ขนลุกรับฮาโลวีน! 9 ศิลปินเล่าเรื่องขนหัวลุกจากประสบการณ์จริงตัวเอง
ที่ผ่านมาวันฮาโลวีน หรือวันปล่อยผีที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันที่หลายคนมักจะฉลองในธีมผี รวมถึงฟังและรับชมเรื่องสยองขวัญในภาพยนตร์ หรือคลิปที่หลายคนเผยว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้วันนี้ทาง Sanook Music ขอรวมเรื่องหลอนของหลายศิลปินมาให้ทุกคนชมกันวันนี้
เจ๋ง Big Ass
เริ่มที่เรื่องราวของ เจ๋ง-เดชา โคนาโล นักร้องนำวง Big Ass ที่เพิ่งปล่อยอัลบั้มชุด ลายนิ้วมือ ซึ่งเขาขอย้อนเล่าเรื่องสมัยตอนยังเป็นนักดนตรีกลางคืนว่า “เรื่องมันก็นานแล้วพี่ตั้งแต่สมัยผมเล่นร้านกลางคืน จำได้ว่าเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์วันวาเลนไทน์คือจำแม่นเลย ก็ไปเล่นที่ร้านประจำที่เล่นอยู่ที่ชลบุรี ก็จะประจำ 1 วันต่อสัปดาห์ที่ร้านนี้ เล่น 2 ช่วงก็คือหัวค่ำกับรอบดึก ก็แบ่งหัวค่ำชั่วโมงนึงอีกรอบดึกก็เว้นไว้สักพัก ก็จะเล่นอีกชั่วโมงนึงก็แค่นั้น ก็จะมีถ่ายทอดฟุตบอลด้วยมันเป็นการเตะฟุตบอลแล้วเขาจะมีจอมอนิเตอร์จอขาวอยู่บนอยู่บนผนังร้านก็คือฝั่งตรงข้ามตรงบู๊ทดีเจเลย จะอยู่อีกฟากหนึ่งกับเวที หัวค่ำไม่ได้มีอะไรครับ ก็เล่นกันปกติแล้วก็พักมีนั่งพูดคุยก็รอเวลาขึ้นรอบดึก มันก็จะมาช่วงประมาณสัก 23:00 น ประมาณนี้ครับแล้วเราจะเลิกเที่ยงคืน ก็ช่วง 23:00 น นี่แหละมันก็จะมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลด้วย ช่วงที่เราเล่นมันก็จะเป็นช่วงใกล้จะจบเกมแล้ว เราก็เล่นๆ อยู่วงก็มี 4 คน พอเกมจบในจอก็จะไม่มีอะไรฉาย ก็จะเป็นภาพการเล่นดนตรีขึ้นบนจอแทนฟุตบอล ก็จังหวะที่เล่นอยู่เนี่ยผมก็จะเหลือบมองไปมาทางผู้ชมและจอ บนจอก็จะเห็นว่ามีพวกเรามีอยู่ 4 คน ด้านหลังจะยกสูงแล้วเป็นมือกลองอยู่บนแท่น ซ้ายขวาจะเป็นเบสกับกีตาร์ แล้วผมก็อยู่ตรงกลางมันก็จะมีอยู่ 4 คน ผมก็เล่นไปเกือบชั่วโมงเริ่มเล่นเพลงสนุกเพื่อปิดท้ายโชว์ ก็เหลือบไปมองคนดูและกลับมาที่จออีกที เหมือนบนจอผมเห็นผู้ชายสวมชุดขาวยืนเต้นอยู่ระหว่างผมกับมือกีตาร์ กลายเป็นมี 5 คนบนเวทีอยู่แป๊บนึง พอหันกลับมาบนเวทีก็ไม่มีอะไร พอหันกลับไปก็ไม่มีแล้ว ก็มีผมกับเพื่อน 4 คน มันเป็น 2-3 วินาทีที่ผมจำมาถึงทุกวันนี้ ว่ามันอะไรกันแน่”
และเจ๋งเล่าต่ออีกว่า “เรื่องนี้แล้วมันจำฝังใจผมมาตลอดที่เห็นนั่นมันคืออะไรกันแน่ พอเราเลิกเล่นไปเล่ากับทางพนักงาน ดีเจ เขาบอกว่าอาจจะเป็นเจ้าที่มาร่วมสนุกด้วย มันคงเป็นเรื่องเดียว แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมเห็นอะไร ว่าผมตาฝาดหรืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเธอเป็นคนใส่ชุดขาวเป็นคนมีอายุหน่อยมันยืนกระโดดโลดเต้นหเวทีกับวงผมจนเหมือนมี 5 คน แต่สักพักหายไปก็เหลือ 4 เท่าเดิม มันสับสนเพราะผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เราเห็นคืออะไรจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่อยากพูดตรงตัวว่าเราเห็นผี เพราะผมก็เป็นคนที่กลัวผี แต่ตัวเองก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนต่อให้ร้านพูดว่าเป็นเจ้าที่มาสนุก แต่มันก็ไม่มีหลักฐานว่าใช่ไหมหรือเป็นใครหรืออะไรพวกนี้ ทุกวันนี้มันก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เรื่องก็ประมาณคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ”
ขนมจีน กุลมาศ
มาต่อที่ ขนมจีน-กุลมาศ สารสาส ที่เพิ่งปล่อยเพลง “อยู่ดีๆ ก็คิดถึง” ภายใต้สังกัดใหม่ XOXO Entertainment ที่มีเรื่องราวหลอนตอนทัวร์คอนเสิร์ตในสังกัดเก่า โดยขนมจีนเล่าว่า “ทุกครั้งเวลาที่เราเข้าโรงแรมนะ ถ้าเราเข้าไปในห้องนึงนะมันมีความรู้สึกเสียวๆ แปลกๆ เราจะขออนุญาตก่อน ซึ่งวันนั้นเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ เราก็จะนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปตั้งแต่เช้าแล้วก็ไปถึงที่นู่นเนี่ยจำได้ประมาณบ่าย 13:00 น อะไรประมาณนี้ เราก็ไปกับคุณแม่และมีทีมงานหลายคนไปนู่นนี่นั่น แต่ว่าเราอยู่ห้องเดียวกับคุณแม่แล้วตอนที่เข้าไปในภายในอพาร์ทเม้นท์นี้ที่มันเป็นแบบโรงแรม แล้วจะเห็นเขาวางรูปอากง อาม่า เหมือนบ้านคนที่วางรูปบรรพบุรุษ เราก็เดินขึ้นบันไดไปขออนุญาต ซึ่งพอถึงชั้น 3 เข้าห้องไปคุณแม่คือแบบเวียนหัวอาเจียนจากที่ก่อนลงจากรถไม่ได้มีอาการอะไรเลย แม่ก็รู้สึกว่าเหมือนอากาศมันไม่พอแบบมันร้อน เปิดพัดลมแล้วก็ยังไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นทั้งๆ ที่ห้องนั้นมันโปร่งมาก แปลกมากๆ จนเราเลยขอย้ายห้องได้ไหม แบบเหมือนแอร์มันไม่ถึง พอลงมาชั้น อะไรเนี่ยเขาลงมาชั้น 2 ก็ดีขึ้น แล้วพอมันถึงเวลาก็แต่งหน้าแต่งตัวและกินข้าวกับทีมงาน และตอนที่ยังอยู่ที่นั่นเวลาเดินผ่านรูปบรรพบุรุษเราก็จะขออนุญาตทุกครั้ง”
และขนมจีนเล่าเหตุการณ์ หลังออกจากที่พักต่อว่า “แล้วพอโชว์เสร็จก็ไม่กลับไปที่พัก คือแต่งตัวไปโชว์แล้วก็เปลี่ยนชุดในรถพร้อมกลับกรุงเทพฯ เท่านั้นแหละที่คนดูแลเขาบอกว่าเนี่ยตอนที่ย้ายห้องอ่ะตอนที่อยู่อ่ะเราอยู่ข้างห้องเขาชั้น 2 เขาบอกว่าเขาล้างหน้าในห้องน้ำเขาก็มองเห็นในกระจกว่ามีคนแก่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นผู้ชาย เขาก็ออกมาเลยแล้วเขาก็มานั่งรอตรงล็อบบี้ เขาก็ไม่กล้าบอก มันเลยทำให้เรารู้เลยว่าเวลาที่มีอะไรแบบนี้ แชแนลของเราอ่ะมันไม่ได้จูนเขาติดขนาดนั้น เลยเป็นคนรอบข้างจะมากกว่าที่จะเห็น ก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตเลยที่แบบใกล้ชิดที่สุดแล้วกับอะไรแบบนี้แล้วก็ขอเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวพอค่ะไม่ต้องมาแล้ว กลัวค่ะ (หัวเราะ)”
กัน Clockwork Motionless
มาต่อกันที่อีกหนึ่งศิลปินรุ่นใหม่ของค่าย genie records อย่าง Clockwork Motionless ที่ กัน-เอกชัย ประตังทะสา (ร้องนำ) ขอเป็นตัวแทนเล่าเรื่องว่า “ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่พวกเราได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่จังหวัดนึง ซึ่งก็เหมือนอย่างเคยในทุกๆ วันเราต้องข้ามมาจากจังหวัดนึงมาอีกจังหวัดนึงเพื่อเช็คอินโรงแรม ในวันนั้นเราไปถึงโรงแรมช่วงเวลาบ่ายโมง ลักษณะโรงแรมที่เราเห็นก็ไม่ได้มีลักษณะที่น่ากลัวแต่อย่างใด ด้านหน้าก็เป็นลานจอดรถ ถัดไปก็จะเป็นสระว่ายน้ำ ด้านข้างของสระว่ายน้ำจะจะเป็นตึกที่พัก แต่ที่ด้านหลังสระว่ายน้ำนอกรั้วโรงแรมออกไปผมก็ได้สังเกตุเห็นต้นไม้ใหญ่น่าจะมีอายุเกือบร้อยปีได้ พอเดินเข้าไปด้านในก็รู้สึกว่าที่นี่มันเงียบๆ ชอบกล จากนั้นเราก็เช็คอินกันตามปกติทุกคนแยกย้าย กันไปพักผ่อนเพื่อรอเวลาไปซาวด์เช็คตอนสี่โมงเย็น จากนั้นเราก็ไปซาวด์เช็คที่ร้านกันตามปกติ ระหว่างทางเม่นก็ได้เล่าว่าเหมือนเขาโดนผีอำตื่นมาเหนื่อยมากๆ เหมือนฝันเห็นสถานที่นี้ในอดีต แล้วเล่าว่าได้ยินเสียงคนเต็มไปหมด แต่ลืมตาดูไม่ได้ เห็นแค่สถานที่นึงและเห็นต้นไม้ใหญ่ พอเสร็จเรียบร้อยก็กลับมาที่โรงแรมอีกครั้งนึง เพื่อพักผ่อนรอเวลาออกไปโชว์ตอนสี่ทุ่ม พอถึงโรงแรมทีมของเราส่วนนึงก็ดื่ม ผมเองเข้าห้องเพื่อพักผ่อนเพราะรู้สึกปวดหัว รู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยสบาย แล้วส่วนนึงก็ลงไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำ ผมเองตอนนั้นไม่ค่อยสบายก็เลยโทรไปขอยาพารากับเม่นมือกลอง”
หลังจากนั้นกันได้เล่าเรื่องบทสรุปที่สยองต่อว่า “วันนั้นทีมงานและวงทั้งหมดอยู่ที่ชั้นสองผมเองก็เลยไม่คิดว่าคนอื่นจะเข้าพักเพราะที่นั่นคือเงียบมากจากนั้นผมก็เปิดประตูห้องออกมา เพื่อจะไปเอายาที่ห้องเม่น ทันใดนั้นเห็นผู้หญิงเดินขึ้นมาจากบันไดแล้วเปิดประตูเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ไม่เอะใจอะไรก็เดินตรงไปที่ห้องเม่นเพื่อเอายา ปรากฏว่าเม่นไม่ได้มียาพารามีแต่ยาแก้ไมเกรน ผมก็เดินกลับห้องมาปรากฎว่าผมลืมคีย์การ์ด ก็เลยต้องลงไปเอาคีย์การ์ดที่ชันล่างก็เลยได้โอกาสว่าจะไปขอยาที่ reception พอดีก็ลงไป ก็ได้พารากับคีย์การ์ดไป พอกลับถึงห้องผมเองก็ เดินออกไปสูบบุหรี่ที่หลังห้อง ผมก็มองไปรอบๆ แต่ก็แอบเอะใจว่าทำไมห้องข้างๆ ไฟถึงไม่เปิด เพราะเราก็พึ่งเห็นผู้หญิงพึ่งเดินเข้าไปแท้ๆ เพราะระเบียงจะสามารถมองเห็นผ้าม่านห้องข้างๆ ได้ จากนั้นผมก็กินยาแล้วนอนงีบไป ตื่นมาก็ดูในแชทว่ามีใครคุยอะไรในกลุ่มวงบ้างปรากฏว่า พี่บัตร มือกีตาร์ ลื่นล้มคางแตก ผมเองก็ตกใจมาก โทรหาหลายคนเลยปรากฏว่าพี่ ผู้จัดการพาไปโรงพยาบาลแล้ว โชคดีที่ รพ. อยู่ใกล้ๆ แต่ก็กังวลกับเวลาเพราะตอนนั้นใกล้เวลาโชว์มากแล้วแล้วก็ไม่รู้ว่าพี่บัตร แกจะเล่นไหวมไหม แต่สุดท้ายก็ไปเล่นโชว์ได้ทันเวลา พอเล่นเสร็จกลับมา เราก็ดื่มแล้วนั่งคุยกันว่าทำไมถึงลื่นล้ม แกก็เล่าว่าตอนที่แกเล่นน้ำเหมือนเป็นสถานการณ์ที่คนพูดว่าระวังลื่นนะ แกก็เลยบอกไปว่า โอ้ยแค่นี้ไม่ลื่นล้มหรอก ตอนเด็กๆ เคยมาแล้ว ผมเองนึกในใจว่าทำไมเหตุการณ์นี้มันบังเอิญหลายอย่างจังเริ่มสงสัยว่ามันมีหลายเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดขึ้นแบบแปลกๆ พอตอนเช้าก่อนเช็คเอาท์ ผมก็เลยตัดสินใจถามที่ รร. ว่าห้องที่อยู่ข้างๆ ผม มีคนเข้าพักมั้ย เค้าตอบว่า ไม่มีนะคะ ผมเลยบอกว่า เมื่อวานผมเห็นมีผู้หญิงเดินเข้าห้องไป เค้าก็ช็อกไปแปปนึง แล้วก้มหน้า วินาทีนั้นอุทานในใจเลยว่า พวกเราโดนแล้วล่ะ”
The White Hair Cut
ทางด้านของศิลปินรุ่นใหม่อย่าง The White Hair Cut (ฮิว-พัชรพล วงศาโรจน์) ที่ตอนเด็กๆ ก็มีเรื่องราวหลอนๆ ที่เคยเจอ ที่เขาเล่าว่า “วันที่ 18 เดือนยี่ปีขาล (หัวเราะ) ตอนนั้นผมน่าจะ 10 ขวบเพราะวันนั้นทั้งบ้านต้องลงมานอนที่ชั้นหนึ่ง เหมือนไม่แน่ใจว่าตอนนั้นแม่ท้องหรือว่าแม่เพิ่งคลอดน้องก็เลยขึ้นบันไดไม่ไหวก็เลยตัดสินใจก็เลยตัดสินใจมานอนชั้นหนึ่ง ก็คือนอนกัน 3-4 คน ก็นอนเท้าหันไปที่หน้าต่าง คือตื่นขึ้นมาก็จะเห็นหน้าต่างห้องรับแขก ตอนนั้นตื่นมาประมาณตี 1 ตี 2 คือต้องเล่าก่อนว่าตัวบ้านมันก็จะมีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างห้องที่เราอยู่ไปห้องครัวและไปยังหน้าบ้านได้ และผมเห็นเงาผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาตั้งแต่หน้าบ้าน เป็นเงาค่อยๆ เดินมาเข้ามา ก็กลัวมากเพราะรู้ว่าถ้าเดินเข้ามาในห้องครัวก็จะทะลุมาบ้านเราได้แน่นอน ก็พยายามข่มตาหลับครับแล้วตื่นเช้ามาเล่าให้แม่ฟัง”
และฮิวก็ได้เล่าสรุปเรื่องของเขาว่า “แม่บอกว่ามันเหมือนเขาเป็นเจ้าที่แล้วเราไปเจอพอดี คือที่บ้านจะมีคนเจอบ่อย อย่างตอนเริ่มสร้างบ้านเลย ช่างก็มานอนที่ไอ้ตรงที่มันเป็นห้องซ้อมทุกวันนี้ ก็นอนพักแล้วเจอผู้ชายมาเจอผีอำ ยายมานอนก็เจอผีอำ คือเขาบอกว่าเป็นเพราะบ้านเราเลขที่ 313/1 มันมารวมกันแล้วเลยเป็นเลขที่ชวนให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และบ้านผมก็ไม่ได้ทำพิธีอะไร เพราะมันคือบ้านเรา เหมือนมันเป็นอะไรที่ติดมาอยู่แล้ว และเราก็ไม่อยากไปไล่ใครเขาออก มันน่าจะติดมากับที่ คือเขาเล่ามาและเขาเจอกัน ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำบุญดีไหมเพราะกลัวทำบุญแล้วเขาชอบจนไม่ไปแทน (หัวเราะ) แต่ที่ผมเจอคือมีครั้งเดียวครับ”
Wolftone
นอกจากคนที่เจอเรื่องหลอนที่บ้านและโรงแรมแล้ว เราก็มีศิลปินอย่าง Wolftone หรือ ต้น-กฤติน นกแก้ว ที่เจอเรื่องหลอนในหอพัก โดยเขาเริ่มเรื่องว่า “เรื่องของผมเกิดขึ้นตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยย่านนครปฐม ช่วงนั้นเป็นช่วงปี 1 ขึ้นปี 2 ผมได้ย้ายหอพักไปอยู่กับเพื่อนสนิทหลังมหาวิทยาลัย เพื่อนของผมพักอยู่ชั้น 2 แต่เนื่องจากชั้น 2 มีการเช่าห้องจนเต็มเหลือแค่ห้อง 207 ซึ่งเป็นห้องตัวอย่าง จึงต้องตัดสินใจเข้าพัก ช่วงเดือนแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเข้าเดือนที่สองเริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น เริ่มจากมีเพื่อนมาพักที่ห้อง ในคืนนั้นผมนอนโซฟาและเพื่อนนอนบนเตียง ทั้งสองหลับสนิท แต่พอตื่นเช้ามา ปรากฎว่าเสื้อผ้าของเพื่อนกระจายอยู่หน้าห้องน้ำ และเปียกน้ำ พร้อมทั้งโดนมัดตัวด้วยผ้าห่ม ลักษณะเหมือนนุ้งกระโจมอก เราสองคนมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เล่าเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งด้วยซ้ำ”
แต่ทว่าเรื่องราวหลังจากนั้น Wolftone เผยว่า “แต่นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้น 4 ครั้ง คือ โดนถอดเสื้อผ้า กระจัดกระจาย บ้างก็อยู่ปลายเตียง บ้างก็อยู่ในห้องน้ำ แต่ที่เหมือนกันคือทุกๆครั้งคือโดนนุ้งกระโจมอกด้วยผ้าห่ม ผมเริ่มทนไม่ไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงพยายามถามแม่บ้าน และลุง รปภ. แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ โดนกด โดนอำ คือเรื่องปกติที่พบได้บ่อย แต่มีอยู่คืนนึงที่รู้สึกมีผู้หญิงกดหน้าอกอย่างแรง จนหายใจไม่ออก พยายามสู้อยู่ประมาณ 5 นาที จนหลุดมาได้ หันไปดูนาฬิกาเวลา 04.00 เลยรีบโทรบอกเพื่อนว่าโดนอีกแล้ว เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว จนมาครั้งสุดท้าย ครั้งที่หนักที่สุดคือเพื่อนเดินมาเรียกเนื่องจากถึงเวลาไปสอบ ปรากฎว่าประตูห้องผมไม่ได้ล๊อค เปิดเข้าไปเสื้อผ้ากองกระจัดกระจายเต็มหน้าห้องน้ำ และเปียกโชก ผ้าห่มรัดตัวผมแน่นเป็นกระโจมอก เลือดเต็มปาก ริมฝีปากฉีก มีรอยเลือดเปื้อนที่นอน ผมตื่นมาจากเสียงเรียกของเพื่อน ตกใจอย่างมาก และตัดสินใจทันทีว่า วันนี้ต้องออกจากที่นี่ เล่นกันแรงแบบนี้คงอยู่ไม่ได้แล้ว”
สำหรับบทสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น Wolftone ก็บอกว่า “หลังจากย้ายห้อง เหตุการณ์ทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย ผ่านไป 2 ปีผมได้ถาม ป้าแม่บ้านและ ลุงรปภ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอยู่ห้องเก่า ป้าและลุงบอกว่า ป้าแม่บ้านเคยเจอผีผู้หญิงบริเวณห้องเก่า แวบไปแวบมาระแวกห้องและบริเวณลิฟท์ชั้น 2 ซึ่งอยู่หน้าห้อง 207 นั้นเอง”
Only Monday
ตัดมาที่ฝั่งของค่าย GeneLab ก็มีวง Only Monday น้องใหม่ที่มีเพลงฮิตจนได้ทัวร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ธีร์-ทีปกร คำสุรีย์ นักร้องนำได้เล่าว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งครับ ตอนนั้นวงผมไปเล่นที่จังหวัดตากครับ ซึ่งไปถึงตากประมาณบ่าย 2 กว่าๆ ผมกับเพื่อนๆในวงไปนอนรอกันที่โรงแรมก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาซาวด์เช็ค ผมจำได้ว่าผมนอนห้องเดียวกับเฟรมมือกลอง ซึ่งมันเป็นเตียงเดี่ยว ผมก็นอนด้วยกันเนี่ยแหละครับ ตอนนอนอยู่ตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าผมฝันหรือผมยังตื่นอยู่ ผมนอนอยู่เตียงลืมตา แต่ตัวขยับไม่ได้ จะพยายามพูดไม่ได้ ขยับได้แค่ลูกตาไปมา ขณะเดียวกันที่ผมกวาดสายตาไป ผมก็ไปหยุดมองที่ตู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำ ทั้งๆที่ผมไม่ได้อยากจะมอง แต่ผมบังคับตัวเองไม่ได้ ผมเห็นเงาดำๆ คล้ายๆเป็นคนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ลูกตาเป็นสีดำทั้งตา เห็นเงานูนขึ้นมา เงานั้นค่อยๆเปิดตู้และพยายามจะออกมาจากตู้ จังหวะนั้นผมเลยกลั้นใจแล้วหลับตา พอมองอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว ผมก็โล่งอกไป แต่ทันใดนั้นที่ผมกลับมามองตรง ผมที่นอนหงายอยู่นั้นก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเห็นเงานั้นกำลังเกาะอยู่บนเพดาน จังหวะนั้นเองเงานั้นก็กระโจนเข้าหาผม และตะโกนอย่างดังลั่นว่า “นี่มันที่ของกู จะมานอนทับที่กูอย่างนี้ มึงต้องไปอยู่กับกู” ทันใดนั้นผมก็หลุดออกจากตรงนั้นได้ เพราะเฟรมเขย่าตัวผม ทุกอย่างเงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนวันรุ่งขึ้น ผมก็ทราบมาว่า สถานที่ตั้งโรงแรม ข้างหลังนั้นเป็นป่าช้า ผมลองยกฟูกที่นอนขึ้น ก็เห็นเหรียญอยู่เต็มไปหมด และหลังจากนั้นเวลาผมไปนอนที่ไหนผมก็จะเช็คก่อนว่าใต้ฟูกนั้นมีเหรียญหรือเปล่า นั้นก็คือการซื้อเตียงนั่นเอง เพื่อเป็นการสื่อว่า เราขออนุญาตเขามานอนในที่ของเขาครับ”
ณต getsunova
ณต-ปณต คุณประเสริฐ มือกีตาร์วง getsunova เป็นอีกศิลปินที่ทัวร์บ่อย และล่าสุดก็ได้นำความเชื่อแบบไทยๆ มาทำอัลบั้มชุด Thailander ด้วย โดยเขาเล่าประสบการณ์ที่เจอว่า “ก็เรื่องที่เคยเจอมาก็คือตอนนั้นวงเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตกันที่หนึ่ รู้สึกจะเป็นจังหวัดมหาสารคามนะครับ เราไปเล่นกันที่ไม่พูดชื่อแล้วกันครับ มันเป็นที่เก่าแก่ประจำจังหวัด พอดีว่าคอนเสิร์ตเราก็ขึ้นไปยืนอยู่ตรงเรียกว่าชั้นลอย แล้วก็มีแฟนๆ มาขอถ่ายรูปกันจะมาแล้วก็ถ่ายรูปตามปกติไปเรื่อยๆ ถ่ายไปปรากฏว่ามันจะมีอยู่น้องผู้หญิงอีก 2 คนมาขอถ่ายรูปกับตัวผม น้องคนนึงอ่ะเขาก็จะมาถ่ายกับผมอีกคนนึงอ่ะเขามาถ่ายเพื่อน แต่ว่าถ่ายไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ทำไมถ่ายไม่ได้ ถ่ายไปถ่ายอย่างนั้น จนไปรท์เขาสงสัยว่าเป็นอะไรกัน ทำไมมันถ่ายรูปนานจังเลย เขาก็เลยขอมือถือเข้ามาดูเลยเนี่ยเขาก็เปิดดู รูปแรกมันก็จะมีแสงไฟผ่านไปผ่านมา รูปต่อมาก็เป็นอย่างนี้เลยจนเขาเลื่อนไปถึงรูปสุดท้ายก็คือเห็นเป็นผมกับน้องแล้วก็มีเหมือนหน้าผู้ชายผิวขาวอยู่ข้างๆ ก็คือเหมือนกับว่าที่ถ่ายไม่ติดเพราะว่ามันมีวิญญาณคอยก่อกวนอยู่อ่ะ ก็เลยแยกย้ายกันไปเลย ก็เสียดายนะที่ไม่ได้ขอให้น้องเขาส่งรูปมาให้เราดู เหมือนเขาน่าจะมีว่าพวกนี้เป็นใครวะมายืนถ่ายรูปกันแถวนี้ครับ (หัวเราะ) ก็ประมาณนี้ครับที่ผมเจอครับ”
บอย Lomosonic
แม้ว่า บอย-อริย์ธัช พลตาล นักร้องนำวง Lomosonic จะไม่เคยเจอเรื่องหลอน แต่เขาก็เผยว่าเพื่อนนักดนตรีที่ทำงานด้วยกันเคยเจอ โดยเขาเล่าว่า “ผมไม่เคยเจอครับ แต่ตอนที่ไปเล่นที่ลพบุรี ก็เข้าไปที่โรงแรมด้วยอาการเมานิดหน่อย เพื่อนก็ลงไปเล่นตุ๊กตาลิงเลยที่โรงแรม ก็ขึ้นไปเล่นเลย เราก็เขาไปนอนไอเราป่วยเรากินยาแล้วก็น็อคหลับไป แล้วตอนเข้าห้องเพื่อนก็เปิดเตียงดูเหรียญเต็มเลย แล้วมันก็ไม่อ่านในพันทิพย์กันบอกว่าโรงแรมขึ้นชื่อเรื่องนั้นนี้ แล้วสิ่งที่ต้องห้ามทำเมื่อเข้าพักโรงแรมนี้ข้อแรกก็คือห้ามเล่นตุ๊กตาลิง ก็ชิบหายละ ตอน 6 โมงเพื่อนก็บอกมีเสียงเคาะ แต่ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไร”
LEMONY
ปิดท้ายกับเรื่องราวของวง LEMONY คลื่นลูกใหม่ของ สนามหลวงมิวสิก ที่มีประสบการณ์หลอนแบบยกวง โดยพวกเขาได้เล่าว่า "เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เราไปทัวร์กับเพื่อนของเรา วง Clockwork Motionless ที่จังหวัดหนึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก เราได้พักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง บรรยากาศดีในตอนแรกที่มาถึง รอบข้างของกินมากมาย พวกเรานำของไปเก็บ และอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปแสดงดนตรีกัน ช่วงที่อยู่ในห้องเรารู้สึกว่ารูปแบบของห้องมันทรงคุ้นๆ มาก เราก็ได้นำมาพูดคุยกันว่า เออ ทรงห้องมันเหมือนห้องพักผู้ป่วยเลยเนอะ แต่ก็คุยกันไป บางคนก็บอก เห้ย มันก็มีทรงอยู่ เราก็หยุดเรื่องนี้ไว้ ไปทำการแสดงดนตรีกันก่อน พอโชว์เสร็จทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้เวลาปาร์ตี้ พอกลับมาถึงโรงแรมเราก็แยกย้ายทำธุระส่วนตัว และได้นัดเวลาปาร์ตี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย ช่วงประมาณ ตี 2 ผม(ทีม)กับเพื่อน (นนท์ death of heather) ได้เดินออกมารอเพื่อนๆ ที่หน้าห้อง เราสองคนไปที่ชมวิว ตรงบันไดหนีไฟ มันจะมีหน้าต่างมองเห็นวิวของเมืองอย่างสวยงามในยามราตรี ช่วงที่เราสองคนเดินผ่านห้องต่างๆ มันจะมีอยู่ห้องหนึ่งที่เปิดประตูแง้มๆ ไว้ เราก็มองเข้าไปในห้องมืดมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรกัน เราก็เดินไปถึงจุดชมวิวที่เราตั้งใจมา ก็ดูวิวบรรยากาศของเมือง พอตอนจะเดินกลับมาที่ห้องพักของพวกเราเพื่อไปปาร์ตี้ ซึ้งตอนเดินผ่านห้องปริศนานั้นด้วย ในใจเราตอนแรกคิดกันว่า เห้ยทำไมมันไม่ปกติเหมือนห้องอื่น ทั้งที่ทั้งชั้นนี้ค่ายจองให้เราหมดนะ ห้องนี้คืออะไร เราก็เดินผ่านกันไป พอจังหวะที่กำลังจะผ่านห้องนั้น อยู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงน้ำ คล้ายจะเป็นฝักบัว ไหลลงกระทบพื้น เสียงดัง เราสองคนหันมองหน้ากัน แล้วก็รีบวิ่งมาที่ห้องพักของพวกเรา เห้ยมึงได้ยินเหมือนกันไหม เราสองคนได้ยินทั้งคู่ แต่ที่แปลกมากๆ ก็คือในห้องนั้นไม่มีคนพักอาศัยอยู่แน่นอน เราได้ทำการสอบถามในตอนเช้า และที่พักแห่งก็คือโรงพยาบาลเก่า จากที่เราไปหาข้อมูลกันมา"
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ