และจากนั้นศิลปินทุกคนก็ลาแฟนๆ ด้วยเพลง “รักฉันเรียกว่าเธอ”, “เพลงรัก” และ “Forward” ที่มาพร้อมกระดาษโปรยและลูกโป่งที่ลอยเต็มฮอลล์

ภาพรวมของงาน Kamikaze Party 2022 ได้มากับความสนุกและฟีลกู้ดที่ล้นเหลือ สำหรับเราที่โตมากับกามิ เราขอเรียกว่านี่คืองานปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยเซฟโซนทางดนตรี เพราะทุกเพลงคือเพลงที่เรารู้จักและร้องตามได้ จนแค่เปิดอินโทรมาก็อ๋อทันที แถมถ้าพูดตรงๆ เกือบทุกเพลงก็ยังฟังดูใหม่ถ้านำมาปล่อยในวันนี้ด้วยดนตรีและเนื้อหาที่ร่วมสมัย ซึ่งการที่เราได้ฟังเพลงเหล่านี้ 40 เพลงในเวลา 4 ชั่วโมงเป็นอะไรที่ทำให้เราอิ่มเอิบจนไม่อยากให้งานจบ และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมแฟนเพลงยุค 90 ถึงตอบรับงานคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนยุคตัวเองแบบเต็มเปี่ยม โดยนอกจากความสนุกจากเพลงแล้ว เรายังขอชื่นชมสคริปต์งานครั้งนี้ที่ไม่มีความหยาบ หรือการเล่นมุกล้ำเส้นจนเราแอบคิดว่าเขื่อนที่มีความรู้ทางจิตวิทยาน่าจะช่วยเพื่อนๆ ทำสคริปต์ สำหรับเราในส่วนของสคริปต์ นอกจากความเสียดายเล็กๆ ที่ไม่ได้ฟังเพลงโปรดอย่าง “ยังเป็นดอกไม้ของเธอ…หรือเปล่า” ของเฟย์ฟางแก้ว, “ระหว่างเพื่อนกับแฟน” กับ “แพ้ไม่เป็น” ของขนมจีน และ “เพื่อนกันฉันรักเธอ” ที่เป็นเพลงรวมค่าย ทุกอย่างคืออิ่มใจหมด แต่อีกมุมก็เข้าใจว่าข้อจำกัดของเวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้ฟังทุกเพลงที่อยากฟัง ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าเราสามารถเพิ่มโชว์ได้อีกหนึ่งโชว์ในงานนี้ เราอาจจะไม่เลือกเพลงที่กล่าวมา แต่จะขอให้เพิ่มเพลง First Loveของแจม SISKA ที่ร้องประกอบภาพยนตร์ ม.3 ปี 4 เรารักนาย จากการร้องเล่นๆ ช่วงทอล์กให้เป็นโชว์เต็ม 1 เพลง เพราะเรามองว่านี่เป็นอีกโชว์ที่น่ารักและน่าจะมาสล็อตอยู่ระหว่างการแสดงของขนมจีนและ SISKA ได้ 

ถ้าสมมุติมีงาน Kamikaze Party ครั้งหน้าเราก็อยากให้มีช่วงแลกเพลงร้อง เพราะจากรายการความลับกามิ เราก็ได้รับรู้ว่าหลายๆ เพลงในค่าย Kamikaze มีการเปลี่ยนตัวคนร้องอย่าง “Love Villa” ที่เคยเป็นของหวาย “เหงาปาก” ที่เคยเป็นของพายุ หรือแม้แต่เพลง “วาซาบิ” ที่ตอนแรกก็ถูกวางให้หลายๆ ศิลปินก่อนมาถึงโฟร์มด จนเรามองว่าถ้ามีพาร์ทนี้คงเป็นของขวัญพิเศษสุดๆ สำหรับคนที่รักเพลงกามิ และอีกซีนที่น่าสนใจคือเพลงคู่อย่าง “ใช่เธอ” ของป๊อบปี้-ฟาง และ “เพื่อนที่เธอไม่รู้ใจ” ของ โทโมะ-แก้ว ที่เรามองว่าน่าจะน่ารักแน่ๆ 

 

ส่วนภาพรวมของการแสดงนอกจากการที่เราจะทึ่งกับการที่ศิลปินที่ห่างเวทีไปนาน สามารถโชว์ได้ดีเกินความคาดหวังเรา คือบางคนเราอาจจะแอบสัมผัสความกังวลผ่านแววตาบ้างขณะโชว์ แต่การร้องและเต้นยังเต็มที่จนเราขอปรบมือให้ เรายังได้เห็นศิลปิน Kamikaze หลายคนกลับมาร้องเพลงเก่าตัวเอง ในวันที่พวกเขาและเธอมีความสามารถและประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น จนสามารถทำโชว์เพลงดังตัวเองพร้อมอินเนอร์และลูกเล่นที่เพิ่มขึ้น อย่างเช่นหวาย และ เฟย์ ฟาง แก้ว ที่เรามองว่าทั้ง 4 คนสามารถถ่ายทอดเพลงของตัวเองได้หนักแน่นและมีอินเนอร์เข้มข้นกว่าตอนที่ปล่อยผลงานใหม่ๆ หรืออย่าง เติร์ด, มีล่า และ มด ที่สามารถนำเพลงที่ตัวเองทำตอนเป็นวัยรุ่นมาถ่ายทอดพร้อมเผยพัฒนาการในฐานะศิลปินในแง่การร้องได้ดี เรียกได้ว่านอกจากเพลงจะอิ่มใจแล้ว การที่เราได้เห็นศิลปินที่รักเติบโตหรือกลับมาทำสิ่งที่เรารัก ก็เป็นอีกความอิ่มใจที่ทำให้เรามีความสุขตลอด 4 ชั่วโมง และนอกจากชื่อที่กล่าวมากับทุกศิลปินที่ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีแล้ว อีกคนที่เราขอชมเป็นพิเศษคือ “เขื่อน” เพราะไม่ว่าจะบทบาท Seven Days หรือ K-OTIC เขื่อนสามารถพาตัวเองเข้าไปผสมผสานกับสองโชว์ได้ลงตัวสุดๆ และมีเสน่ห์บนเวทีมาก จนถึงตอนใกล้จบงานก็ลงจากเวทีไปกอดแฟนๆ ตามความตั้งใจของเขื่อนที่อยากเป็นเซฟโซนที่มอบความรักให้กับทุกๆ คน

 

นอกจากความพยายามของค่ายแล้ว อีกสิ่งที่เรามองว่าทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ลงตัวคือ “เวลา” เพราะงานครั้งนี้ถ้าจัดในปี 2020 หรือหลังจากนี้ เราอาจจะไม่ได้ชมการแสดงของโฟร์ และ มด เนื่องจากอาชีพแอร์โฮสเตสในอดีตที่ทำให้เธอต้องเลี่ยงสถานที่เสี่ยง หรือถ้าจัดหลังจากนี้ มดเองก็อาจจะไม่สามารถแสดงได้เนื่องจากการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และอีกคนที่อาจจะไม่ได้มาขึ้นก็คือ พายุ คลาร์ค เพราะตอนแรกเขาไม่ได้อยู่ในไลน์อัพปี 2020 แต่พอมาถึงวันที่เหมาะสม เขาก็สามารถคัมแบ็กเวทีได้ แต่อีกมุมก็มีเรื่องน่าเสียดายตรงที่งานครั้งนี้ได้จัดขึ้นในวันที่ เบสท์-รตาพร ทิพย์มนตรี และ อิ้งค์-วรันธร เปานิล 2 สมาชิก Chilli White Choc ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะในไลน์อัพปี 2021 ทั้งสองคนมีชื่อขึ้นโชว์ในนาม Chilli White Choc ด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่เรามองว่าคอนเสิร์ตนี้มาในเวลาที่เหมาะสม ก็คือการที่เราได้ฟังทุกศิลปินร้องเพลงตัวเองในวันที่โตขึ้นจนเกิดเคมีและสีสันใหม่ๆ ที่ไม่มีในต้นฉบับ

 

ในส่วนของโปรดักชั่น งาน kamikaze party 2022 น่าจะเป็นคอนเสิร์ตไทยที่จัดเต็มมากที่สุดงานหนึ่งที่เราดู ทั้งจอภาพ ที่มาพร้อมกราฟฟิคที่มีลูกเล่นจัดเต็มสุดๆ หรือเอฟเฟกต์ประกอบ ไปจนถึงกระดาษโปรย และลูกบอลที่เป็นสัญลักษณ์เพลง “Forward” ตอนท้าย หรือแม้แต่ทีมแดนเซอร์ที่จัดเต็มกับทุกโชว์จนเราแอบอุทานในใจเวลาเห็นพร็อพต่างๆ ว่า “มาจากไหนเนี่ย” ตลอดโชว์ ซึ่งก่อนหน้านี้งานคอนเสิร์ต RS ก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้มาก ส่วนซาวด์ดนตรีนั้น ในพาร์ทเพลงช้าซาวด์งานนี้ออกมาโอเค แม้จะมีบางเพลงอย่าง “ไม่รักเธอ” และ  “LOVIN’ U” ที่เรารู้สึกว่าเสียงร้องจากไมค์ของหวายและมีล่าค่อนข้างแหลมสูงในบางช่วง แต่เพลงอื่นๆ ของทั้งสองคนเสียงลงตัวปกติ ส่วนเพลงเร็วก็มาพร้อมความเข้มข้นที่พาสนุกจนต้องเต้นตาม แม้ว่าพาร์ทเพลงเร็วนั้นความฉ่ำของซาวด์จะไม่เท่ากับการแสดงที่ใช้ดนตรีสด 100% แต่ภาพรวมแล้วดนตรีในงานก็ทำหน้าที่ได้ดีในการส่งเสริมความสนุกและทำให้เรานึกถึงความหลัง เพราะถ้าใช้ดนตรีสดเล่นแบบล้วนๆ เอกลักษณ์หลายอย่างของซาวด์แต่ละเพลงอาจต่างจากภาพจำไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราแอบอยากให้ปรับคือการเข้าฮอลล์เพราะเรามองว่าฮอลล์สเกลอิมแพ็ค อารีน่า ควรให้เวลา 1 ชั่วโมงในการเข้าฮอลล์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง งาน kamikaze party 2022 จะช้ากว่านั้น จนแฟนๆ หลายคนสามารถเข้าฮอลล์ได้ก่อนงานเริ่มไม่กี่นาที แต่อีกมุมเราก็เข้าใจว่านี่คืองานแรกของ RS ในรอบเกือบ 3 ปีที่เป็นคอนเสิร์ตแบบนี้ ดังนั้นอาจจะต้องปรับอะไรให้เราลงตัว 

สำหรับเรา kamikaze party 2022 คือข้อพิสูจน์ว่า Kamikaze ไม่ใช่แค่ค่ายเพลงที่คือ อารยะธรรมป๊อปคัลเจอร์ที่ไม่เคยเก่าแม้ผ่านมาหลายปีและยังเป็นเซฟโซนของเหล่าศิลปินกับแฟนๆ ที่รักพวกเขา จนเราหวังว่าไม่ว่าสมาชิกบ้านหลังนี้จะมีอยู่ที่ไหน พวกเขาจะมีโอกาสได้รียูเนียนบนเวทีด้วยกันเพื่อเติมไฟให้ตัวเองและมอบความสุขให้คนฟัง ซึ่งจากกระแสตอบรับของงาน ก็ทำให้เรามองว่าโมเมนต์นั้นอาจไม่นานเกินรอ

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ ของ kamikaze party 2022 ปาร์ตี้ฉลองอารยธรรมและเซฟโซนจากป็อปคัลเจอร์เหนือกาลเวลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook