รีวิวคอนเสิร์ต LANY มากี่ครั้ง ฟินทุกครั้ง เอเนอจี้ล้นเหลือ คุ้มราคาทุกที่นั่ง
LANY มาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ทั้งในรูปแบบของคอนเสิร์ตในฮอลล์เล็กๆ ในเทศกาลดนตรีต่างจังหวัด ไปจนถึงคอนเสิร์ตในฮอลล์ที่ร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่าง อิมแพ็ค อารีน่า ที่มารอบนี้ก็ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจนบัตร sold out และต้องเพิ่มวันกันอีกครั้ง เป็นวันที่ 3-4 พ.ย. 2022 จัดโดย Live Nation Tero
คอนเสิร์ต LANY A November To Remember Live in Bangkok ในคืนแรก วันที่ 3 พ.ย. แฟนๆ มากันแน่นฮอลล์แต่อาจจะไม่แน่นเท่าวันที่ 4 พ.ย. ที่เป็นวันเปิดขายบัตรวันแรกและบัตร sold out อย่างรวดเร็วจนต้องมาเพิ่มรอบเป็นวันที่ 3 พ.ย. แต่ถึงกระนั้นแฟนๆ ก็เติมเต็มที่นั่งในอิมแพ็คได้จนรู้สึกได้ถึงความหนาแน่น 21.00 น. รอไปครึ่งชั่วโมงคอนเสิร์ตถึงจะเริ่ม LANY ทั้ง Paul Klein และ Jake Goss วิ่งเข้าประจำที่พร้อมนักดนตรีแบ็กอัพในตำแหน่งกีตาร์และเบสแทนที่ Les Priest ที่ออกจากวงไปช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อทำงานด้านการเป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่ Nashville คอนเสิร์ตในไทยครั้งนี้จึงนับว่าเป็นครั้งแรกที่ LANY มากันแค่ 2 คน
แต่ถึงกระนั้นการแสดงของวงยังคงทำให้ตื่นเต้นและน่าติดตามไปตลอดโชว์ได้เหมือนเดิมกับทุกครั้งที่เคยมาเมืองไทย และเผลอๆ อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ เพราะแต่ละเพลงที่ LANY เล่นต่อกัน ไล่เรียงเครื่องดนตรีและจังหวะเพลงได้อย่างต่อเนื่องจนแทบไม่รู้สึกถึงความเป็นเพลงต่อเพลงเลย ตั้งแต่เปิดตัวด้วย “you!” ต่อด้วย “Thick And Thin”, “Super Far” และ “cowboy in LA” และวิ่งลงมาหาแฟนๆ ด้านล่างอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าเอาแฟนๆ ได้อยู่หมัดตั้งแต่ช่วงแรกเลยทีเดียว
หลังจากนั้น LANY พาพวกเรากลับไปในปี 2016 กับ “yea, babe, no way” จากอีพี kinda ก่อนจะกลับมาที่อัลบั้ม Malibu Nights อย่าง “I Don’t Wanna Love You Anymore” และพาไปที่เพลงล่าสุดในปี 2022 กับเพลงสุดประชดประชันอย่าง “Congrats” ที่โดดเด่นด้วยภาพ memes ต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตที่เป็นกิริยาปรบมือแสดงสีหน้าท่าทางดีใจ ยินดีด้วยตามชื่อเพลง ช่วงของเพลงนี้เป็นช่วงหนึ่งที่เราชอบมากเพราะ memes ด้านหลังของ Paul ทำเอาเราขำให้กับความขี้เล่นของวง ทั้งๆ ที่เพลงเศร้าและประชดประชันคนรักสุดๆ
หลังจากจบเพลง “Hericane” และ “up to me” แล้ว Paul พา Jake ไปที่เวทีเล็ก B-Stage เพื่อเล่นเพลงโปรดของใครหลายคนอย่าง “13” ก่อนจะกลับมาที่เวทีหลักกับ “ex i never had”, “get away” และ “pink skies” จากนั้น Paul ก็นั่งลงที่ตำแหน่งคีย์บอร์ดก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลง “I Quit Drinking” ที่ร้องให้ฟังกันชัดๆ พร้อมด้วย outro เป็นเพลง “dna” ต่อด้วย “Mean It” เพลงที่ LANY ทำกับ Lauv และเชื่อว่าเป็นเพลงโปรดของใครหลายคน แต่ Paul มาแสดงในรูปแบบของเสียงร้องสไตล์ autotune และดนตรีจากเสียงคีย์บอร์ดล้วนๆ ที่ฟังแล้วเป็น Mean It เวอร์ชั่นที่แปลกใหม่และคาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะทำเป็นแนวนี้
เข้าสู่ช่วงเวทีหลักพร้อมนักดนตรีแบ็กอัพเหมือนเดิมกับ “Taking Me Back” ที่ Paul ชวนแฟนๆ ร้องเพลงตามเนื้อเพลงที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเวที ต่อด้วย “sad”, “Made In Hollywood” ที่ Paul วิ่งไปหาแฟนๆ ถึงโซนชั้นสองตรงกลางอย่างใกล้ชิด ต่อด้วย “dancing in the kitchen” ที่มีเซอร์ไพรส์กับ ไอซ์ พาริส ที่มาร่วมแจมเวทีด้วยจนหลายคนแอบหลุดโฟกัสจาก Paul ไปชั่วขณะ และ “Malibu Nights” สุดละเมียดละไมที่หลายคนอยากมาฟังเพลงนี้กันสดๆ อีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้อังกอร์กันสั้นๆ พร้อมภาพไฟไหม้ซากบ้านไม้ในป่าใหญ่บนจอเวทีไม่กี่อึดใจแบบไม่ต้องให้รอนานหรือแฟนๆ ไม่ทันได้ตะโกนเรียกชื่อวงแต่อย่างใด LANY ก็ออกมาปิดฉากความสนุกของค่ำคืนนี้ด้วยเพลงเด็ดอย่าง “Thru These Tears” และเพลงชาติ “ILYSB” ที่แฟนๆ ร้องตามกันได้กระหึ่มฮอลล์
แม้ว่าจะเป็นครั้งที่ 4 ของ LANY ในประเทศไทย แต่การแสดงของเขามีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการแสดงแบบเดิมๆ เพราะหลายเพลงมีการเรียบเรียงดนตรีใหม่ เพิ่มลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปในเพลง หรือบางเพลงก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยสิ้นเชิง นับว่าเป็นการสร้างสรรค์ดนตรีสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตที่ดี อาจจะแปลกหูสำหรับบางคน แต่เรามองว่าเป็นการสร้างสรรค์ผลงานเพลงในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากการฟังเพลงเวอร์ชั่นปกติที่บ้าน และมันเป็นเหตุผลที่ทำไมเราต้องมาดูการแสดงเพลงโปรดในคอนเสิร์ตกันสดๆ
อีกเรื่องที่ประทับใจคือภาพกราฟิกบนจอที่ไม่ได้หวือหวาไปกว่าคอนเสิร์ตอื่นๆ แต่การเน้นใช้ภาพฟุตเทจจากสถานที่จริงมากกว่ากราฟิกที่สร้างเองในคอมพิวเตอร์ และการใช้กล้องไลฟ์สดภาพขึ้นจอ ให้ฟีลเรียลๆ เหมือนดูหนังสักเรื่องได้ดี โดยเฉพาะการตัดเข้าภาพ memes ตลกๆ หรือการใส่เนื้อเพลงลงไปบนจอให้แฟนๆ ร้องตามกันได้ในหลายๆ เพลง เรามองว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคอนเสิร์ตที่มีเพลงเป็นภาษาต่างประเทศ
การเอนเตอร์เทนของ Paul และ Jake ก็เต็มไปด้วยพลังตั้งแต่ต้นจนจบโชว์ โดยเฉพาะ Paul ที่วิ่งไปทั่ว ทั้งบนเวทีและลงไปด้านล่าง ขึ้นไปข้างบนชั้นสอง ขยับร่างกายอยู่เสมอ แม้ว่าในบางครั้งเราจะเห็น Paul พยายามบิวด์พลังคนดูอย่างมากเพราะเสียงร้องเพลงตามอาจจะเบาไปสักหน่อยในบางช่วง แต่ในจุดที่เรายืนอยู่ซึ่งเป็นโซนใกล้เวที แฟนๆ ร้องตามกันได้หลายเพลงเลยทีเดียว ติดอยู่ที่ว่าหลายคนมัวแต่อัดคลิปลงโทรศัพท์จนไม่ได้ร้องเพลงตามในบางช่วงบางท่อนของเพลงเลยดูจะเงียบๆ ไป
นอกจากนี้ การมาถึงก็เล่นเพลงติดๆ กันโดยไม่มีช่วงเว้นให้พูดคุยกับแฟนๆ เลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้โชว์จบลงอย่างรวดเร็วในเวลา 1.30 ชั่วโมง แฟนๆ บางคนที่เน้นชมเพอร์ฟอร์มานซ์อาจไม่รู้สึกอะไร และอาจรู้สึกอิ่มเอมกับโชว์ที่จัดเต็มโดยไม่ไม่มีขัดอารมณ์ แต่แฟนๆ ที่อยากให้ศิลปินพูดคุยทักทายระหว่างโชว์บ้างอาจจะผิดหวังเล็กๆ ได้ และแน่นอนว่าเมื่อโชว์จำกัดอยู่ที่ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้หลายๆ เพลงที่แฟนๆ อยากได้ยินขาดหายไปพอสมควร ทั้ง “Good Girls”, “if this is the last time”, “heart won’t let me”, “good guys”, “nevermind, let’s break up” ฯลฯ แต่เชื่อว่าตลอดชั่วโมงครึ่งที่เล่นเพลงติดต่อกันโดยแทบไม่หยุดทั้งหมด 22 เพลง ก็เป็นจำนวนเพลงที่มากกว่าหลายๆ คอนเสิร์ตที่ใช้เวลาใกล้เคียงกันแล้ว
LANY ยังคงรักษามาตรฐานในการแสดงคอนเสิร์ตที่จับใจคนดูและเต็มไปด้วยพลังล้นเหลือได้เหมือนเดิม และครั้งต่อๆ ไป ก็ยังเชื่อว่า LANY จะยังสร้างปรากฏการณ์บัตร sold out จนต้องเพิ่มวันได้อีกแน่นอน